พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 6

ตอนที่ 6 ฮองเฮาเหนียงเหนียง

เธอปัดเลือดและเหงื่อบนหน้าผากทีนึง จัดเสื้อผ้าเล็กน้อย แล้วตามมาม่าเข้าไป

ความสง่าผ่าเผยในตำหนักคู่กับความทรุดโทรมของเธอ เธอพยายามห้าวเท้าอย่างเบาๆ ประคองตัวเองเดินหน้า ทีละก้าวละก้าว ยังรู้สึกลำบากยิ่งนัก

ตรงหน้ามีเงาคนกำลังขยับ แท้จริงแล้ว ไม่ใช่เงาคนกำลังขยับ แต่เพราะเธอเวียนหัวมาก เธอเพียงแต่เห็นรางๆมีสามคนที่กำลังนั่งอยู่ในตำหนัก ผู้ที่อยู่ตรงกลางนั้น สวมชุดกระโปรงผ้าวังสีแดงสด ทรงผมจัดได้สูงมาก เพียงแค่ดูครั้งนึง ก็รู้สึกสง่าผ่าเผย

เธอฟุ๊บคุกเข่าลง “หม่อมฉันเสี้ยหลีโม่ กราบบังคมฮองเฮาเหนียงเหนียง!”

ในตำหนักนั้นเงียบสงบ แม้แต่เสียงลมหายใจยังเหมือนไม่ได้ยินเลย แสงไฟบนผนังของตำหนักผ่านฝ่าแก้วไฟส่องแสงสว่างออกมา ภาพที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมด เหมือนดั่งความฝัน

สักพัก ถึงได้ยินเสียงผู้หญิงที่เฉยชาจนแทบจะไม่มีอุณหภูมิดังขึ้น “เงยหน้าขึ้น!”

หลีโม่สองมือพยุงกับพื้น ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา

สองดวงตาที่แหลมคมโหดเหี้ยมจ้องไปที่เธอ ดวงตานั้นเผยแสงสีฟ้าเข้มออกมา ทำให้เธอนึกถึงตอนที่เป็นแพทย์ทหารมีครั้งนึงเกิดอันตรายในทะเลสาบ เห็นงูหางกระดิ่งตัวนึงซ่อนตัวอยู่หลังเนินทราย ก็จ้องมองเธออย่างโหดเหี้ยมเหมือนเช่นนั้น

หางตาของเธอเห็นถึงข้างกายของฮองเฮา ซ้ายคนขวาคนนั่งอยู่คนนึง ที่นั่งอยู่ด้านขวานั้นคืออ๋องเหลียง อ๋องเหลียงสีหน้าไม่พอใจ หันหน้าไป แทบจะมองยังไม่ยอมมองเห็นเธอ

เห็นว่าอ๋องเหลียงอยู่นี้ ใจของเธอก็โล่งไปครึ่งนึง อย่างน้อยแผนการของเธอสามารถใช้อย่างราบรื่น

สำหรับชายชุดสีดำที่นั่งอยู่ด้านซ้ายนั้น เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน เจ้าของเดิมก็น่าจะไม่เคยพบเจอมาก่อน เพราะในสมองไม่มีภาพความทรงจำเลย

ท่าทีของผู้นี้ทำให้หลีโม่กลัวเล็กน้อย ไม่กล้ามองใบหน้าของเขาชัดๆ เขาเพียงแค่นั่งสบายๆอยู่ข้างๆ ในมือหยิบแก้วไว้ใบนึง ความรู้สึกจางๆเช่นนั้นกลับทำให้มีความรู้สึกกดดันสูงอย่างนึง

หลีโม่ทายในใจ หรือว่าเขาก็คือน้องชายของฮ่องเต้ อ๋องซื่อเจิ้ง ซือถูเย้น?

หลีโม่ไม่ทันคิดละเอียด ฮองเฮาก็พูดออกมา เปลี่ยนความโหดเมื่อกี้นี้ มุมปากยิ้มเบาๆขึ้นมา “เจ้าก็คือเสี้ยหลีโม่?”

กลับทูลฮองเฮาเหนียวเหนียง หม่อมฉันก็คือเสี้ยหลีโม่!”หลีโม่ตอบกลับ กรองเสียงเหมือนโดนอุดด้วยสำลีก้อนนึง ทรมานยิ่งนัก

ฮองเฮายิ้ม สายตาเย็นกะทันหัน น้ำเสียงเบาพลิ้วลอยขึ้นมา “ได้ยินว่า เจ้าไม่ถูกใจอ๋องเหลียง ”

คำพูดเบาสบายเช่นนี้ ก็หมายถึงคำถาม

หลีโม่ทำทีคำนับ แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น สีหน้าสงสารกล่าวฮองเฮาเหนียงเหนียง หม่อมฉันรู้ตัววันนี้โทษตายไม่พ้นแน่นอน และไม่ขอให้ฮองเฮายกโทษให้ แต่ที่วันนี้หม่อมฉันทำเช่นนั้น ไม่ได้มีเจตนาให้อ๋องเหลียงต้องเสียหน้า เพราะไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ทำให้อ๋องเหลียงต้องเดือดร้อน หม่อมฉันก็รู้สึกผิดและไม่สบายใจนัก ฉะนั้นไม่ว่าสักครู่ฮองเฮากับอ๋องเหลียงจะจัดการหม่อมฉันอย่างไร หม่อมฉันก็เต็มใจรับโทษ ”

อ๋องเหลียงโมโหใหญ่ “นี้เจ้ากล้าหลอกใช้ข้าหรือ? ไม่ว่ายังไง ก็คือโทษตายอยู่ดี!”

หลีโม่เงยหน้าขึ้น ขนตามีน้ำตาไปแล้ว ริมฝีปากสั่นเบาๆ ใบหน้าที่น่าสงสารเต็มไปด้วยบาดแผล “ท่านอ๋อง ขออภัยด้วย แท้จริงข้าอยากจะพูดเรื่องนี้กับท่านให้รู้เรื่องมาตลอด เพียงแต่ ข้าไม่มีวิธีไปพบท่าน ท่านพ่อก็ไม่ยอมพูดกับท่านแน่นอนอยู่แล้ว และเป็นเพราะเรื่องนี้ ข้าถึงได้ปฏิเสธขึ้นเกี้ยวแต่งงาน ”

อ๋องเหลียงตะลึง “เรื่องอะไร?”

น้ำตาตรงมุมตาของหลีโม่ไหลลงมาสักที ทั้งตัวสั่นคลออย่างควบคุมไม่ได้ ดูแล้วหมดหวังอย่างยิ่ง “ร่างกายของข้าอ่อนเย็น ไม่สามารถมีบุตรได้ แล้วถามว่า ข้าจะกล้าแต่งงานกับอ๋องเหลียงด้วยกายที่ไม่สามารถมีบุตรได้อย่างไร?ท่านนั้นสู้ส่งยิ่งนัก ข้… เป็นเพียงฝุ่นดินที่ถูกคนเหยียบไว้ใต้เท้า

“อะไร?”ในที่สุดฮองเฮาอดอั่นความโมโหไว้ไม่อยู่แล้ว “เขาช่างกล้าหลอกข้าเช่นนี้หรือ?”

ให้ลูกสาวที่มีบุตรไม่ได้แต่งงานกับท่านอ๋องปัจจุบัน ถึงเขาจะมีวามกล้าพันเท่าเขาก็ไม่กล้าหรอก นอกจาก เขาจะรู้เรื่องอะไรบางอย่าง สายตาฮองเฮ่าเผยความอาฆาตออกมา

อ๋องเหลียงก็สั่นไปทั้งตัว ใบหน้าซีดเซียว จ้องมองหลีโม่ไว้ เหมือนกำลังสำรวจคำพูดว่าเป็นเรื่องจริงหรือมีความหมายอื่น

“ใครก็ได้ ไปเชิญหมอหลวงมา!” อ๋องเหลียงโมโหใหญ่ ตะโกนขึ้นมาอย่างกับคนบ้าเช่นนั้น

ในใจหลีโม่หวาดกลัวขึ้นมา ไม่รู้ว่าเหตุใดอ๋องเหลียงถึงบ้าคลั่งขึ้นมาทันทีเช่นนี้ ถึงแม้ เชิญหมอหลวงมานั้นเธอก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว แต่อ๋องเหลียงก็ไม่น่าจะโมโหหนักเช่นนี้นี้นา อย่างไงแล้ว วันนี้ตัวเองปฏิเสธขึ้นเกี้ยวแต่งงาน ทำให้เขาอับอายแล้วเสียหน้าเช่นนั้น เขายังไม่ใส่อารมณ์โมโหทันทีเลย ตอนนี้ฮองเฮาอยู่นี้ อ๋องซื่อเจิ้งก็อยู่นี้ ทำไมเขาถึงเปลี่ยนลักษณะท่าทางกะทันหันเช่นนี้?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม