พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 359

ตอนที่ 359 ความตั้งใจของอ๋องเหลียง

เมื่อหลีโม่ได้ยินดังนั้น จึงแย้มออกมาแล้วตบไหล่ของนางเบาๆ “หลิวเยว่ รอก่อน ข้าต้องมีวิธีที่ทำให้เจ้าส่งเขาละมั่งโลหิตมาให้ข้าอย่างว่าง่ายแน่นอน”

หลิวเยว่เหลือบไปมองนาง “อาศัยคำขู่ของเจ้างั้นหรือ? หรือว่าอาศัยความน่าเวทนาของเจ้า?”

“ไม่ใช่ทั้งสอง ข้าต้องทำให้เจ้าเอาเขาละมั่งโลหิตมาให้ข้าด้วยความยินยอม เจ้าจะเชื่อหรือไม่?” หลีโม่พูดจบ ก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย แล้วเดินออกไป

ครั้งนี้ก็ถึงคราวของหลิวเยว่ที่ต้องรู้สึกแปลกใจ นางจะมีวิธีอะไรที่สามารถทำให้ตนเอาเขาละมั่งโลหิตออกมาให้นางอย่างว่าง่ายกัน?

“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ พูดให้มันชัดเจนหน่อยสิ” หลิวเยว่รีบตามไป

หลีโม่ไหวไหล่ ทว่ากลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แต่ยังคงยิ้มอย่างมีเลศนัยเช่นนั้นอย่างเคย ทำให้หลิวเยว่มองรู้สึกขนลุกขึ้นมาในใจ

รอยยิ้มมีเลศนัยนี้ ทำให้หลิวเยว่รู้สึกขนลุกขึ้นมา สิ่งที่นางไม่ชอบที่สุดก็คือความรู้สึกเช่นนี้

“เจ้าพูดให้มันชัดๆ หน่อยสิ” หลิวเยว่ไล่ถาม

หลีโม่กลับไม่ตอบอะไร ตลอดทางที่เดินลงเขานางก็ไม่พูดอะไรออกมา

เมื่อถึงตีนเขาแล้ว องครักษ์วิ่งควบม้ามาอย่างรวดเร็ว หลีโม่ขึ้นรถม้าแล้วพูดว่า “ให้ไปส่งพวกเจ้าหรือไม่?”

“ได้!” เดิมทีหลิวเยว่ไม่อยากจะขึ้นไปด้วย ทว่านางอยากจะถามบางอย่างจึงรีบขึ้นรถม้าไปด้วย ไม่อย่างนั้นคืนนึคงนอนไม่หลับแน่นอน

เพราะเหตุนี้ หลิวเยว่จึงซักไซ้หลีโม่ตลอดทาง รอจนใกล้จะถึงเมืองหลวง หลีโม่ถึงได้ถอนหายใจออกมา กำหมัดขึ้นด้วยท่าทางที่เหมือนหมดความอดทนแล้ว “เอาล่ะ ข้าบอกเจ้าก็ได้ ข้าไม่มีวิธีอะไรเลยที่จะทำให้เจ้าส่งเขาละมั่งโลหิตให้ข้า”

“โกหกข้างั้นหรือ?” หลิวเยว่โมโหมาก

หลีโม่มองนาง “ใช่ ข้าโกหกเจ้า แต่ว่าใช่แล้วจะอย่างไร ข้าจะแก้ไขคำพูดที่เจ้าพูดมาเมื่อครู่นี้ให้ถูกต้อง อันที่จริงแล้วซ่งรุ่ยหยางไม่ได้รักองค์หญิง คนที่เขารักคือสตรีอื่น อีกอย่าง เขาเอาสตรีผู้นี้วางไว้ข้างในลึกสุดใจมานานหลายปี จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่ปล่อยผู้นั้นออกมาจากใจ ที่เขาต้องสู่ขอองค์หญิง เพียงให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นมั่นคงเท่านั้น เจ้าน่าจะเข้าใจ เขาไม่ใช่คนที่ทำสงครามเก่งอะไรแบบนั้น หากสามารถทำให้ทั้งสองแคว้นมั่นคงได้ด้วยวิธีนี้ ทำไมจะไม่ยอมทำล่ะ?”

หลิวเยว่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “คนที่เขารักเป็นใครกันล่ะ?”

“เรื่องนี้ข้าบอกเจ้าไม่ได้จริงๆ เจ้าให้เขาละมั่งข้าไม่ได้ เพราะเจ้ามีเหตุผลของเจ้า ส่วนความลับของซ่งรุ่ยหยาง ข้าเองก็ต้องยึดมั่นในเหตุผลของข้าเช่นกัน ไม่สามารถบอกคนอื่นได้”

พูดจบ นางจึงลงจากรถม้าไปก่อน ให้นางกับอี้เอ๋อร์พาซื่อเย่นลงไป

หลิวเยว่ดูเหมือนจิตใจไม่ค่อยสงบและลังเล และจูงซื่อเย่นลงรถม้าไป

หลีโม่สั่งเตาเหล่าต้า “ไปกันเถอะ!”

เตาเหล่าต้าตอบรับ “ขอรับ”

รถม้าค่อยๆ วิ่งออกไป หลีโม่เปิดผ้าม่านด้านข้างออก เห็นหลิวเยว่ที่มือหนึ่งจูงซื่อเย่น อีกมือจับอี้เอ๋อร์ กำลังมองรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไปไกลอย่างตะลึงงัน

เตาเหล่าต้าเอ่ยถามว่า “คุณหนูใหญ่ พวกเราไม่ส่งคนตามพวกเขาไปหรือขอรับ? ไม่อย่างนั้นพวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราอยู่ที่ไหน?”

หลีโม่ปิดผ้าม่านลง ยิ้มด้วยความมั่นใจว่า “ไม่จำเป็น นางจะเอาเขาละมั่งโลหิตมาหาเราถึงที่เอง ”

เตาเหล่าต้าตะลึงงันไปครู่หน่อย “เมื่อครู่นี้ท่านบอกว่าโกหกนางไม่ใช่หรือ?”

“เจ้าเด็กโง่เอ๊ย!” หลีโม่ยิ้มไปส่ายหน้าไป “เจ้าไม่เข้าใจจิตใจของสตรีเลย”

เตาเหล่าต้าไม่เข้าใจจริงๆ “เช่นนั้นเพราะอะไรขอรับ?”

“เด็กน้อยไม่ต้องถามอะไรมากมาย” หลีโม่กล่าว

หลีโม่พูดเสียงดัง “บ่าวไม่ใช่เด็กแล้วนะ บ่าวอายุมากกว่าท่านเสียอีก ”

หลีโม่หลุดหัวเราะออกมา ช่างวุ่นวายจริงๆ นางเห็นใครก็มองว่าเป็นเด็กทั้งนั้น

หลีโม่เพิ่งจะกลับมาถึงตำหนักองค์หญิง หลีโม่ก็สั่งการไปว่า “ไปบอกอ๋องเหลียง ว่าเจอตัวนางแล้ว”

“ขอรับ” องครักษ์พูดจบก็ออกไปทันที

ไม่นานก็เห็นอ๋องเหลียงกับเซียวโธ่กลับมา ทั้งสองเข้ามาด้วยท่าทางรีบร้อน

อ๋องเหลียงสีหน้าร้อนใจยิ่ง เมื่อเข้ามาแล้วก็ถามขึ้นทันที “อี้เอ๋อร์ล่ะ?”

หลีโม่มองเขาด้วยสายตาหนักแน่นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “เจ้ามานั่งก่อน ฟังข้าพูดให้ดี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม