พลาด นิยาย บท 40

“หวานโหดล่ะสิ”

“มั้ง เหมือนพี่รักใครไม่เป็นเมื่อก่อน ใครจับได้ก็ปล่อยไป เอาจริง ๆ ไม่กลัวใครจับได้ด้วยซ้ำ ฮ่า ๆ พอกับหวานนึกว่าจะเป็นเหมือนแต่ก่อน ไม่ใช่ กลัวทุก

ฝีก้าว วันที่หวานจับได้นะพี่โคตรกลัวเลย”

“แต่ยังทำ?”

“ใช่ ท้าทาย ๆ” แหมอิพี่ที

“พี่อยากเลิกตั้งนานแล้วหวาน ตั้งแต่หวานจับได้เรื่องเลขา สงสัยไม่ใช่ฤกษ์งามยามดีมั้ง เลยเลิกไม่ได้ สงสัยที่ผับไอ้เอส ฤกษ์ดีกว่า” เออนะ ดอกจิก

“แล้วเพื่อนพี่ทีเลิกเสือกันหมดยัง”

“ไอ้เซ็นเลิกขาด ขาดเลย ตอนคบณีเวีย ขาดแบบไม่ติดต่อไม่อะไรทั้งนั้น มันคนจริง มันไม่อยากให้เมียรู้ เมียมันเซนซิทีฟเรื่องนี้ แต่ก่อนเนี่ย สาวเพียบ”

“ยังไงคะ “

“ก็มันหล่อ รวย แถมรวยด้วยตัวเองอีก สาว ๆ วิ่งชนเลย มันเบื่อใครก็เปลี่ยน ไม่แคร์ ไม่เหมือนพี่ พี่ยังแคร์สาว ๆ ของพี่นะ ฮ่า เห็นมั้ยล่ะพี่กว่าจะเลิกได้แต่ละคน” อื้ม ความดีที่แฝงในความเลว

“แล้วพี่เอส กับพี่ไวท์ล่ะคะ” พี่ไวท์ไม่ค่อยมีบทเลยน้ำหวานเลยถามให้

“เอสมันกำลังเลิกเพื่อแตงโม แต่ไม่รู้ทำได้ยัง มันเคยบอกนะว่าจะเลิกเสือจริงจัง แต่ก่อนก็เพียบสาววิ่งชนเหมือนกัน” เพื่อแตงโมงั้นเหรอ พี่เอสจะทำได้

มั้ยนะ เรื่องแตงท้องก็ไม่รู้ สงสารแตงชะมัด

“ส่วนไวท์ มันโดนไอ้เอสปราบ เพราะคบกับน้องมัน มันเลยเลิกนานแล้ว ไปดูโรงแรมที่หัวหินนู่น”

“ดีแล้ว แก่กันหมดแล้ว” ฉันบอกพี่ที บางทีมันก็ควรอิ่มตัวแล้วป่ะ จะชู้ไปจนแก่ก็กะไรอยู่

“อืม พี่คิดว่าพี่ทำได้... เพื่อหวาน พี่ทำได้” เขาก้มลงกินข้าว และพูดออกมาน้ำเสียงจริงจัง

“จ้า ทำเพื่อตัวเองก่อนพี่ที อย่าเพิ่งทำเพื่อคนอื่น เห็นมั้ยละ พอเลิกเจ้าชู้มีเวลาทำการทำงาน หุ้นพุ่งไปถึงไหนแล้ว บางทีอาจจะมีสาว ๆ ดี ๆ เข้ามาก็ได้นะ” เขาละหน้าจากจานข้าวมองหน้าฉัน

“หวาน… ในโลกนี้ไม่มีใครดีเท่าหวานแล้ว ใครจะว่าหวานยังไง สำหรับพี่ หวานดีที่สุดแล้ว” ฉันรวบช้อนข้าวและจ้องหน้าพี่ทีกลับ ซึ่งตอนนี้เขากำลังน้ำตาซึม และเหมือนกำลังจะไหลออกมาให้ได้

“พี่ที ทำให้ดีที่สุด อนาคตเราไม่รู้อะไรหรอก อย่าคิดมาก หวานก็อยู่นี่ล่ะ ไม่ได้ไปไหนซะหน่อย”

“พี่กลัว… กลัวว่าหมอคนนั้น จะเอาหวานไปจากพี่ก่อน” พอถึงคราวคนอื่น ตัวเองกลับเป็นคนกลัวการสูญเสียซะงั้น

“...” ฉันเงียบไม่ได้ตอบอะไร ไม่รู้จะตอบอะไรจริง ๆ

“หวานชอบ หมอคนนั้นเหรอ”

“ชอบ...”

“ทำไมเหรอหวาน”

“เขาน่ารัก นิสัยดี ให้คำปรึกษาหวานตลอด หวานคุยกับเขาและสบายใจอ่ะ” ฉันตอบเรียบ ๆ ไม่ได้คิดอะไร

“พี่อยากทำได้แบบนั้นบ้าง” เขาดูเศร้ามาก เมื่อฉันเอ่ยปากชมหมอนาย

ฉันนั่งมองพี่ทีเช็ดน้ำตาสักพัก ก็แอบสงสารเขานะ แต่ให้ทำยังไง เมื่อก่อนเขาทำอะไรเขาก็ไม่เคยนึกคนอื่นเหมือนกัน ไม่เคยนึกว่าใครจะเสียใจ ไม่เคยนึกว่าใครจะทรมาน ถือว่าชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อแล้วกัน

“หวานเชื่อ ว่าพี่ทำได้ ถ้าพี่พยายาม สู้ ๆ ค่ะ” ฉันยิ้มให้เขา เขาได้แต่พยักหน้าตอบ

ส่วนฉันเอง... สถานะฉันกับหมอนายเรื่อย ๆ ฉันไม่ได้คบกับเขา ไม่ได้จีบเขา ฉันไม่อยากบุ่มบ่ามเหมือนที่เคยทำ แค่ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่ฉันอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด เอาจริง ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว คนรอบข้างดีทุกอย่างโอเค เพื่อนน่ารักบางทีผัว เอ้ย... แฟน ก็ไม่จำเป็นหรอก ถูกมั้ย?

“พี่คะ ยังไงขอข้าวผัดปูใส่กล่องหนึ่งกล่องค่ะ” ฉันหันไปสั่งข้าวผัดปูกลับบ้านกับพนักงาน

พี่ทีขมวดคิ้วใส่ฉัน

“ไม่อิ่มเหรอหวาน กินเยอะแล้วนิ”

“เปล่า หวานจะซื้อไปฝากหมอ เขาคิวผ่าตัดยาว คงหิวน่าดู” พี่ทีดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ฝืนยิ้มออกมา

เรานั่งเงียบรอข้าวผัดปูกันสักพัก พี่ทียืนยันจะเลี้ยง แต่ฉันรับข้าวผัดปูมาเลยชิงยื่นบัตรไปก่อน

“หวานยังไม่มีรายได้เลยนะ ให้พี่เลี้ยงดีกว่า”

“นี่พี่ที หวานก็มีตังค์บ้างล่ะ ให้หวานเลี้ยงบ้าง”

พี่ทียอมจำนน และบอกจะไปส่งฉันที่โรงพยาบาลเอง ฉันได้แต่ปฏิเสธ

แต่เขาบอกว่า...

“พี่ไปส่งทางผ่าน” เขาพูดเรียบ ๆ ไม่มองหน้าฉัน มองแต่ถนน จนอยู่ ๆ

ฉันได้ยินเสียงเขาสะอื้นเบา ๆ หรือเขากำลังร้องไห้ เขาร้องไห้เหรอเนี่ย

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลฉันขอบคุณพี่ทีและรีบลงจากรถ เพราะพี่ทีไม่มองหน้าฉัน เขามัวแต่หันออกไปฝั่งกระจกข้าง ฉันโบกมือบายเขา ไม่รู้เขาจะเห็นบ้างไหม จนเขาจะรีบขับรถออกไปนั่นล่ะ

ฉันเดินมาห้องพักหมอแผนกสูตินารี กว่าจะหาเจอก็ถามไปทั่ว

เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานหมอนาย กลับว่างเปล่า สงสัยเขายังผ่าตัดไม่เสร็จ

“คุณหมอนาย ผ่าตัดอยู่ค่ะ คงใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวยังไงดิฉันไปแจ้งให้

นะคะ” มีพยาบาลคนนึงเดินตามหลังฉันมา ฉันรีบขอบคุณก่อนจะวาง ข้าวผัดปูไว้ที่โต๊ะทำงาน อืมเขาดูงานเยอะจริง ๆ เคสคนไข้เยอะแยะไปหมด

ฉันเดินไปด้านหลังห้องหยิบจานมาเทข้าวผัดปู จัดจานตั้งไว้ ไม่นาน หมอนายก็เปิดประตูเข้ามา

“อ่าวตัวแสบมาไม่บอก น่ากินนะเนี่ย” หมอนายเดินมาทิ้งตัวนั่งเก้าอี้ พลางเงยหน้าขึ้นฟ้าถอนหายใจ

“เหนื่อยเหรอคะ...” เขาพยักหน้า และหันมองหน้าฉัน

“เหนื่อย หิว ตาลายหมดแล้ว มือสั่น ขอบคุณนะตัวแสบ” เขายิ้มเดินไปล้างมือ ก่อนจะเริ่มลงมือกินข้าว ฉันนั่งมองเขากินสักพัก ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้เห็นวิถีชีวิตของหมอจริง ๆ เวลากินข้าวแทบจะไม่มี คนของประชาชนที่แท้ทรู

“หวานมากินเป็นเพื่อนหน่อยสิ เหงา” ตายจริง เขาบอกว่าเหงา

“เนี่ยหวานถึงบอกให้หาแฟน จะได้มีเพื่อนกินข้าว ฮ่า ๆ” เขาหัวเราะ

เบา ๆ พลางจ้องฉัน

“หวานก็เป็นให้หน่อยสิ”

“ตลกจริงหมอเนี่ย เมาเลือดเหรอคะ”

“คงงั้น”

ฉันไม่รู้ว่าหมอพูดจริง หรือพูดเล่น แต่ฉันเหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบ ไม่รู้สึกดีกับเขา

แต่เพราะฉันว่ามันเร็วเกินไป ฉันไม่อยากตกลงปลงใจบุ่มบ่ามคบกับใครตอนนี้ แผลฉันยังไม่หาย ฉันอยากรักษาแผลตัวเองก่อน...

“ข้อมือหวานโอเคแล้วใช่มั้ยคะ” ฉันยื่นให้เขาดู เขาวางช้อนข้าว ก่อนจะเอื้อมมือนุ่ม ๆ มาจับ

“ดีแล้ว ไหมละลายหมดแล้ว เดี๋ยวพาไปกินไอติม” เกี่ยวอะไรกับไอติม

“ไม่ทำงานรึไงคะ?” เขาหันไปมองบอร์ดข้าง ๆ เก้าอี้

“ไม่มีแล้ววันนี้ เหนื่อยตั้งแต่เช้า ขอมีเวลาส่วนตัวบ้าง จะพาไปเลี้ยงไอติมเนี่ย เพราะดูแลแผลดี ไม่มีไหมตกค้าง” แบบนี้ก็มีด้วย!

“นี่หมอคะ ก็เพราะหมอเย็บดีไม่ใช่เหรอ เกี่ยวอะไรกับดูแลแผลดี”

ฉันขมวดคิ้วถามสงสัย

“ก็นี่ไง หวานดูแลแผลดี ให้รางวัลไง เอ้อ แล้วไปกินข้าวกับเขาเป็นไงบ้าง โอเคนะ” ฉันพยักหน้า ถ้าตอนนั้นเขาถามฉันเรื่องเป็นแฟนจริง ๆ แล้วตอนนี้เขาถามมาแบบนี้ เขาคงเป็นคนใจกว้างน่าดูเลยนะ

“โอเคค่ะ เขาบอกเลิกเจ้าชู้ได้ สี่วันแล้ว” หมอนายหัวเราะเบา ๆ

“เขาก็พยายามดี แล้วหวานว่าไง” ฉันเบะปากมองบน

“แค่ สี่วันเองค่ะหมอ หวานก็บอกโม้ สี่ปีค่อยมาพูด” หมอหัวเราะใหญ่

คนอะไรเส้นตื้นชะมัด

“ให้เขาพิสูจน์ตัวเองก่อน อย่าไปว่าเขาสิ บางทีคนกำลังปรับตัวอาจจะต้องการกำลังใจนะ” เขาเป็นคนมีทัศนคติดีมากจริง ๆ ในชีวิตนี้เขาเคยโกรธเคยเกลียดใครบ้างไหมเนี่ย

“หวานก็รอดูอยู่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลาด