พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 563

บทที่ 563 เข้าหมู่บ้าน

หลังจากที่แผ่นดินไหว เส้นทางที่ไปหมู่บ้านมู่จ้ายก็ถูกดินโคลนทับถม หลังจากที่หน่วยช่วยเหลือเข้ามา ถนนก็เริ่มพัง เพื่อที่จะให้ออกไปเร็วที่สุด คนของหน่วยช่วยเหลือเลยอยู่ที่หมู่บ้านมู่จ้ายเพื่อช่วยทำความสะอาดดินโคลน แล้วซ่อมแซมทางหลวง

แผ่นดินไหวครั้งนี้ที่หมู่บ้านมู่จ้าย คร่าชีวิตผู้คนไปกว่าสามร้อยคน และได้รับบาดเจ็บอีกเก้าร้อยกว่าคน เพราะว่าออกไปไม่ได้ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเก้าร้อยคนนี้ ต่อมาก็ตายไปกว่าสองร้อยคน สุดท้ายเลยไม่มีทางเลือก ทหารช่วยเหลือที่อยู่หมู่บ้านมู่จ้าย เลยต้องอ้อมถนนที่ไกลกว่าเพื่อไปหาหมอ

หลังจากนั้น หมอก็เชิญมาแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่า หมอเข้ามาที่หมู่บ้านมู่จ้าย เพียงสามวัน ก็ได้ป่วยลง

หมอติดเชื้อโรคระบาด ก่อนจะมาที่หมู่บ้านมู่จ้าย เพราะว่ายังไม่มีอาการใดๆ ดังนั้นแม้แต่หมอเองก็ไม่รู้

สามวันนี้ที่หมู่บ้านมู่จ้าย เขาได้รักษาผู้บาดเจ็บเกือบทุกราย และเคยได้สัมพัทธ์ ผู้บาดเจ็บเหล่านี้ไม่มีภูมิต้านทาน และคนมากกว่าครึ่งหนึ่ง ก็ติดเชื้อโรคระบาด

เพราะว่าการแพร่กระจายของโรคระบาด ฮ่องเต้เลยมีคำรับสั่ง ให้พื้นที่หรือหมู่บ้านที่มีโรคระบาด จะต้องตัดขาดจากโลกภายนอก และหยุดการติดต่อสื่อสาร หมอพลเรือนห้ามรักษาโรคระบาดโดยพลการ ต้องให้สำนักงานฟ้องร้องแต่ละพื้นที่เป็นผู้ส่งหมอเข้าไปเท่านั้น

กรมฮุ่ยหมินของราชสำนัก มีหมอเป็นจำนวนมาก กรมฮุ่ยหมิน นั้นมีทุกที่ เหมือนกับโรงพยาบาลของรัฐ

หมอท่านนั้นที่ติดเชื้อโรคระบาดแล้วเข้าไปในหมู่บ้านมู่จ้าย ก็คือหมอของกรมฮุ่ยหมิน

แต่ว่า หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ตามคำรับสั่งของฮ่องเต้ ให้ตัดการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก เมื่อส่งสารออกไป ให้รัฐบาลส่งหมอเข้ามา แต่จนถึงวันนี้ ก็ไม่มีหมอมาเลย

เพราะเหตุนี้ โรคระบาดได้กระจายไปทั่วหมู่บ้านมู่จ้าย คนที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านั้น ก็ตายไปกว่าครึ่ง และอีกส่วนน้อยเพราะว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่เข้าการรักษา และส่วนใหญ่ก็ตายเพราะโรคระบาด

ทหารที่เข้าไปช่วยเหลือเริ่มแยกผู้ป่วยติดเชื้อกับคนที่แข็งแรงออกจากกัน แล้วแบ่งเขตเป็นออกใต้ตกเหนือ

คนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงพักอยู่ในทิศตะวันออก

เขตใต้เป็นผู้ที่อาจติดเชื้อ ให้กักตัวแล้วดูอาการ

เขตตะวันตก เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าติดเชื้อ จะถูกส่งมาเขตตะวันตกโดยตรง และห้ามออกไปอีกเด็ดขาด ถ้าออกมาจะถูกทหารยิง

เขตเหนือ เป็นพื้นที่โล่ง เอาไว้สำหรับเผาศพ ถึงแม้ว่าทหารจะไม่รู้เรื่องโรคระบาด แต่ก็รู้ว่าหลังจากที่ผู้ติดเชื้อตาย ต้องใช้ไฟเผาศพ

เพราะอย่างนั้น จากเดิมแปดพันคนในหมู่บ้านมู่จ้าย เมื่อกาวเฟิ่งเทียนนำพวกซือถูเย้นมา ก็เหลืออยู่ประมาณหกพันกว่า

ใช่แล้ว หลังจากที่ซือถูเย้นและหลีโม่จากไป พวกเขาก็ได้ไปหากาวเฟิ่งเทียน แล้วบอกกาวเฟิ่งเทียนว่า พวกเขาต้องการหมอที่ลึกลับและมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อ เพื่อทำการวิจัยและรักษา

ครั้งนี้องค์หญิงอานก็ตามไปด้วย หรือพูดอีกอย่างได้ว่า เช้าวันที่ห้าของวันนั้น องค์หญิงอานกับกาวเฟิ่งเทียน ก็ได้พาพวกซื่อถูเย้นเข้าไปในหมู่บ้านมู่จ้ายแล้ว

และสิงปู้ก็ได้ประกาศว่า ดาบศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปในตอนกลางคืนของวันที่ห้า

เพราะว่าหมู่บ้านมู่จ้ายได้ตัดการติดต่อกับโลกภายนอก และทำการปิดกั้นข่าวสารต่างๆ ดังนั้น คนในหมู่บ้านมู่จ้ายไม่มีใครรู้ว่าสิงปู้ประกาศว่าซือถูเย้นขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์ไป

จนถึงวันนี้ ฉาวกั๋วจิ้วพาทหารเข้าไปในหมู่บ้านมู่จ้าย

แล้วทำไมฉาวกั๋วจิ้วถึงเข้าไปในหมู่บ้านมู่จ้ายกันละ?

เพราะว่าหมู่บ้านมู่จ้ายและตระกูลฉินมีหมายมั่นกัน เขาต้องนำเรื่องนี้ไปวุ่นวายถึงตระกูลฉิน ตอนนี้ฉินโจวกำลังพาทหารของตระกูลฉินไปสู้รบอยู่ พฤติกรรมของซือถูเย้นที่ขโมยดาบศักดิ์สิทธิ์ไปนั้น ทั้งน่าละอายและน่าเกลียด ภายใต้ความโกรธของทหารตระกูลฉิน ก็จะมีขวัญกำลังใจมากขึ้น ก็เท่ากับว่าเขาทำเพื่อฮ่องเต้

หลังจากที่เข้ามาที่หมู่บ้านมู่จ้ายเขาก็พบว่า ภายในหมู่บ้านมู่จ้ายมีคนติดเชื้อโรคระบาดจำนวนหลายร้อยคน แล้วก็ตายไปแล้วอีกหลายร้อยคน

ตอนนี้เป่ยม่อวุ่นวายมาก ที่ไหนมีโรคระบาด แม้แต่ฮ่องเต้เองก็คงจะไม่รู้

เมื่อนายกำนันโม่เห็นฉาวกั๋วจิ้วพาทหารมา เลยนึกว่ารัฐบาลส่งคนมาช่วยเหลือ เลยรีบขึ้นไปต้อนรับ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม