ตอนที่ 144 เลือกได้ตามสบาย
นางที่ถูกเฉิงเสี้ยงเสี้ยปฏิบัติดูแลอย่างไม่ยุติธรรม ส่งนางไปเป็นสาวใช้ ต่อมาสาวใช้ผู้นี้ก็ถูกซู่หยู้ขับไล่ออกไปจากลานเสี้ยจื้อ
ซู่หยู้สมรู้ร่วมคิดกับหลิงหลงฮูหยินมาโดนตลอด ครั้งนี้ ก็นับว่าสมปรารถนาแล้ว น่าเสียดายที่หลิงหลงฮูหยินในตอนนี้เทียบไม่ได้กับหลี่ซื่อในวันนั้น
ซู่หยู้เข้ามาด้วยใบหน้าที่บวมช้ำ ยังไม่ทันได้จัดหาที่พักให้เรียบร้อย หลิงหลงฮูหยินก็สั่งให้นางมาทำความสะอาด
นางหยิบไม้กวาดขึ้นมาอย่างน่าเวทนา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเก็บกวาดเรือนที่ร้างมานานให้สะอาดได้ หลิงหลงฮูหยินยังใช้ให้นางไปทำความสะอาดลานบ้านและศาลาอีก
ซู่หยู้ถูกลงโทษอยู่ที่ลานเสี้ยจื้อ พอตอนนี้มาถึงที่นี่ แม้แต่น้ำหนึ่งอึกก็ยังไม่ได้ทันได้ดื่มก็ถูกสั่งให้มาทำงานไม่ทันได้หยุดพัก สมัครใจที่ไหนกัน? นางนั่งแปะลงกับพื้น พูดอย่างน้อยใจว่า “บ่าวขอพักสักครู่นะเจ้าคะ ค่อยไปทำความสะอาดต่อ”
คิ้วงามได้รูปของหลิงหลงฮูหยินขมวดแน่น บิดหูของนางอย่างแรง “แม้แต่เจ้าก็กล้ารังแกข้ารึ? ปกติไม่ใช่วุ่นวายอยากมารับใช้ข้าหรืออย่างไร? ตอนนี้ความฝันของเจ้าเป็นจริงแล้ว ยังกล้ามาพูดคำพูดที่แค้นเคืองกับข้ารึ?”
ก่อนหน้านี้ซู่หยู้ถูกเย็นเอ๋อร์หวดอยู่หลายที ใบหูใบหน้าก็มีแผล ถูกนางบิดหูเช่นนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดจนอยากจะร้องไห้โหยหวนออกมาแล้ว “ฮูหยินยกโทษให้บ่าวด้วย ฮูหยินยกโทษให้บ่าวด้วย บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
หลิงหลงฮูหยินได้เกิดบันดาลโทสะแล้ว กว่าจะหาคนที่สามารถระบายอารมณ์ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีหรือจะปล่อยนางไปง่ายๆ? นางตบตีซู่หยู้ไม่หยุด ตีจนซู่หยู้เลือดกบปากออกจมูกถึงได้หยุดทำ
หลังจากงานเลี้ยงเฉลิมฉลองพระชนมพรรษา นายหญิงแก่และเฉิงเสี้ยงเสี้ยก็ไม่ได้ตามหาหลีโม่เพื่อพูดคุย
พวกเขารู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่มีความจำเป็นอะไร
เมื่อในจวนไม่มีหลิงหลงฮูหยินคอยควบคุมดูแลงาน อีกทั้งนายหญิงแก่ก็รู้สึกเหนื่อยล้าหมดแรงเต็มที เสี้ยโล่เยว่จึงเสนอตัวไปจัดการเรื่องราวต่างๆ ในจวนด้วยตัวเอง นายหญิงแก่และเฉิงเสี้ยงเสี้ยต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วย
เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อมีคนใหม่เข้ามาดูแล เรื่องแรกที่เสี้ยโล่เยว่ทำก็คือสั่งการหยุดทุกอย่างที่ต้องจัดหาในลานเสี้ยจื้อ ทั้งยังให้หยุดเมนูอาหารที่ทำในทุกวันด้วย
เรื่องนี้ไม่ได้เข้าไปแจ้งลานเสี้ยจื้อโดยตรง ทำให้ตอนที่หยางมามากับเย็นเอ๋อร์ไปรับวัตถุดิบจึงต้องถูกปฏิเสธไป ทั้งยังถูกดูถูกอีกด้วย
นี่ก็หมายความว่า ลานเสี้ยจื้อต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว
หลี่ซื่อมีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง แต่เพราะก่อนหน้านี้ให้เงินกับลูกและลูกสะใภ้ของเฉินเอ้อไปจำนวนหนึ่ง ทั้งยังใช้เงินซื้อตัวเด็กรับใช้ที่อยู่บ้านเกิดเดียวกันกับหมอหลี่และเย็นเอ๋อร์อีกจำนวนหนึ่ง จึงเหลือไม่มากแล้ว
แต่หลี่ซื่อก็ไม่กังวล เพราะนางยังมีเครื่องประดับที่สามารถนำไปขายได้
เย็นเอ๋อร์คุยกับหลีโม่เป็นการส่วนตัว เครื่องประดับเหล่านี้เป็นสินเดิมของฮูหยิน เป็นของท่านแม่ของฮูหยินที่ล่วงลับไปแล้วให้นางเอาไว้
หลีโม่เองก็ใจไม่แข็งพอที่จะให้หลี่ซื่อนำสินเดิมของไปขาย แต่เงินที่เหลืออยู่นั้นมีน้อยจริงๆ แล้วก็ใช้ได้อีกไม่นานแล้ว
ในขณะนั้นซือถูจิ้งก็บังเอิญเข้ามาได้ยินพวกนางพูดคุยกันถึงเรื่องหนทางหาเลี้ยงชีพกันอย่างกลัดกลุ้ม จึงพูดไปยิ้มไปว่า “ก็แค่เรื่องเงินไม่ใช่หรือ? เจ้าวางใจเถิด ข้ามี อยากได้มากน้อยเท่าไหร่ข้าจะส่งให้เจ้า”
ในฐานะองค์หญิงใหญ่ ในทุกปีนางได้รับเงินเป็นจำนวนมากกับที่ดินพระราชทานในเมืองหลวง แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเห็นเงินเหล่านี้อยู่ในสายตา
หลีโม่ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ “ขอบพระทัยความหวังดีจากองค์หญิงนะเพคะ ความยากจนเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเป็นเรื่องยากที่จะให้คนอื่นมาดูแล จะพึ่งพาองค์หญิงใหญ่ตลอดนั่นย่อมมิใช่วิธีแก้ปัญหา อีกอย่าง หม่อมฉันเองก็วิชาแพทย์และสองมือ การพึ่งพาตนเองนั้นย่อมมิใช่เป็นหาเพคะ”
จิ้งจิ้งขมวดคิ้วแน่น ถามว่า “พึ่งพาตนเองรึ? หญิงพึ่งพาตนเองนั้นย่อมมี หากไม่เข้าจวนมาเป็นคนรับใช้ ก็ขายความสาว หากเป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน ถ้าไม่ไปเปิดแผงขายเต้าหู้ก็ขายบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงในตลาด เจ้าทำเช่นนั้นได้หรือ?”
หลีโม่ลากจิ้งจิ้งมาข้างๆ กระซิบพูดเสียงเบาๆ สองสามประโยค
จิ้งจิ้งครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หากเป็นเช่นนี้ก็ย่อมได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็รักษาอ๋องเหลียงกับเจ้าเจ็ดจนหายขาด เพียงแค่นำข่าวนี้ปล่อยออกไป เหล่าเศรษฐีร่ำรวยก็ต้องคิดอยากจะมาให้เจ้ารักษาอาการป่วยไม่น้อย ค่ารักษาก็ต้องได้มากโข”
“คงต้องขอรบกวนองค์หญิงจัดการเรื่องนี้ให้หม่อมฉันแล้วเพคะ” หลีโม่พูดออกมาด้วยความจริงใจ
“เจ้าวางใจเถิด ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ถึงแม้ปกติข้าจะมีการติดต่อกับพวกขุนนางพวกฮูหยินเศรษฐีอยู่ไม่มาก แต่ถ้าจะต้องปล่อยข่าวออกไปนั้นก็ถือว่าได้อยู่” จิ้งจิ้งกล่าว
เฉินหลิ่วหลิ่วนั่งอยู่บนม้า ทั้งตัวสวมเสื้อผ้าดูดีหรูหรา นั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทางที่สง่าน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก มีห่อผ้าอยู่ข้างๆ ด้วย ดูมีสง่าราศีไม่น้อย
นางลงมาจากหลังม้า จากนั้นก็ขึ้นมาบนรถม้าด้วยท่าทางเศร้าซึม ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ท่านย่าให้ข้าติดตามเจ้าเป็นเวลาสิบสองชั่วยาม จนกว่าข้าจะได้ออกเรือน”
หลีโม่รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ท่านอาวุโสผู้นี้กระวนกระวายใจเกินไปแล้วกระมัง? ไม่ใช่บอกว่าครึ่งปีหรอกหรือ?
จิ้งจิ้งรู้สึกคุ้นเคยกับคุณหนูตระกูลเฉินตั้งนานแล้ว เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็หลุดหัวเราะออกมา “ท่านย่าของเจ้าคงกระวนกระวายใจเกินไปแล้วกระมัง เจ้าเห็นข้ายังไม่ได้ออกเรือนใช่หรือไม่?”
เฉินหลิ่วหลิ่วชำเลืองมองจิ้งจิ้งคราหนึ่ง “ท่านย่าบอกว่า อย่าเป็นเหมือนองค์หญิงใหญ่ ดูนางอายุป่านนี้ยังไม่ออกเรือนเสียที ท่านพี่เซียวเซียวหลีกเลี่ยงท่านจนถึงชายแดนแล้ว”
จิ้งจิ้งหน้าถมึงถึงทันที “หลิ่วหลิ่ว ข้าปลอบใจเจ้าเท่านั้น เจ้าอย่าทำร้ายข้า”
เมื่อหลีโม่ได้ยินคำพูดของเฉินหลิ่วหลิ่วก็ถามว่า “เซียวเซียวเป็นผู้ใดกัน?”
หลิ่วหลิ่วเบิกตากว้าง “แม้แต่เซียวเซียวเจ้าก็ไม่รู้จักรึ? ก็ท่านแม่ทัพเซียวอย่างไรเล่า ”
“แม่ทัพเซียวไม่ใช่เซียวโธ่หรอกหรือ?” หลีโม่ถามอย่างโง่เขลา
“เซียวเซียวก็คือพี่ชายของเซียวโธ่นั่นแหละเจ้าค่ะ ต่อไปเขาก็จะเป็นพี่ชายของสามีข้า” หลิ่วหลิ่วพูดออกมาอย่างไม่รู้จักละอายใจแม้แต่น้อย
จิ้งจิ้งกลอกตาใส่นาง “ไม่รู้จักอายบ้างหรือไร? พูดออกมาไม่มีขาดตกบกพร่องสักตัว เจ้าไม่กระดากใจบ้างหรือที่ประกาศออกมาเช่นนี้?”
“นั่นไม่เท่ากับการตอกตะปูลงบนแผ่นเหล็กหรอกหรือ? ท่านย่าบอกว่าหลีโม่จะเป็นว่าที่พระชายาของอ๋องซื่อเจิ้ง เซียวโธ่กับอ๋องซื่อเจิ้งมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ขอเพียงพระชายาของอ๋องซื่อเจิ้งพูดมาคำเดียวเท่านั้น เซียวโธ่ก็จะต้องรีบมาขอข้าแต่งงานแน่นอน”
นางปรายตามองไปที่หลีโม่ “ใช่หรือไม่? หากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่รับปาก จะบอกว่าเป็นมิตรภาพที่ดีกับท่านอ๋องได้อย่างไรเล่า? หากใครอยากเป็นเพื่อนกับข้า พี่ชายข้าทั้งสิบสองคน เลือกได้ตามสบาย พวกท่านลองดูสิ ชอบใครก็พูดกับข้าได้เลย ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...