บทที่ 570 ทะเลาะ
หลังจากลงโทษองครักษ์เสร็จ อ๋องเจิ้งโก๋ก็ทักทายซือถูเย้นอย่างเป็นมิตร คำพูดของเขาไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ว่า คำทุกคำกลับมีแต่หยิ่งในศักดิ์ศรี
หลังจากทักทายเสร็จ ก็เปลี่ยนคำถามทันที แล้วถามหลีโม่ว่า “พระชายา มีเบาะแสเกี่ยวกับโรคระบาดแล้วหรือยัง?”
“มีเล็กน้อยเพคะ” หลีโม่ตอบ
“มีเบาะแสอะไรบ้าง?แล้วมีความคืบหน้าไปถึงไหนกันแล้ว?” อ๋องเจิ้งโก๋มองนางแล้ว
หลีโม่รู้ว่าเขาต้องการทราบเกี่ยวกับโรคระบาด และก็รู้ว่าเขาอย่างทราบความคืบหน้าของวิธีการรักษา แต่ว่า จะให้เขารู้เยอะอย่างนั้นอย่างไรกัน?
เลยกล่าวว่า “ที่รู้ในตอนนี้ ก็คือวิธีการแพร่กระจายของโรคระบาด มันสามารถแพร่กระจายผ่านทางอากาศ การหายใจ น้ำลาย หรือสัมผัสบาดแผลบนผิวหนังต่างๆ”
“หายยใจ?”สีหน้าของอ๋องเจิ้งโก๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่า ตอนที่ผู้ป่วยเหล่านี้หายใจ ก็จะสามารถแพร่โรคระบาดได้เช่นกัน?”
“เพคะ ดังนั้นใต้เท้าซูเลือกวิธีการกักตัวเป็นวิธีที่ถูก” หลีโม่กล่าว
อ๋องเจิ้งโก๋หัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าแม้แต่หายใจก็สามารถแพร่เชื้อได้ งั้นทุกคนก็ต้องติดเชื้อสิ?”
ดูเหมือนว่าจะเป็นคนไม่มีวิชาการศึกษา เลยได้ชื่อเสียงปลอมๆมา
แต่หลีโม่กลับกล่าวอย่างจริงจังว่า “เพคะ ถ้าเกิดมีผู้ป่วยมาพูดคุยกับท่าน และท่านอ๋องมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำ ก็จะสามารถติดเชื้อได้”
“งั้นเขตตะวันตกที่เมื่อกี้ที่พวกข้าอยู่ เป็นที่ของผู้ป่วย พวกเขาหายใจอยู่ข้างใน อากาศที่ออกมาก็มีเชื้อเช่นกัน?”
คนที่ถามคือฟางเฉิงเสี้ยงของเป่ยม่อ เขามากับอ๋องเจิ้งโก๋เพื่อมาเยี่ยมและสอบถามผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
“สามารถเข้าใจว่าอย่างงั้นได้” หลีโม่กล่าว
ฟางเฉิงเสี้ยงรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลย “ถ้าเป็นเช่นนี้ เป่ยม่อก็จะต้องประสบภัยครั้งใหญ่ไม่ใช่?”
“เพคะ” หลีโม่พูดอย่างสั้นๆ เพราะไม่อยากเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป หรือแม้กระทั่ง ว่าเป็นโรคอะไรก็ไม่บอก
แน่นอนว่าอ๋องเจิ้งโก๋ไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าโรคระบาดจะแพร่กระจายในเขตประสบภัย แต่ว่าจำนวนคนที่ตายไปในตอนนี้ก็ไม่ได้เยอะมาก และคนที่ติดเชื้อก็มีไม่เยอะ อย่างน้อย ภายในหมู่บ้านมู่จ้าย มีผู้คนนับพันแต่ผู้ติดเชื้อก็มีอยู่ไม่กี่ร้อย
อ๋องเจิ้งโก๋นั้นไม่รู้ว่า คนที่ติดเชื้อพวกนี้ อยู่ในหมู่บ้านมู่จ้ายนั้นเปอร์เซ็นต์สูงมาก มีผู้ติดเชื้อร้อยละสิบ
“งั้นจะรักษาอย่างไร?แล้วมีวิธีรักษาไหม?” อ๋องเจิ้งโก๋ถาม
หลีโม่กล่าว “มีเบาะแสมาบ้างเล็กน้อยแล้ว”
“แค่มีเบาะแส?พระชายาเขามาพื้นที่ที่โรคระบาด มาตั้งสามวันแล้วนะ?” อ๋องเจิ้งโก๋พูดเสียงสูง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเป้นอย่างมาก
“ถ้างั้นท่านอ๋องลองถามหมอในเขตโรคระบาดดูไหม โรคระบาดแพร่กระจายอย่างน้อยก็ครึ่งเดือนแล้วไม่ใช่?พวกเขาหาเบาะแสอะไรได้บ้างหรือยัง?”
อ๋องเจิ้งโก๋มองหมอของกรมฮุ่ยหมิน พวกเขาก้มหน้าลงพร้อมกัน แล้วมองหลีโม่ด้วยความไม่พอใจ
“งั้นพระชายาคาดเดาว่า จะวิจัยวิธีการรักษาได้เมื่อไรกัน?” อ๋องเจิ้งโก๋ถามอย่างอดทน
หลีโม่คิดอยู่สักครู่ “ไม่สามารถบอกเวลาที่แน่นอนได้ หนึ่งถึงสองวันก็ไม่แน่นอน สามถึงสี่วันก็ไม่แน่นอน เจ็ดถึงแปดวันก็ไม่แน่นอนเช่นกัน”
อ๋องเจิ้งโก๋หัวเราะ ยิ่งยิ้มยิ่งชิงชังและเย็นชา “พระชายากำลังหลอกลวงข้าอยู่หรือ?”
“ท่านอ๋องทำไมถึงคิดเช่นนั้น?” หลีโม่ขมวดคิ้ว
“แล้วมันไม่ใช่หรือไง?จะรักษาได้หรือไม่ได้ ตอนที่เจ้าสัมผัสกับผู้ป่วยก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่?จะสามารถหาวิธีรักษาได้ไหม นี่ก็สามวันแล้ว ยังไม่มีข้อสรุปอะไรเลย พระชายาไม่ได้กำลังหลอกลวงข้าอยู่แล้วจะเป็นอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...