ตอนที่ 145 เรื่องใหญ่ของหลิ่วหลิ่ว
หลีโม่กับจิ้งจิ้งสบตากันคราหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาพร้อมเพรียงกันว่า “ไม่เป็นไรๆ ขอบใจเจ้ามาก”
พี่ชายทั้งสิบคน หมายความว่าอย่างไร? อีกทั้งยังไม่ได้แต่งงานด้วยรึ? ไม่นานหลีโม่ก็นึกขึ้นได้ว่า หรือว่าหลิ่วหลิ่วผู้นี้จะไม่ใช่ลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลเฉิน
นางจึงลองถามหยั่งเชิงไปว่า “หลิ่วหลิ่ว พวกพี่สาวของเจ้าออกเรือนกันไปหรือยัง?”
หลิ่วหลิ่วปรายตามองนาง “ข้าเป็นแม่นางเพียงคนเดียวในตระกูลเฉิน”
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้
ซือถูจิ้งพูดกับหลีโม่ว่า “เจ้าไม่ควรขัดใจนางนะ ในตระกูลเฉินนางเป็นไข่มุกที่เปล่งประกายที่สุดเม็ดหนึ่งเชียว ส่วนเหล่าพี่ชายของนางก็เป็นชายชาตรี หากใครกล้ารังแกนาง แม่ทัพทั้งสิบสองคนนั้นคงจะไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน”
แม่ทัพทั้งสิบสองคนรึ? ดูเหมือนว่าจะต้องสานสัมพันธ์ที่ดีกับหลิ่วหลิ่วเสียแล้ว
หลีโม่จับมือของหลิ่วหลิ่ว “หลิ่วหลิ่ว ท่านแม่ทัพของตระกูลเจ้ายังไม่ทันแต่งงานกันเลยรึ?”
“นอกจากพี่สิบสองแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่งงานออกเรือนกันหมดแล้วล่ะ” หลิ่วหลิ่วพูดต่อว่า “เจ้าชอบพี่สิบสองรึ?”
“เรื่องนี้ไม่ใช่จะชอบหรือไม่ชอบ แต่ถ้ามีโอกาสก็แนะนำให้ข้ารู้จักสักหน่อยก็ดี พี่ชายอีกสิบเอ็ดคนของเจ้าข้าก็อยากรู้จัก”
“ก็ได้ เพราะถึงอย่างไรพี่สะใภ้ทั้งสิบเอ็ดคนข้าล้วนไม่ชอบพวกนาง พวกนางก็ไม่ชอบข้า เปลี่ยนทั้งชุดได้ก็ยิ่งดี” หลิ่วหลิ่วพูดอย่างกลัดกลุ้มใจ
จิ้งจิ้งเคาะหน้าผากนางหนึ่งที “พวกนางย่อมไม่ชอบเจ้าอย่างแน่นอน ทุกคนต่างเป็นคุณหนูที่มาจากตระกูลใหญ่ตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น คนอื่นยังไม่ทันได้พูดได้ทำอะไรเจ้าก็โยนขี้ให้เสียแล้ว ใครจะชอบเจ้ากัน? อีกอย่าง พี่ชายทั้งสิบสองคนของเจ้าต่างเอ็นดูรักใคร่เจ้ายิ่งนัก พวกพี่สะใภ้ของเจ้าคงอดหึงหวงไม่ได้หรอกกระมัง?”
หลิ่วหลิ่วรู้สึกกลุ้มใจขึ้นมาเล็กน้อย “ข้ารู้ดี ข้าก็เปลี่ยนแล้ว แต่ลับหลังข้าพวกนางก็พูดถึงข้าอย่างไม่น่าฟังเท่าไหร่นัก”
“กล้าด่าเจ้ารึ? ข้าไม่เชื่อหรอก” จิ้งจิ้งพูดว่า “ในตระกูลเฉินของพวกเจ้า เจ้าใหญ่ที่สุด ใครจะกล้าหาเรื่องเจ้ากัน?”
“ลับหลังก็ว่าข้า ต่อหน้าข้าก็ว่าข้า แต่ตอนที่พี่ชายกับท่านย่าอยู่ด้วยพวกนางไม่กล้าว่าข้าหรอก ทั้งยังทำดีกับข้าไม่รู้เท่าไหร่ แต่พอคนไม่ได้สังเกต พวกนางก็จะถ่มน้ำลายลงในแก้วน้ำของข้า แอบเหยียบเท้าของข้า”
ตอนที่หลิ่วหลิ่วพูดนางจะสะอึกสะอื้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางน้อยใจมากจริงๆ
หลังจากเฉินหลิ่วหลิ่วพูดจบ ก็เปิดผ้าม่านคุยกับสารถีว่า “ไม่ต้องไปที่ตำหนักอ๋องเหลียง ตรงไปที่จวนอ๋องซื่อเจิ้งเลย”
“จิ้งจิ้งกล่าวว่า “ไม่ได้ พวกเราต้องไปที่ตำหนักของอ๋องเหลียงก่อน””
“อ๋องเหลียงตอนนี้ก็อยู่ที่ตำหนักของอ๋องซื่อเจิ้ง” หลิ่วหลิ่วพูดตอบ
“เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?” จิ้งจิ้งถลึงตาถาม
“ข้าย่อมรู้แน่นอน ตั้งแต่ที่หลีโม่พูดเรื่องจะให้ข้าแต่งงานกับเซียวโธ่ ข้าก็สั่งให้คนติดตามทุกการเคลื่อนไหวของเซียวโธ่อย่างละเอียด ผู้สอดแนมบอกข้าว่าตอนนี้เขาอยู่กับอ๋องเหลียงที่ตำหนัก”
หลีโม่กับหลิ่วหลิ่วสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา
จิ้งจิ้งถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กน้อย ถ้าเซียวโธ่รู้ว่าเจ้าสอดแนมเขาล่ะก็ คงจะไม่ได้กินผลไม้ดีแน่นอน นิสัยของเซียวโธ่ยิ่งฉุนเฉียวได้ง่ายอยู่ด้วย”
หลิ่วหลิ่วยืดไหล่ตรง “ยังไงข้าก็ไม่สนใจอยู่แล้ว ท่านย่าบอกข้าว่าถ้ามีโอกาสก็รวบหัวรวบหางเซียวโธ่เลย เจ้าดูเสี้ยโล่เยว่สิมิใช่รวบหัวรวบหางองค์รัชทายาทแล้วหรือ? นางทำแล้วอย่างไรเล่า ฮองเฮาถึงรีบประกาศเรื่องอภิเษกสมรส”
“อะไรนะ?” หลีโม่กับจิ้งจิ้งพร้อมใจกันตะโกนออกมาเสียงดัง “ท่านย่าของเจ้าสอนเจ้ารึ?”
อีกอย่างก็คิดไม่ถึงเหล่าไท่จวินจะรู้เรื่องที่เสี้ยโล่เยว่กับองค์รัชทายาทจะชิงสุกก่อนห่ามกันแล้ว ร้ายกาจจริงๆ ข่าวสารของเหล่าไท่จวินผู้นี้ช่างสามารถแทรกซึมไปได้ทุกที่จริงๆ
“ใช่ ท่านย่าบอกว่าวิธีนี้ดีที่สุด ท่านย่ายังบอกอีกว่าหากเซียวโธ่พูดไม่ดี ข้านอนกับเขาหนึ่งครั้ง ข้าก็จะสามารถท้องได้ ตระกูลเฉินของข้าล้วนคลอดแฝดสาม พอถึงเวลานั้นข้าก็จะคลอดแฝดสามให้เซียวโธ่ เช่นนั้นเซียวโธ่ก็จะรักข้ามากขึ้น”
จิ้งจิ้งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นลมแล้ว นางหนุนหัวลงบนไหล่ของหลีโม่ มุมปากกระตุก ก่อนจะพูดว่า “หลีโม่ วันหลังเจ้าพูดกับเหล่าไท่จวินหน่อยนะ สั่งสอนแบบผิดๆ ให้หลานตัวเองเช่นนี้นั้นมันไม่ดี”
“เอาล่ะ เลิกพูดได้แล้ว ข้าไม่พูดหรอก” จิ้งจิ้งดึงนางให้มาอยู่ด้านหลัง “เดินอยู่ด้านหลัง”
หลีโม่เห็นการกระทำของหลิ่วหลิ่วกับจิ้งจิ้ง ก็อดไม่ได้จึงหัวเราะออกมา
คิดไม่ถึงว่าระดับขั้นของยุคโบราณที่เข้มงวดและจริงจัง จะมีแม่นางที่ทำให้คนเอ็นดูและรักใคร่ได้ขนาดนี้ หากนางอยู่แต่ในจวนเฉิงเสี้ยง คงจะคิดว่าในยุคสมัยโบราณมีแต่การวางแผนทำสงครามแบบในจวนเฉิงเสี้ยงแล้วกระมัง
ซือถูเย้นและพวกนั่งอยู่ในศาลาตรงสวนดอกไม้ ได้ยินเสียงรายงานว่าองค์หญิงและหลีโม่มา อ๋องเหลียงก็ยิ้มหน้าบานไม่หยุด “ดูสิ หญิงบ้านข้าตามมาอีกแล้ว”
“ไสหัวไปทางนู้นเลยไป ใครหญิงบ้านเจ้ากัน?” ซือถูเย้นถลึงตามองเขาอย่างดุดัน
“ข้าพลั้งปากพูดไปเท่านั้น ข้าจะบอกว่าฮูหยินบ้านข้าต่างหาก” อ๋องเหลียงหัวเราะคิกคักมองไปยังซือถูเย้น “วางใจเถิด ข้าไม่แย่งเจ้าหรอก นางไม่ใช่แบบที่ข้าชอบ”
ซูชิงพูดออกมาอย่างราบเรียบว่า “อ๋องเหลียง แบบที่ท่านชอบคงจะเป็นแบบเสี้ยโล่เยว่กระมัง? แต่สุดท้ายเสี้ยโล่เยว่กลับไม่ชอบท่าน”
“ไสหัวออกไปเลย เจ้าเองก็ยังขอแต่งลูกสะใภ้ไม่ได้ มีสิทธิ์อะไรมาว่าข้า?”
“ข้ายังไม่อยากให้ลูกข้าแต่งภรรยาต่างหาก ในวังหลวงมีใครบ้างที่ไม่รู้จักชื่อเสียงขององค์ชายของซูชิง?” ซูชิงพูดอย่างภาคภูมิใจ
ซือถูเย้นไม่พูดอะไร ในมือก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบไม่หยุด จากนั้นก็เติมเข้าไปอีกแล้วดื่มจนหมด แล้วสั่งจิ่นเฉิงว่า “เอาเหล้าทั้งหมดเก็บกลับไป แล้วเปลี่ยนเป็นชาแทน”
เซียวโธ่ยกมือขึ้นห้าม “เดี๋ยว ข้ายังดื่มไม่ทันหมดเลยนะ”
“เอาออกไป เอาออกไป จะกินเหล้าทั้งวันเลยหรือไร? ชีวิตดูไร้ค่าสิ้นดี” ซือถูเย้นพูดไปพร้อมกับส่งไหเหล้าให้จิ่นเฉิง
“เจ้าเป็นคนเสนอให้ดื่มเหล้าเองนะ ข้าเพิ่งจะกินได้นิดเดียวเอง” เซียวโธ่ร้อนใจยิ่ง คิดจะไปแย่งไหเหล้าจากมือของจิ่นเฉิง จิ่นเฉิงหลบได้อย่างราบรื่น แล้วเดินจากไปอย่างสวยงาม
เหล้าเหล่านั้นจากไปแล้วก็ถูกเปลี่ยนเป็นน้ำชาแทน หลีโม่กับพวกก็มาถึงพอดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...