พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 51

“พ่อคะ น้ำหนาวเป็นคนขี้ขลาดใช่ไหมคะ น้ำหนาวไม่กล้าเปิดใจรับรักเจ้าชายซารีฟร์ทั้งๆ ที่เจ้าชายได้เอ่ยบอกและแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่ารักน้ำหนาว”

“ไม่เลยลูก หนูไม่ได้ขี้ขลาดเพียงแค่ต้องการเวลาในการตัดสินใจเท่านั้นเอง”

ผู้ที่เป็นพ่อช่างฉลาดเอ่ยปลอบบุตรสาวยิ่งนัก มืออบอุ่นเอื้อมไปเช็ดคราบน้ำตาให้ลูกสาวด้วยกริยาอ่อนโยน

“หนูกลัวค่ะคุณพ่อ น้ำหนาวเคยได้ยินสาวๆ ในมหา’ลัยตั้งฉายาให้กับเจ้าชายซารีฟร์ว่าคาสโนว่าแห่งทะเลทราย น้ำหนาวไม่คิดว่าเจ้าชายจะหยุดรักได้ที่น้ำหนาวคนเดียวประเทศของเจ้าชายเขาอนุญาตให้ผู้ชายมีเมียได้ถึง 4 คนแล้วไหนจะนางกำนัลนางในฮาเร็มอีกน้ำหนาวไม่อยากเจ็บปวดและคงทนไม่ได้ถ้าหากเจ้าชายปั่นใจไปให้หญิงอื่นในขณะที่ยังมีน้ำหนาวอยู่ด้วย”

“ถึงแม้พ่อเพิ่งจะพบกับเจ้าชายซารีฟร์เป็นครั้งแรกแต่พ่อก็มองออกว่าเจ้าชายเขาเป็นคนรักเดียวใจเดียวไม่ต่างจากเจ้าชายฮารีฟร์เชษฐาของเขา พ่อไม่อยากเห็นหนูเป็นแบบนี้ข้างนอกลูกดูร่าเริงแจ่มใสแต่ภายในลึกๆ แล้วหนูเจ็บปวดหมองเศร้าพ่อรู้ว่าหนูรักและคิดถึงเจ้าชายทุกวันให้โอกาสตัวเองน่ะลูกอย่าปฏิเสธความรักที่แสนสวยงามอย่าปฏิเสธใจของตัวเอง ถ้าหากหนูล้มหนูเจ็บปวดยังคงมีพ่อ ป้าจัน พี่น้ำเหนือและน้องน้ำค้างคอยประคับประคองเอ่ยปลอบและพร้อมที่จะเจ็บไปกับหนูด้วย”

คุณกมลเปิดยิ้มกว้างอบอุ่นโอบกอดไปรอบตัวบุตรสาวที่ยังคงสะอื้นร่ำไห้เบาๆ มือใหญ่ของผู้ที่เป็นพ่อยกขึ้นลูบทั่วศีรษะปกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มสลวยถ่ายทอดพลังความรักให้บุตรสาวตัวน้อยได้เข้มแข็ง

นาราภัทรยกมือปาดน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองบิดาพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานถ้าหากไม่ให้โอกาสตัวเองแล้วใครจะให้โอกาสกับเธอ

“น้ำหนาวจะทำตามที่คุณพ่อบอกทำตามคำเรียกร้องของหัวใจหากวันใดน้ำหนาวเจ็บปวดช้ำใจน้ำหนาวก็ยังคงมีครอบครัวที่อบอุ่นคอยให้พลังกำลังใจสมานแผลให้หายสนิท”

“ดีแล้วลูกความรักเป็นสิ่งสวยงามเจ้าชายซารีฟร์เป็นคนดีหนูกับเจ้าชายถูกลิขิตมาให้คู่กันไปอัลนูรีนครั้งนี้ก็ปรับความเข้าใจกับเจ้าชายน่ะลูกอย่าให้ทิฐิเป็นตัวทำลายความรักความสุขของหนู”

“ค่ะคุณพ่อน้ำหนาวจะจำคำพูดของคุณพ่อไว้ น้ำหนาวขอโทษที่ทำให้คุณพ่อไม่สบายใจเพราะเรื่องของน้ำหนาว”

หญิงสาวยกพนมกราบไปบนอกอบอุ่นของบิดา รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าหวานลออดูแจ่มใสมีชีวิตชีวาขึ้นมามาก

“กินนมแล้วพักผ่อนน่ะลูก ดึกมากแล้วพักเรื่องงานไว้ก่อนอย่าหักโหมมาก” คุณกมลกดจูบลงบนกระหม่อมตบมือลงไปเบาๆ บนแผ่นหลังของบุตรสาวก่อนจะเดินออกจากห้องทำงาน

นาราภัทรรอจนกระทั่งบิดาเดินพ้นไปจากห้องทำงานแล้วจึงได้ยกมือลูบลงไปบนหน้าท้องของตนเองพร้อมกับเอ่ยพึมพำบอกลูกน้อย

“อีก 2 วันเราก็จะได้เจอคุณพ่อแล้วน่ะลูก แม่จะบอกให้พ่อรู้ว่ากำลังมีหนูถือกำเนิดอยู่ในท้องแม่และบอกว่าแม่เองก็รักพ่อเหมือนกันพ่อเป็นคนเดียวที่ทำให้แม่อบอุ่นปลอดภัยเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆ แม่จะบอกให้พ่อรู้ว่าแม่รักพ่อหมดใจ”

นาราภัทรยิ้มหวานดื่มนมที่บิดานำมาให้จนหมดแก้วขณะลุกขึ้นกลับไปที่ห้องนอนของตนเองก็แย้มยิ้มตลอดเวลาคิดว่าเจ้าชายซารีฟร์ต้องดีใจเป็นแน่ที่รู้เรื่องลูกและข่าวดีที่เธอได้เอื้อนวาจาบอกรักดังที่เจ้าชายได้รอคอยมาแสนนาน...

ครอบครัวกมลเนตรอันประกอบไปด้วยหัวหน้าครอบครัวคุณกมล นาราภัทร นาราพรรณและพ่วงท้ายด้วยป้าจันต่างก็ตื่นเต้นดีใจด้วยอีกไม่กี่นาทีทุกคนก็ได้พบกับนีราพรรณหรือราชินีแห่งอัลนูรีน พอเครื่องบินหลวงลำใหญ่ที่เจ้าชายฮารีฟร์ได้ส่งมาเพื่อรับครอบครัวของหญิงที่รักโดยเฉพาะได้ปล่อยขอบล้อแตะกับรันเวย์และจอดสงบนิ่งคุณกมลก็เป็นคนแรกที่รีบผุดลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วรีบเดินตรงดิ่งไปยังประตูเครื่องบินโดยไม่รอช้า

“แหม...คุณพ่อคะใจเย็นๆ ก็ได้ค่ะ”

นาราภัทรหันไปหัวเราะกับน้ำค้างแฝดน้องก่อนจะเอ่ยแซวบิดาที่เดินเร็วเกือบเป็นวิ่งตรงไปยังประตูเครื่องบิน

“พ่อตื่นเต้นน่ะลูก อยากเห็นพี่สาวของพวกหนูเร็วๆ”

“ถ้าเรื่องตื่นเต้นไม่มีใครเกินพ่อหนูหรอก นี่สั่งให้ป้าจันทำโน่นทำนี่ทำอาหารแห้งที่คุณน้ำเหนือชอบใส่โหลนับรวมๆ กันแล้วก็ครบหนึ่งโหลพอดี”

ป้าจันแซวกลั้วหัวเราะขณะเดินตามทุกคนตรงไปยังประตูเครื่องบิน ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้างกับสิ่งที่คุณกมลสั่งให้จัดเตรียมแต่นางก็มีความสุขและเต็มใจพร้อมที่จะทำ

“ฉันอยากให้น้ำเหนือได้กินอาหารไทยบ้าง กินแต่อาหารของที่นี่ป่านนี้น้ำเหนือเบื่อแย่”

คุณกมลหันมามองค้อนแม่บ้านนิดหนึ่ง พอประตูเครื่องบินเปิดกว้างก็รีบก้าวออกจากเครื่องบินเป็นคนแรกไม่อยู่เถียงกับแม่บ้านให้เสียเวลา

ใช่ว่าจะมีแค่คุณกมลที่ตื่นเต้นจนออกนอกหน้านาราภัทรเองก็ตื่นเต้นดีใจที่จะได้พบกับบุรุษชาติที่รัก หัวใจดวงเล็กเต้นรัวเร็วแทบทะลุออกมานอกกายขณะที่เจ้าตัวก้าวออกมาจากเครื่องบินหลวงลำใหญ่

นีราพรรณพร้อมด้วยเจ้าชายฮารีฟร์ เจ้าชายซารีฟร์รวมทั้งข้าราชการและองครักษ์บางส่วนได้มารอรับอยู่แล้วเมื่อเห็นบิดาก้าวลงจากเครื่องบินนีราพรรณก็รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดทันที

“คุณพ่อ...” นีราพรรณตะโกนเรียกบิดาพร้อมกับโผเข้าหาอ้อมแขนอบอุ่นที่อ้าออกกว้างรอรับ “น้ำเหนือคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลย”

“พ่อก็คิดถึงหนูเหมือนกันลูก”

คุณกมลกดจูบรับขวัญลงบนกระหม่อมลูกสาว ดวงตาของผู้ที่เป็นพ่อมีน้ำหล่อเลี้ยงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มหวานสดใสผิวพรรณที่เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลของบุตรสาวคนโตที่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นราชินีแผ่นดินที่ท่านได้มาเยือน

นาราพรรณเบิกตากว้างอ้าปากค้างยกมือขึ้นมองแหวนวงงามประดับด้วยอัญมณีสีฟ้าอ่อนเหมือนสีน้ำทะเลอย่างคาดไม่ถึงแค่เพียงเจ้าชายฮารีฟร์ต้อนรับให้เธอเป็นน้องสาวอีกคนก็เพียงพอแล้วแต่นี่เจ้าชายฮารีฟร์มอบเครื่อง

ประดับล้ำค่าให้ด้วยทำเอาเธอถึงกับอึ้งน้ำตาคลอเบ้าด้วยความดีใจ

“เสร็จจากงานอภิเษกแล้วเราจะจัดพิธีสถาปนาเจ้าให้เป็นเจ้าหญิงแห่งอัลนูรีน”

เจ้าชายฮารีฟร์เอ่ยบอกพร้อมกับรวบตัวสาวน้อยมาสวมกอดด้วยความรักเอ็นดูจากนั้นก็ส่งตัวให้อนุชาหล่อเหลาที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาได้สวมกอดต้อนรับขนิษฐาคนใหม่บ้าง

*อความารีน [Aquamarine] เป็นพลอยสีฟ้าอ่อนเหมือนสีน้ำทะเล อความารีนเป็นสัญลักษณ์แห่งความสงบ เยือกเย็น ทำให้ผู้สวมใส่มีจิตใจสงบสุขเป็นอัญมณีของกะลาสีเรือ เชื่อว่าช่วยให้มีความปลอดภัยในการเดินทางทางทะเล ยุคกลางเชื่อว่าทำให้คู่สมรสไม่เสื่อมคลายต่อกัน และเป็นเครื่องรางช่วยให้ทหารมีชัยชนะเหนือข้าศึก

“สวัสดีค่ะ เจ้าชาย”

นาราภัทรขยับกายเข้าไปใกล้เจ้าชายฮารีฟร์นิดหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นไว้อย่างนบน้อมผิดกับครั้งแรกที่เจอกันในเมืองไทยซึ่งตอนนี้เธอไม่ยอมยกมือไหว้ไม่แม้แต่มองหน้าเจ้าชายผู้นี้ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือคนที่ทำให้พี่สาวเธอเสียใจน้ำตาตก

เจ้าชายฮารีฟร์ยิ้มอบอุ่นพยักหน้ารับไหว้ก่อนจะรวบตัวร่างบอบบางเข้ามาสวมกอด มาครั้งนี้นาราภัทรอ่อนลงมากไม่มีท่าทีดื้อดึงปั่นปึ่งใส่เหมือนการพบกันครั้งแรก

“ยินดีต้อนรับเจ้าเป็นน้องสะใภ้ เราดีใจที่ซารีฟร์เลือกเจ้าสำหรับอัญมณีรับขวัญคงไม่ต้องแล้วเพราะซารีฟร์ได้มอบแหวนทับทิมประจำยศที่รักและหวงแหนให้กับเจ้าแล้ว”

“น้ำหนาวขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมาค่ะ” นาราภัทรเอ่ยขอโทษเสียงอ่อนก่อนจะแย้มยิ้มหวานให้ประมุขแห่งอัลนูรีน

“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ถือโทษโกรธเจ้า เข้าไปหาซารีฟร์สิ” เจ้าชายฮารีฟร์คลี่ยิ้มอบอุ่นพลางดันร่างบอบบางให้ขยับเข้าไปใกล้อนุชาองค์รองที่ยืนนิ่งตีสีหน้าเรียบเฉย

นาราภัทรยิ้มหวานซ่อนความตื่นเต้นดีใจไว้ภายใต้ใบหน้างามลออทั้งๆ ที่จริงแล้วหัวใจดวงเล็กกำลังเต้นแรงขณะก้าวเดินเข้าไปใกล้บุรุษชาติที่รักยิ่ง แต่แล้วก็มีอันต้องชะงักนิ่งมือบางที่กำลังยกขึ้นพนมไหว้มีอันชะงักกลางอากาศรอยยิ้มหวานที่ประดับทั่วดวงหน้างามลออมีอันต้องจางหายความหมองเศร้าเข้ามาแทนที่ดวงตาคู่สวยที่เต้นระริกดีใจมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอก่อนจะร่วงเผาะเมื่อเจอปฏิกิริยาต่อต้านจากบุรุษที่รัก

“ท่านพี่...น้องขอตัวกลับก่อน มีงานรออยู่ที่โอเอซิส”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย