ตอนที่ 146 จู้จี้จุกจิกยิ่งนัก
ซือถูเย้นนั่งอยู่อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น สองมือยกถ้วยชาที่ร้อนมากๆ ขึ้นมา มองดูหลีโม่ที่ด้านหลังสะพายกล่องยาเดินเข้ามาทีละก้าวๆ
รอยแผลบนหน้านางจางลงไปมากแล้ว แต่เมื่อถูกแสงแดดต้องกระทบ ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน
แต่แววตาที่เป็นประกายนั้นกลับยิ่งมีดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ทำให้จิตใจของคนที่ได้มองรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
หลีโม่มองไปยังชายหนุ่มทั้งห้าที่นั่งเบียดเสียดกันอยู่ในศาลา ก็นึกขำอยู่บ้าง
อีกทั้งเซียวโธ่ที่มีใบหน้าโกรธเกรี้ยว ดูท่าแล้วเหมือนว่าจะถูกเบียดมากที่สุด
“โอ้ กำลังดื่มเหล้ากันอยู่รึ” เมื่อจิ้งจิ้งเดินเข้ามา ก็พลันได้กลิ่นเหล้าลอยตลบอบอวลอยู่ในอากาศ ก็พูดไปยิ้มไป
“ไม่ใช่ขอรับ ดื่มชากันอยู่ขอรับ” ซือถูเย้นพูดอย่างเนิบนาบ สายตาของเขาก็กำลังมองหน้าของหลีโม่ แล้วถามว่า “เหตุใดถึงได้มาแต่เช้าตรู่เลย?”
“ใช่เพคะ เดิมทีจะไปที่ตำหนักของอ๋องเหลียง แต่ว่าได้ยินว่าอ๋องเหลียงอยู่ที่นี่ ก็เลยมาที่นี่เพคะ” หลีโม่วางกล่องยาเอาไว้บนโต๊ะหิน มองดูถ้วยชาของแต่ละคนที่มีควันลอยกรุ่นขึ้นมา
“นี่ไม่ใช่แม่นางเฉินหลิ่วหลิ่วหรอกหรือ?” ซูชิงมองไปที่หลิ่วหลิ่ว จึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “เหตุใดถึงได้มาที่นี่กับเขาด้วยเล่า?”
เฉินหลิ่วหลิ่วใบหน้าเขียวคล้ำ คิดไม่ถึงว่าซูชิงจะอยู่ที่นี่ด้วย ซูชิงรู้จักกับพวกพี่ชายของนางดี เขาเองก็เคยเข้ามาในจวน ได้เจอหลิ่วหลิ่วอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเซียวโธ่ได้ยิน ก็เงยหน้าขึ้น จ้องตาโตไปที่เฉินหลิ่วหลิ่ว
เมื่อหลิ่วหลิ่วได้เห็นเซียวโธ่ในระยะใกล้ๆ ไม่นานก็รู้สึกหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว นางก้าวเข้ามาด้วยท่าทางเขินอาย “ท่านพี่เซียวโธ่ ข้าคือเฉินหลิ่วหลิ่ว ท่านย่าของข้าบอกว่าจะให้ข้าออกเรือนไปกับท่านเจ้าค่ะ”
คางของเซียวโธ่เกือบตกไปอยู่ที่พื้น เข้ารีบหันหน้าหนีไป ดื่มชาที่ร้อนมากๆ เข้าไปอึกหนึ่ง มันร้อนจนตาทั้งสองข้างของเขาถลนออกมา
เมื่อเฉินหลิ่วหลิ่วเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ ก็เริ่มกระวนกระวายใจ ขึ้นหน้าไปพูดว่า “ข้าทราบดีว่าท่านไม่ชอบหญิงที่ถือดาบ ต่อไปนี้ข้าจะหัดเรียนรู้เรื่องเย็บปักถักร้อยนะเจ้าคะ”
ใบหน้าของเซียวโธ่เริ่มแดงขึ้นมากเรื่อยๆ กัดฟันกรอดๆ อยากจะพูดประโยคประโยคทำร้ายจิตใจกับหลิ่วหลิ่ว แต่ว่า เมื่อเห็นนางเบิกตากว้าง ดวงตากลมโตสีดำขลับดูแล้วช่างน่ามองยิ่งนัก ใบหน้ารูปขาวใสบริสุทธิ์แต่งแต้มด้วยลักยิ้มเล็กๆ น่ารัก เห็นริมฝีปากล่างถูกขบเบาๆ ท่าทางดูน้อยอกใจน้อยเป็นอย่างมาก เขาก็ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นกลับไปทันที
ซูชิงมองเฉินหลิ่วหลิ่ว แล้วมองไปที่เซียวโธ่ หลังจากนั้นก็พูดว่า “ท่านหมอเสี้ย เจ้ามาเพื่อฝังเข็มให้อ๋องเหลียงใช่หรือไม่? ยังมีแผลของท่านอ๋องซื่อเจิ้ง คงได้เวลาใส่ยาแล้วกระมัง”
จากนั้นเซียวโธ่ก็ลุกขึ้นมา ได้ยินเสียงวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เฉินหลิ่วหลิ่วเห็นหลังของเขาอยู่ไวๆ ก็พูดพึมพำว่า “แม้แต่ท่าวิ่งของท่านพี่เซียวโธ่ก็ยังดูสง่างามถึงเพียงนี้เชียว”
ซือถูเย้นลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ไร้คลื่นอารมณ์ พูดกับหลีโม่ว่า “เจ้าช่วยข้าใส่ยาก่อนก็แล้วกัน”
“ข้าก่อน ข้าทำก่อน” ท่านอ๋องเหลียงลุกขึ้นมาแย่งพูดทันที
ซือถูเย้นใช้มือกดไหล่ของอ๋องเหลียงเอาไว้ “นั่งลงไปเลย ท่านป้ามีเรื่องใหญ่ในชีวิตจะพูดกับท่าน”
อ๋องเหลียงพูดด้วยสีหน้าไม่ดีนัก “เรื่องใหญ่ในชีวิตรึ? ท่านน่ะหรือ? ท่านมีเรื่องใหญ่ในชีวิตอะไรกัน?”
“เรื่องใหญ่ในชีวิตของเจ้า อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้าคิดจะจัดการกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้วแต่งพระชายาตามใจชอบใช่หรือไม่? ตำแหน่งพระชายา หากเจ้าคิดจะหาเอง ยอมขาดแคลนเสียยังดีกว่ามีของด้อยคุณภาพ” ซือถูจิ้ง กล่าวตักเตือน
“หือ?” อ๋องเหลียงมองนางด้วยสายตาราบเรียบ “ไม่รู้ว่าท่านอยากจะพูดอะไรกันแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...