ตอนที่ 441 เข้ารับการตรวจโรค
เห็นว่าทุกคนเกือบจะทราบดีแล้ว หลีโม่จึงถามหมอหลวง “ก่อนหน้านี้พวกท่านวินิจฉัยฮ่องเต้เป็นแผลพุพอง เป็นแผลพุพองเพราะว่าปรสิตในแขนของเขา หรือว่าบนใบหน้าของเขามีผื่นขึ้น?”
หมอหลวงพูดเสียงเบา “เป็นเพราะว่าแขนของเขาเป็นหน้าผี….ปรสิต วินิจฉัยโรคมาก่อนหน้านี้ ก็พบว่าแผลพุพองก็มีผื่นแดงเช่นกัน จึงคิดว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง”
หลีโม่พยักหน้า “ข้ากล่าวได้อย่างมั่นใจว่านี่ไม่ใช่โรคชนิดหนึ่งอย่างแน่นอน ปรสิตหากไม่เติบโตในร่างกายก็จะไม่มีผลทำให้ร่างกายบาดเจ็บ แน่นอนถ้าเป็นปรสิตในร่างกายก็จะแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะผื่นแดงรูปผีเสื้อการรักษานั้นค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ขั้นตอนการรักษายาวนาน และอาการของโรคที่ฮ่องเต้เป็นนั้นอันตรายอยู่มาก ไม่สามารถยับยั้งอาการของโรคได้และไม่มีวิธีการรักษาให้หายเป็นปกติ”
“ผื่นแดงจะจางหายไปได้หรือไม่?” ฮ่องเต้ถาม
หลีโม่พยักหน้าเบาๆ “เพียงแค่จางลง แต่ไม่สามารถลบเลือนได้ หากฮ่องเต้เกรงว่าผู้คนจะเห็น หม่อมฉันมีวิธีเพคะ”
“อย่างไร?” ฮ่องเต้ดวงเนตรเป็นประกาย
หลีโม่กล่าว “อำพราง”
ฮ่องเต้คิดว่าเขาจะกล่าววิธีดีๆ ออกมา ไม่คิดว่าจะเป็นวิธีการอำพรางตัว ฮ่องเต้กล่าวเยือกเย็น “หากอำพรางจะรู้ว่าเป็นข้ารึ? หากไม่ใช่ใบหน้าของข้า ผู้ใดจะเชื่อว่าเป็นข้า?”
หลีโม่ส่ายหัว “การอำพรางนี้มิใช่การเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาเพคะ ฮ่องเต้เพียงสวมใบหน้าที่เป็นหนังเทียม สามารถทำหนังแบบบางได้ มันสามารถปิดบังรอยแดงของฮ่องเต้ได้”
“เจ้าสามารถทำหนังให้เหมือนใบหน้าของข้าได้หรือ?” ฮ่องเต้ไม่เชื่อใจ
หลีโม่ตอบ “สามารถเพคะ และไม่ต้องเสียแรงมากมาย หากแต่ว่าหนังเทียมนี้ไม่สามารถสวมนานได้ วันหนึ่งไม่สามารถสวมได้นานเกิดสองชั่วโมง เพราะหนังปลอมไม่สามารถระบายลมได้ ถ้าสวมเป็นระยะเวลานานจะทำให้ใบหน้าของฮ่องเต้เกิดแผลและจะทำให้ผื่นแดงขึ้นเพิ่มได้เพคะ”
“ใช้เวลานานเท่าใดในการสร้างหนังเช่นนี้?” ฮ่องเต้ถาม
“สิบสองชั่วโมงเพคะ!”
ซือถูเย้นขมวดคิ้วมองหลีโม่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นนางบางว่าสามารถทำหนังปลอมได้ นางรับปากอย่างง่ายดาย หากนางทำไม่ได้ละก็ เกรงว่า….
ถ้าเช่นนั้นปรสิตบนแขนข้าจะทำให้จางลงอย่างไร? วันพรุ่งมีขุนนางมากมายเข้าวังมาเพื่อไถ่ถามอาการป่วยของข้า "น้ำเสียงของฮ่องเต้ไร้ความประชดประชัน คำทักทายเยี่ยมเยียนเป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นว่าฮ่องเต้มีอาการป่วยเป็นแผลพุพอง เป็นคำสาปสวรรค์"
หลีโม่กล่าว “ตัดออกเพคะ แล้วใช้หนังเทียมปกปิดเอาไว้ชั่วคราว แต่เนื่องจากเป็นบาดแผล ดังนั้นจึงปกปิดเอาไว้ได้แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
“ตัดออก?” ฮ่องเต้มองหลีโม่อย่างคาดไม่ถึง นางพูดว่าทั้งหมดราวกับง่ายดาย แต่จะง่ายดายเช่นนี้ได้จริงๆ หรือ?
หลีโม่ลุกขึ้น “ฮ่องเต้ให้เวลาหม่อมฉันเพียงคืนเดียว หากฮ่องเต้เตรียมรับการรักษาตอนนี้ก็ต้องลงมือตัดปรสิตออก”
ฮ่องเต้ถอนหายใจ “พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้าจะคุยกับท่านอ๋องเสียหน่อย”
หลีโม่รู้ดีว่าฮ่องเต้ไม่อาจเชื่อใจตนเองได้ แต่ฮ่องเต้ควรต้องเชื่องซือถูเย้น
นางส่งสายตาให้ซือถูเย้นให้วางใจ ซือถูเย้นพยักหน้ารับรู้
ซือถูจิ้งยังไม่ถอยออกไป และอ๋องหลี่ชินรออยู่ด้านนอก
เมื่อเห็นหลีโม่ก้าวออกมา ซือถูจิ้งก็เริ่มถาม “ฮ่องเต้ตอบรับหรือไม่?”
หลีโม่ตอบกลับ “มิรู้ ตรัสว่าอยากคุยกับซือถูเย้นเสียหน่อย”
“เขาระวังตัวอยู่เสมอ”
ซือถูจิ้งถอนหายใจ หัวใจเข้าไปเกี่ยวข้องกับอารมณ์พัวพัน
ในตอนนั้นนางเงยหน้าขึ้นมาถามคำถามกับหลีโม่ “เซียวเซียวมีข่าวคราวมาบ้างหรือไม่?”
หลีโม่ส่ายหน้า “ไม่มีเลยเพคะ”
ซือถูจิ้งส่งเสียงตอบรับ “อือ ไม่มีข่าวคราวก็ถือว่าเป็นข่าวดี หากเป็นอะไรจริง คงจะต้องได้รับข่าวคราวกลับมา”
หลีโม่ปลอบใจ “ข้าได้ยินมาว่าท่านอ๋องท่านนี้ฝีมือการแพทย์เก่งกาจมาก เซียวเซียวรักษากับเขาจนหายดี จะต้องไม่เป็นอะไรแน่ ก่อนหน้านี้เสี้ยฮ่าวหรานหมดลมหายใจไปแล้วแต่เขายังช่วยชีวิตกลับมาได้ไม่ใช่รึ?”
ซือถูจิ้งพยักหน้า ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...