พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 633

บทที่ 633 องค์หญิงอานมาแล้ว

หลีโม่เล่าเรื่องที่คุยกับซือถูเย้นและหลิงลี่เมื่อกี้ให้พวกเขาฟัง ทั้งสองคนฟังแล้ว ต่างก็มองหน้ากัน เซียวโธ่เงียบไปสักพัก แล้วก็พูดขึ้นว่า “เจ้าคิดมากไปหรือเปล่า? อาศัยแค่เงาหลังกับการกระทำ ก็คาดเดาว่าฉู่จิ้งยังอยู่ข้างกายฮ่องเต้คังผิง? หากเขาหนีออกไปได้ ทำไมยังต้องเสี่ยงแบบนี้?”

ถึงแม้ซูชิงจะยังเมาอยู่ แต่ปกติก็มักคิดละเอียดอ่อนกว่าคนอื่น เขาพูดขึ้นว่า “เซียวโธ่ เกรงว่าคงไม่ใช่พระฉายาคิดมาก แต่มีความเป็นไปได้จริง ในโลกนี้สถานที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด หากเขากลายเป็นคนข้างกายฮ่องเต้คังผิงง่ายแบบนี้ ใครจะไปสงสัยเขา? แต่ถ้าเขาหนีออกไปสิยิ่งอันตราย”

หลีโม่พูดว่า “ข้าสงสัยสองข้อ แต่เป็นเพียงความเห็นของข้าคนเดียว แต่ว่าทุกคนก็ลองพิจารณาดู”

“เจ้าลองพูดมา” ซือถูเย้นหรี่ตาลง

หลีโม่พยักหัว ยื่นมือจับกาน้ำชาไม้สีแดง พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “อ๋องเจิ้นโก๋ก่อเรื่อง เพราะเหลาไท่ไท่ฉิน เหลาไท่ไท่บอกว่าตระกูลฉินจะอยู่ข้างเขา อ๋องเจิ้นโก๋จึงพาคนไปบุกพระราชวัง แต่หลังจากที่อ๋องเจิ้นโก๋เข้าวังไปแล้ว คนของตระกูลฉินกลับไม่มา ตอนนั้นทำไมเขาถึงไม่สงสัย? ใช่ ต่อให้เขาสงสัย ตอนนั้นทุกอย่างก็ต้องลงมือแล้ว เค้าเพียงแค่สามารถสังหารฮ่องเต้ สร้างผลงานใหญ่ แต่ฮ่องเต้กลับตายบนดาบของเขา นี่ฟังแล้วก็เหมือน... สถานการณ์ของนักเล่าเรื่อง”

หลีโม่หยุดไปแปบหนึ่ง รู้สึกเหมือนคอแห้ง จึงดื่มน้ำไปหนึ่งคำแล้วก็พูดต่อว่า “ข้อที่สอง แม่ทัพใหญ่หลงไปหาเหลาไท่ไท่ตระกูลฉินเพื่อคุยเรื่องแต่งงาน แต่เหลาไท่ไท่ตระกูลฉินกลับเห็นด้วย การแต่งงานนี้ พวกเจ้าไม่รู้สึกแปลกหรือ?”

ซือถูเย้นพูดขึ้นว่า “ข้อนี้ ข้าก็คิดว่าแปลก” พูดเสร็จ เขาก็มองดูหลีโม่อย่างชื่นชม

เซียวโธ่คิดอยู่สักพัก “บางทีนางอาจจะเป็นกังวลเรื่องงานแต่งของฉินโจวล่ะ นางไม่รู้ว่าฉินโจวไม่ชอบผู้ชาย”

“ไม่ เหลาไท่ไท่ตระกูลนักรบที่มองทุกอย่างได้แจ่มแจ้งขนาดนี้ จะกระทำผิดตามหลักการที่มีหรือ? หากตระกูลหลงกับตระกูลฉินดองกัน แต่จะรู้สึกเป็นอันตรายไหม? ข้อนี้ นางจะต้องคิดได้แน่ แต่กลับยุให้แม่ทัพใหญ่หลงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อขอราชโองการให้มีการแต่งงาน นี่เท่ากับว่าเป็นการเตือนฮ่องเต้ ซูชิง หากเจ้าเป็นฮ่องเต้ เจ้าจะทำยังไง?”

ซูชิงคิดอยู่สักพัก แล้วพูดว่า “ก่อนอื่น จะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานนี้แน่นอน ตระกูลฉินกับตระกูลหลงมีอำนาจทหารอยู่ในมือ หากกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน ฮ่องเต้ก็จะกลายเป็นแค่หุ่นเชิด อีกอย่าง ต้องหาวิธีค่อยๆลดอำนาจในการสั่งการทหารในมือฉินโจวกับแม่ทัพใหญ่หลง เป็นฮ่องเต้ ก็จะต้องเอาอำนาจการสั่งการทหารมาไว้ในมือของของเองถึงจะปลอดภัย ยังไงตอนนี้ก็ได้ร่วมลงสัญญาสงบศึกกับต้าโจวเราแล้วหนึ่งร้อยปี แม่ทัพในราชสำนัก ก็จะค่อยๆปลดไปส่วนหนึ่ง”

“เจ้ายังสามารถคิดได้ งั้นเหลาไท่ไท่จะคิดไม่ได้หรือ?” หลีโม่ถามกลับ

สีหน้าซูชิงเปลี่ยนไป “คุณหมายความว่า คนที่เหลาไท่ไท่ให้การสนับสนุนจริงๆคือฉู่จิ้ง? แต่ ทำไมนางยังต้องยุให้อ๋องเจิ้นโก๋บุกเข้าวัง?”

ซือถูเย้นพูดว่า “เพราะเรื่องบางสามารถหลอกอ๋องเจิ้นโก๋ได้ แต่หลอกฉินโจวไม่ได้ ให้ตายในมืออ๋องเจิ้นโก๋ก่อน แล้วขอให้อ๋องเจิ้นโก๋หั่นศพเป็นชิ้นๆ ฉินโจวกับฮ่องเต้คังผิงคงไม่มาค่อยๆพิสูจน์ศพหรอก”

“แต่ สุดท้ายก็หลอกอ๋องเจิ้นโก๋ไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”

หลีโม่พูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ใช่ สุดท้ายก็หลอกอ๋องเจิ้นโก๋ไม่ได้ พวกเขาเป็นพี่น้องกันมานานหลายปี ต่างฝ่ายต่างก็คุ้นเคยกันมาก อ๋องเจิ้นโก๋ก็คงจะกลับมาคิดดูดีๆแล้วถึงรู้ อย่างส่วนที่สำคัญที่สุดคือ เพราะพวกเขาเตรียมการอย่างกะทันหัน”

“ฉินโจวเปลี่ยนใจกะทันหัน พวกเขาจึงต้องเตรียมการรับมืออย่างเร่งด่วนอยู่แล้ว” ซือถูเย้นพูดขึ้น

“แต่” ซูชิงไม่เข้าใจ “หากเป็นความจริง ฉู่จิ้งคนนั้นจะอยู่ในวังต่อเพื่ออะไร? หรือว่าเขาจะทำตัวเป็นขุนนางคนหนึ่งเพื่อเบี่ยงเบนการตัดสินใจของฮ่องเต้คังผิง? เขาคงไม่คิดที่จะฆ่าฮ่องเต้คังผิงใช่ไหม? ต่อให้ฆ่าฮ่องเต้คังผิงแล้ว แล้วจะทำยังไงได้อีก? อำนาจสั่งการทหารอยู่ในมือฉินโจวนี่”

“ถ้าฉินโจวตายแล้ว งั้นอำนาจสั่งการอาหารจะตกอยู่ในมือของใคร?” ซือถูเย้นถามกลับ

ซูชิงเงียบไปครู่หนึ่ง “หากฮ่องเต้ยังทันที่จะมายึดอำนาจสั่งการทหารไป แบบนั้น อำนาจสั่งการทหารก็จะต้องตกอยู่ในมือแม่ทัพฉินหรือเหลาไท่ไท่”

“งั้นถ้าแม่ทัพฉินกับเหลาไท่ไท่เป็นคนของฉู่จิ้งจริง ราชบัลลังก์นี้ สุดท้ายแล้วจะตกอยู่ในมือของใคร? ไม่ใช่ฉู่จิ้งหรือ? ถึงตอนนั้นไม่เพียงได้บัลลังก์กลับมา อำนาจสั่งการทหารก็ได้กลับมาด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม