การประชุมคณะกรรมการที่ยาวนานยืดเยื้อกินเวลาไปครึ่งค่อนวันกว่าที่นาราภัทรจะออกมาจากโรงแรมได้ก็ล่วงเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว พอขับรถผ่านตลาดก็แวะซื้ออาหารสดเพิ่มเติมใช้เวลาไปอีกร่วมชั่วโมงกว่าจะขับรถมาถึงคฤหาสน์หลังงามได้ก็ปาไปเกือบสองทุ่ม
“จะ 2 ทุ่มแล้วป่านนี้เจ้าชายหิวข้าวจนตาลายแล้วมั้ง”
หญิงสาวบ่นงึมงำเป็นกังวลหอบข้าวของพะรุงพะรังออกจากรถสาวเท้ายาวๆ เข้าไปในตัวบ้านด้วยความรีบเร่งหัวใจดวงเล็กกระหวัดเป็นห่วงคนป่วยเกรงว่าจะยังไม่ได้กินข้าวกินยา แต่เมื่อย่างก้าวๆ แรกเข้ามาในบ้านก็มีอันต้องขมวดคิ้วโก่งงามเข้าหากันยุ่งด้วยความแปลกใจ
“ทำไมบ้านเงียบจัง” นาราภัทรกระซิบถามตนเองเสียงแผ่วเบาชะเง้อมองหาเหล่าองครักษ์ที่อาจนั่งทำงานอยู่ในห้องใดห้องหนึ่ง
“หรือว่าเจ้าชายอาการทรุดหนัก”
เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของเหล่าองครักษ์ใจเจ้ากรรมเริ่มคิดไปในแง่ร้ายมือไม้เย็นเชียบไร้เรี่ยวแรงรีบวางของทุกอย่างลงบนโต๊ะแล้ววิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนใหญ่ เตียงนอนที่ถูกจัดเรียบตึงปราศจากเรือนกายของบุรุษอาหรับที่เฝ้าคะนึงหาทำให้เท้าเล็กไร้เรี่ยวแรงพยุงกายจนต้องทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงใหญ่
“เจ้าชายไม่สบายมากหรือทำไมราชิตไม่โทรบอกเรา”
ด้วยคิดว่าอาการไข้กลับมาเล่นงานเจ้าชายหนุ่มอีกครั้งจนทรุดหนักต้องเข้าโรงพยาบาลทำเอานาราภัทรเป็นห่วงกังวลมือไม้สั่นเทาขณะล้วงไปหยิบโทรศัพท์เพื่อกดโทรหาองครักษ์ของเจ้าชายซารีฟร์ เสียงตอบรับจากปลายทางที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายปิดเครื่องทำให้หญิงสาวหน้าถอดสีเผือดลองกดโทรหาอาดิลก็เป็นสัญญาปิดเครื่องเช่นเดียวกัน พอจะกดโทรหาองครักษ์คาซัจก็เห็นอีกฝ่ายสาวเท้าช้าๆ ตีหน้าเศร้าเข้ามาในห้องนอน
“คาซัจ...โอ...น้ำหนาวดีใจจังเลยที่เจอคุณ” นาราภัทรผวาเข้าไปจับมือองครักษ์หนุ่มไว้แน่นก่อนจะเอ่ยถามถึงบุรุษชาติที่รักด้วยความเป็นห่วง
”น้ำหนาวติดต่อราชิตกับอาดิลไม่ได้เลย อาการเจ้าชายทรุดลงหรือแล้วตอนนี้เจ้าชายอยู่โรงพยาบาลไหนน้ำหนาวจะไปเฝ้าไข้เจ้าชายเอง”
“เอ่อ...”
ถ้อยคำที่เอ่ยถามรัวเร็วด้วยความห่วงใย สีหน้าแววตาที่เผยความกังวลต่อสิ่งที่เข้าใจผิดคิดว่าเจ้าชายองค์รองแห่งทะเลทรายล้มป่วยหนักทำเอาคาซัจอึกอักไม่กล้าเอ่ยบอกความจริง
“คาซัจ เจ้าชายไม่สบายมากเลยหรือ”
อาการอ้ำอึ้งใบหน้าไร้สีเลือดขององครักษ์คาซัจทำเอานาราภัทรยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่คิดว่าเจ้าชายซารีฟร์ล้มป่วยหนักจนคาซัจไม่กล้าบอกเธอ
คาซัจถอนหายใจหนักหน่วงมองใบหน้างามเนียนลออที่เต็มได้ด้วยริ้วรอยแห่งความห่วงใยก่อนจะเอ่ยบอกความจริงในที่สุด
“คือ...อาการป่วยของเจ้าชายค่อยทุเลาแล้วพะยะค่ะ”
“จริงหรือคาซัจ แล้วตอนนี้เจ้าชายอยู่ที่ไหนคะ”
นาราภัทรร้องถามด้วยความดีใจคลี่ยิ้มออกมาได้อย่างโล่งอกแต่รอยยิ้มกว้างที่แต่งแต้มอยู่บนดวงหน้างามมีอันต้องอันตรธานจางหายไปเมื่อได้ยินประโยคต่อมาขององครักษ์คาซัจ
“เจ้าชายกลับอัลนูรีนแล้วพะยะค่ะ”
“กลับอัลนูรีน...” นาราภัทรครางเสียงแผ่วเบาทรุดฮวบลงนั่งหมิ่นๆ บนเตียงดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำตาหล่อเลี้ยงขณะเงยหน้าเอ่ยถามออกมาราวกับละเมอ
“เมื่อไหร่คะ เจ้าชายกลับอัลนูรีนเมื่อไหร่”
“หลังจากที่พระชายากลับไปแล้วพะยะค่ะ”
คาซัจเอ่ยตอบอย่างลำบากใจเห็นสีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจกอปรกับได้ยินเสียงสะอื้นที่หลุดลอดให้ได้ยินแผ่วเบาทำเอาเขาหน้าเสียอยากให้เจ้าชายองค์รองแห่งทะเลทรายได้กลับมาเห็นอาการโศกเศร้าเสียใจของพระชายาในขณะนี้ยิ่งนัก
นาราภัทรสูดสะอื้นปล่อยให้น้ำตาอุ่นไหลรินลงมาตามพวงแก้มโดยไม่นึกอายองครักษ์หนุ่มกระซิบถามเสียงแผ่วเบาด้วยความคาดหวัง
“เจ้าชายฝากข้อความไว้ให้น้ำหนาวบ้างไหมคะ”
คาซัจลอบถอนหายใจเขาอยากเป็นเด็กเลี้ยงแกะอยากเป็นคนขี้โกหกเพียงเพื่อให้ได้เห็นรอยยิ้มหวานบนใบหน้างามอีกครั้งซึ่งถ้าหากเขาทำได้เช่นนั้นก็คงจะดีอยู่ไม่น้อย
“เอ่อ...ไม่มีพะยะค่ะ เจ้าชายรับสั่งแค่เรื่องงานเท่านั้น”
“ไม่มีแม้แต่ข้อความเดียวเลยหรือคาซัจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย