พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 209

ตอนที่ 209 เจ้าต้องการใช้ชีวิตแบบไหน

เฉินหลิ่วหลิ่วเอามือปิดปาก แล้วจ้องมองไปที่ภาพวาดของหลีโม่ มองตาเป็นมันเลย “ผู้ชายคนนี้เป็นใครเหรอ? ดูบึกบึนมาก ทำไมใบหน้าถึงวาดไม่ชัดเจน? จุดดำๆนี่คืออะไร? โอ้ อวัยวะส่วนนี้เจ้ายังวาดออกมาด้วยเหรอเนี่ย? หลีโม่เจ้านี่ชั่งหน้าไม่อาย ไร้ยางอายเกินไปแล้วนะ”

หลี่โม่ตอบอย่างหน้าตาเฉยว่า “เอาแปรงเช็ดน้ำลายของเจ้าซะ ไม่ต้องหล่อนมาเปื้อนภาพวาดของข้า นี่มันรูปชีพจรและรูปจุดฝังเข็ม”

“รูปจุดฝังเข็ม? เจ้าจะเอามาฝึกทักษะด้านการแพทย์เหรอ?” เฉินหลิ่วหลิ่วถามขึ้น

“ใช่” หลีโม่เก็บภาพไว้ แล้วมองไปยังเฉินหลิ่วหลิ่วที่ทำสีหน้าผิดหวัง “รอเจ้าแต่งงานเมื่อไร ก็จะรู้ว่าร่างกายของผู้ชาย อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้สวยงามอะไรมากหรอก”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร? หรือว่าเจ้าเคยเห็น? เจ้าเคยเห็นของใคร?” เฉินหลิ่วหลิ่วจ้องมองไปที่นางแล้วถามขึ้น

“ไม่เคยเห็น”

“เจ้าไม่เคยเห็นแล้วทำไมเจ้าถึงวาดได้อย่างช่ำชอง? โดยเฉพาะส่วนตรงนั้นของผู้ชาย แต่ว่าข้าก็เคยเห็นนะ เมื่อก่อนข้าเคยจ้องมองอันนั้นของลูกพี่ลูกน้อง” เฉินหลิ่วหลิ่วพูดอย่างลึกลับ

“สายตาเจ้าเล่ห์ของเจ้านี่” หลีโม่หัวเราะ “เอาละ เจ้าบอกว่าวันนี้มีเรื่องที่ต้องไปทำไม่ใช่หรือ? ทำไมยังไม่ไป?”

“ไม่ต้องรีบ ขากลับบ้านผ่านหน้าจวนของอ๋องหลี่ชิน ค่อยแวะเข้าไปเอาของให้จู๋หมู่เอง”

“อ๋องหลี่ชิน?” หัวใจหลีโม่เต้นแรง คิดถึงอ๋องหลี่ชินที่พูดคำว่าช็อก

“ข้าคิดดูแล้ววันนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ถ้างั้นให้ข้าไปจวนอ๋องหลี่ชินเป็นเพื่อนเจ้าไหม ครั้งก่อนเขาเคยช่วยข้าไว้ ข้ายังไม่ได้ไปขอบคุณเขาถึงที่จวนเลย” หลีโม่พูดขึ้น

เฉินหลิ่วหลิ่วพูดว่า “ใจกล้ามาก ข้าคิดดูแล้ว ข้าก็ไม่ชอบที่จะใกล้ชิดเขา เขาดูจริงจังเกินไป”

หลีโม่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอ๋องหลี่ชินก็เป็นคนที่ข้ามภพมา ถ้าเป็นแบบนั้น ในช่วงเวลานี้ ก็ยังมีคนบ้านเดียวกันอยู่ด้วย ไม่ต้องโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างนี้

แต่ว่า มันจะเป็นไปได้ไหม?

นางไม่คุ้นเคยกับประวัติศาสตร์ของยุคนี้ การค้าระหว่างต้าโจวกับต่างประเทศก็รับรู้ไม่เยอะ ยิ่งไม่รู้ว่าประวิติศาสตร์ของยุคนี้กับยุคที่นางจากมามีความเกี่ยวพันกันอย่างไร

การแพทย์ตะวันตกในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนแพทย์ เป็นวิชาที่อาศัยพื้นฐานผลทางวิทยาศาสตร์กับการทดลองวิจัยเป็นองค์ประกอบใหม่ในการแพทย์ทั้งหมด หากตามหลักความจริงแล้วน่าจะประมาณศตวรรษที่ 17ถึงเริ่มใช้กัน ช็อกคำนี้เป็นคำที่แปลมาจากภาษาอังกฤษ สอดคล้องกับการพัฒนาอารยธรรมปัจจุบันของราชวงศ์ต้าโจว น่าจะอยู่ในราชวงศ์ถัง เพราะฉะนั้น คำว่าช็อกนี้ ไม่น่าจะมีใช้ในเวลานี้

ดังนั้น นางจึงตัดสินใจที่จะลองไปทดสอบอ๋องหลี่ชิน

พูดว่าจะไปก็ลุกขึ้นไปเลย หลีโม่สั่งต้าเตาอยู่เฝ้าลาน ตนพาเหยียนเอ๋อไปพร้อมกับเฉินหลิ่วหลิ่ว

ตลอดทาง เฉินหลิ่วหลิ่วยังถามหลีโม่วาดรูปจุดฝังเข็มเพื่อจุดประสงค์อื่นอีกหรือเปล่าตลอด

หลีโม่บอกว่า “ข้ารับปากกับฮองเฮาว่าจะช่วยรักษาขาของอ๋องเหลียง ตอนนี้สภาพร่างกายของอ๋องเหลียงดีขึ้นมากแล้ว ก่อนโรคลมชักจะกำเริบอีก ต้องตัดขาทั้งคู่ของเขาขาด”

เฉินหลิ่วหลิ่วตกใจ “หลีโม่ เจ้ากำลังพูดเล่นใช่ไหม?”

หลีโม่ยักไหล่ “ไม่ ข้าพูดเรื่องจริง อ๋องเหลียงเป็นคนโหดเหี้ยม ทำร้ายผู้หญิงมากมายขนาดนั้น ตัดขาทั้งคู่ ยังนับว่าน้อยไป”

สีหน้าเฉินหลิ่วหลิ่วจริงจัง เปลี่ยนท่าทีแล้วพูดว่า “หลีโม่ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”

“เรื่องอะไร?”

เฉินหลิ่วหลิ่วพูดว่า “ที่จริงคำที่คนข้างนอกเค้าว่าอ๋องเหลียง ล้วนไม่เป็นความจริง ที่จริงเขาเป็นคนที่ไม่โหดร้ายเลย ยังเป็นคนที่นิสัยดีมาก ตอนที่เจ้ารักษาเขาอย่าคิดวางยาทำร้ายเขานะ”

หลีโม่หัวเราะ “ได้ ข้ารู้แต่แรกแล้ว แค่อยากแกล้งเจ้าเอง แต่ก็ว่าไปแล้ว เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนดี? เจ้าสนิทกับจวนอ๋องเหลียงมากหรือ?”

“ไม่ใช่ข้า เป็นจู๋หมู่ข้าต่างหาก จู๋เป็นคนสลิด ชอบสนิทสนมเล่นกับพวกขุนนางแม่ทัพหนุ่มๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม