ทบที่582 ฉินโจวกลับมา
พอมัดตัวหมอพวกนั้นไว้แล้ว หมู่บ้านมู่จ้ายก็เงียบสงบลง
หลีโม่ก็เริ่มทำยาแก้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่ากุญแจทองคืออะไร แต่ว่า บางทีอาจจะมีตัวยาอื่นที่สามารถทดแทนตัวยากุญแจทองได้
ตอนนี้สิ่งที่กังวลที่สุดก็คือ องค์หญิงอานจะสามารถเกลี้ยกล่อมฮ่องเต้แคว้นเป่ยม่อได้หรือไม่
ในคืนนั้น องค์หญิงอานให้คนมาส่งข่าว ว่าได้ให้เทียบยาแก่ฮ่องเต้แล้ว แต่ว่า ฮ่องเต้จะคิดอย่างไรนั้น นางไม่รู้เลย
หลีโม่กังกังวลมากขึ้น ถ้าแม้แต่องค์หญิงอานก็ยังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมฮ่องเต้แคว้นเป่ยม่อได้ สถานการณ์ก็จะไม่ค่อยสู้ดีนัก
สองวันผ่านไป ฉินโจวเอาทหารหนึ่งแสนกลับมา ยิ่งใหญ่มาก ทหารม้าเหยียบย่ำพื้นที่ที่มีโรคระบาด ฉินโจวไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ที่นี่เป็นแคว้นเป่ยม่อของนางหรือ?
เดิมทีนางว่าจะเข้าวังพบฮ่องเต้ก่อน แต่ว่าแม่ทัพฉินห้ามนางไว้ บอกว่าให้นางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนแล้วจะเข้าไปพบฮ่องเต้กับนางด้วย
ฉินโจวก็แปลกใจ เพราะบรรพบุรุษบอกไว้ว่า ถ้ากลับจากศึกให้รีบมาเข้าเฝ้าก่อน
แต่ตอนนี้มาห้ามไว้ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
ฉินโจวไม่เคยผิดต่อคำสั่งสอนของท่านปู่ นางตั้งค่ายอยู่นอกเมือง แล้วรีบกลับเข้าจวน
พอมาถึงหน้าจวน ก็พบว่าแม่ทัพฉินแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“หลานทักทายท่านปู่” ฉินโจวคุกเข่าลงทำความเคารพ
“ลุกขึ้นเถอะ ” แม่ทัพฉินมองหลานสาวอย่างภูมิใจ ถ้ากลับจากสงครามครั้งใด เขาก็จะรู้สึกภูมิใจ เหมือนกับเห็นตนเองตอนหนุ่มๆ “เดี๋ยวปู่จะเข้าวังไปกับเจ้าด้วย งานวันเกิดฮองไทเฮาใกล้เข้ามาแล้ว ปู่จะเข้าวังไปถวายพระพรท่านเสียหน่อย”
ฉินโจวรู้ว่าปู่ตนเองนั้นเข้าวังน้อยมาก งานวันเกิดฮองไทเฮาก็ไม่แน่ว่าเขาจะเข้าร่วม
นางก็รู้ได้ว่าสถานการณ์จะไม่ดี เพราะตลอดทางที่เห็นมา ก็ทำให้นางตกใจ
ในใจก็โมโห เสี้ยหลีโม่มาตั้งหลายวันก็ยังช่วยอะไรไม่ได้หรือ?
ปู่หับหลานคุยกันในรถม้าอยู่พักใหญ่ แม่ทัพฉินก็เอาคำพูดของอ๋องเจิ้นโก๋บอกกับฉินโจว
ฉินโจวได้ยิน ก็ไม่ได้ตกใจอะไร แต่นางครุ่นคิด “โรคระบาดครั้งนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ ท่านปู่ ตลาดทางมานี่ หลานเห็นชาวบ้านอดอยาก ศพเกลื่อนกลาดเต็มพื้น หลานตกใจจริงๆ บางทีที่หลีโม่พูดก็เพื่อที่จะทำให้ชาวเมืองเราตกใจ”
แม่ทัพฉินไม่คิดว่าฉินโจวจะพูดแบบนี้ ก็เลยตอบไปว่า “นี่เจ้าเชื่อคำพูดของเสี้ยหลีโม่หรือ? เจ้าเคยเจอนางหรือ? นางเป็นถึงพระชายาอ๋องซื่อเจิ้ง เจ้าเชื่อหรือว่านางจะมาช่วยแก้เรื่องโรคระบาดให้เราอย่างจริงใจ?”
ฉินโจวถาม “ท่านปู่ หลานไม่เชื่อนาง แต่เชื่อในสายตาตัวเองที่เห็น หลานจะส่งข่าวกลับราชสำนักทุกวัน ข่าวทางราชสำนัก หลานก็รู้ดี ตั้งแต่แผ่นดินไหวจนถึงตอนนี้ คนที่ล่มตายมีมากกว่าสามหมื่นคนแล้ว หลานไม่เชื่อ”
“เจ้าจะเชื่อหรือไม่นั้นไม่สำคัญ สามหมื่นคนและสามแสนคนก็เหมือนกัน ตายไปก็ตายไปแล้ว ถ้าให้คำพูดของเสี้ยหลีโม่มาป่าวประกาศที่แคว้นเป่ยม่อเรา ราชสำนักก็จะเสียความน่าเชื่อถือ ประชาชนก็หวาดกลัว พอถึงตอนนั้น แคว้นต้าโจวก็จะถือโอกาสบุกเข้ามา แล้วพวกเราจะเอาอะไรไปสู้รบ”
“แต่ว่า......”ฉินโจวครุ่นคิด “ถ้าหากเป็นดั่งเสี้ยหลีโม่กล่าว โรคระบาดครั้งนี้จะระบาดครั้งใหญ่ ไม่ต้องพูดถึงเมืองอื่น แค่เมืองเราเอง ก็แทบจะสิ้นเมืองเลย”
“บ้าบอ ปีนี้ข้าอายุ72แล้ว ในชีวิตนี้พบเจอโรคระบาดมานักต่อนักแล้ว ไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใด สุดท้ายก็จะถูกรักษาจนหาย หลังจากแผ่นดินไหว คนบาดเจ็บตายจำนวนมาก มีโรคระบาดมันก็ไม่แปลกอะไร? ส่วนเรื่องที่เห็นมาระหว่างทาง เพราะว่าตอนนี้ในบ้านเมืองเรายังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ศพที่ตายก็ถูกจัดการไม่ดีพอ ก็เลยเห็นศพถูกกองอยู่แบบนั้น”
ฉินโจวเคารพรักปู่ของตนเองมาก พอได้ยินเขาโมโห ก็ไม่ขัดคอ แล้วพูดว่า “ท่านปู่วางใจเถอะ หลานรู้ดีว่าควรทำอย่างไร ”
“เช่นนั้นก็ดี ” แม่ทัพฉินตอบอย่างพอใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...