ตอนที่ 42 เฉยชา – ตอนที่ต้องอ่านของ พลาดรักร้ายนายวิศวะ
ตอนนี้ของ พลาดรักร้ายนายวิศวะ โดย Kim Nayeol ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 42 เฉยชา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
วันต่อมา อรัณรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมาในเวลาบ่ายโมง เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดและเมื่อคืนเขาทั้งเมาและยังใช้พลังงานกับมิริณไปค่อนข้างเยอะ วันนี้เลยทำให้คุณชายเล็กของบ้านนั้นตื่นสาย
ร่างสูงในชุดเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นพอดีตัวลงเดินมาจากชั้นบน สายตาคมกวาดมองไปรอบๆ ภายในบริเวณห้องโถงของบ้านก็เจอกับปิ่น ที่เซ็ดๆ ถูๆ บานประตูของบ้านอยู่ ปิ่นที่สายตาสะดุดกับอรัณที่เดินเข้ามาภายในห้องรับแขก ถึงกับเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มขึ้นมา
"คุณอรัณ จะออกไปไหนไหมคะ หรือจะให้ปิ่นตั้งโต๊ะได้เลย" เจ้านายที่ออกมาจากห้องสภาพที่แต่งตัวด้วยชุดแสนจะธรรมดา ปิ่นก็ยังพอจะเดาออกว่าอรัณคงไม่ออกจากไปไหน
"ยังก่อนครับพี่ปิ่น ผมยังไม่หิว" อรัณเอ่ยกับแม่บ้านวัยกลางคน ที่กวาดสายตาไปยังรอบๆ บ้าน
"มิริณละครับ เธอตื่นหรือยัง" เมื่อตื่นขึ้นมาอรัณก็ถามถึงคนที่เขารังแกมาตลอดทั้งคืนทั้งที เรื่องเขากับมิริณกับปิ่นก็ไม่มีอะไรจะปิดบังเพราะวันก่อนปิ่นก็เห็นว่าเขานั้นออกมาจากห้องของเธอ
"น้องมิริณเธอตื่นตั้งแต่เช้าแล้วละคะ"
"งั้นรบกวนพี่ปิ่นช่วยเรียกเธอมาพบผมทีนะครับ" อรัณเอ่ยกับสาวใช้ไปอย่างต้องการ ไม่นานคนที่ถูกเรียกตัวก็เดินตามหลังปิ่นมาพบอรัณภายในห้องรับแขกทันที
อรัณเสมองใบหน้าของสาวใช้เป็นเชิงว่าเขาต้องการอยู่กับมิริณเพียงแค่สองคน พอคอยหลังปิ่นได้ไม่ทันไร ร่างสูงสบตาเขากับคนตัวเล็กที่มองเขามา เมื่ออยู่กับอรัณในห้องเพียงสองคน มิริณจึงเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
"พี่มีอะไรกับฉันหรือเปล่า" มิริณเอ่ยกับคนนั่งนิ่ง และเสมองใบหน้าของเธอ
"ฉันหิว ทำอะไรให้ทานหน่อยสิ" ทีเขาเรียกเธอมาไม่มีอะไร เขาเพียงแค่ติดใจฝีมือของเธอในวันนั้น แต่ตอนนี้เขาต้องการให้มิริณนั้นเป็นแม่ครัวทำอาหารให้กับเขาทาน
"พี่ปิ่น และป้าเพ็ญก็ทำไว้หลายอย่างแล้วนิคะ ทำไมพี่ไม่ทานละ"
"ฉันอยากทานฝีมือเธอ หรือเธอมีปัญหาอะไรกับฉัน" อรัณไปพูดเปล่า ร่่างสูงจับที่แขนเรียวเล็กของมิริณจากนั้นก็พาคนตัวเล็กนั้นเดินมายังห้องครัวทันที ไม่ว่าจะปฎิเสธยังไงอรัณก็ไม่คิดจะฟังเธอ
คนหน้าบึ้งหยิบกุ้งและเนื้อหมูสดในตู้เย็นออกมาเตรีนมเพื่อจะทำข้าวผัดรวมมิตรให้กับเขา โดยมีอรัณที่นั่งให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง ร่่างบางที่เดินไปล้างผักแต่กับสะดุดเข้ากับโต๊ะที่เธอและเขานั้นมีอะไรกันผ่านมาสดๆ ร้อนๆ
มิริณเห็นเช่นนั้นคนตัวเล็กถึงกับคอแข็ง ใบหน้าหวานถึงกับแดงซ่านมาด้วยความอาย และพยายามสลัดภาพนั้นออกจากหัวเธอ แต่อรัณที่เห็นสายตาของมิริณเอาแต่จ้องมองโต๊ะ ร่่างสูงที่นั่งอยู่นถึงกับลุกและเดินเข้ามาหาเธอ
"อืม..."อรัณส่งเสียงขึ้นมา ให้ร่างบางนั้นได้สติ
"คิดถึงบรรยากาศเมื่อคืนหรือไง ฉันเห็นเธอมองโต๊ะตัวนี้ไม่หยุดเชียว" อรัณเอ่ยพร้อมกับซ้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหวาน คนถามถึงกับชะงัก ทำหน้าไม่ถูก
"เปล่าคะ" เมื่อโดนคนตัวโตนั้นจับได้ ว่าเธอนั้นคิดถึงเรื่องเมื่อคืนจริง มิริณกับเฉไฉไปเรื่องอื่นและหันมาสนใจผักที่เธอกำลังหันต่อ โดนไม่ได้สนใจอรัณที่อยู่ข้างหลังเธอ ร่างสูงถึงกับหลุดยิ้มออกมา ที่มิริณนั้นยังปากแข็งปฎิเสธไม่ยอมรับ
"ให้ตายเถอะทำไมเขาถึงได้เอาเรื่องน่าอายพูดเล่นกับฉันนัก เขาจะพูดมันขึ้นมาอีกทำไม บ้าที่สุด"มิริณต่อว่าอรัณภายในใจ ร่างบางเลือกจะหันผักตรงหน้าโดนที่ไม่สนใจอรัณสายตาคมที่เอาแต่จ้องมองคนตัวเล็กอย่างพอใจและหลุดยิ้มออกมาที่มุมปาก เมื่อเห็นเช่นนั้นแขนแกร่งของอรัณสวมกอดร่างบางจากด้านหลังมาทันที
!! อุ้ย...!! มิริณที่โดนสวมกอดถึงกับชะงักด้วยตกใจ พร้อมกับหันมองคนที่เข้ามาสวมกอดเธอ ร่างสูงผุดรอยยิ้มขึ้นมาที่ปากหยักหนา
"ปล่อยเถอะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี" มิริณไม่พูดเปล่ามือเรียวบ้างแกะแขนแกร่นของคนตัวโตออกจากตัว แต่นั้นกับยิ่งทำให้อรัณนั้นแกล้งเธอหนักมากขึ้น
"ฉันอยากกอดเมียฉัน กอดไม่ได้เชียวหรือไงกัน" อรัณไม่พูดพร้อมร่างสูงยังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น และสูดกลิ่นน้ำหอมจางๆ เข้ามาจนเต็มปอด มิริณที่โดนอรัณกดจมูกเข้าที่ต้นคอถึงกับขนลุกถึงกับต้องย่นคอหลบปากหนาของคนตัวโต
"ถ้าพี่กอดฉันอยู่แบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้ทานข้าวละคะ ปล่อยฉันเถอะคะ" มิริณเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มพร้อมกับขัดขืนร่างสูงขึ้นมาเล็กน้อย
"ฉันยอมปล่อยเธอก็ได้ แต่อย่าให้ฉันรอนานนะมิริณ ฉันหิว" อรัณหยุดเสียงได้แค่นั้น และขบเข้าที่ใบหูของคนตัวเล็กมาเบาๆ มิริณถึงกับขนลุกสู้ขึ้นมา
"ฉันจับเธอกินได้ทั้งตัว" อรัณเอ่ยพร้อมกับกดจมูกโด่งเข้าทีี่พวงแก้มใสของคนตัวเล็กไปหนึ่งที
!! ฟอด!!
โดยทั้งสองไม่รู้ถึงสายตาเฉียดคมของใครอีกคนที่จ้องมองมาที่พวกเขา ราวกับอยากจะร้องกรี๊ดดังไปทั่วทั้งคฤหาสน์ แพทกำมือแน่นด้วยความโกรธจัดที่เธอเข้ามาเห็นอรัณกอดกับมิริณต่อหน้าของเธอ แพทที่กำลังจะกรี๊ดร้องขึ้น
"คะ คุณผู้ชายและคุณเกศทิพย์ก็พึ่งมาถึงเมื่อสักครู่นิเองคะ ปิ่นกำลังจะยกน้ำไปให้" อรัณถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาอีกรอบ ที่บิดาและแม่เลี้ยงของเขามาที่นี่ด้วยงั้นเหรอ
"คุณพ่อและน้าเกศมาที่นี่ทำไมครับ พี่ปิ่นพอจะทราบไหม"
"ไม่ทราบหรอกคะ แต่พักหลังๆ ช่วงกลางวันคุณเกศทิพย์ก็มาที่นี่บ่อยนะคะ เอาพวกของบำรุงมาให้คุณมิวาคะ" ปิ่นเอ่ยตามที่เห็น หึ! แม่เลี้ยงของเขานี้นะเอาของบำรุงมาให้มิวา นี้น้าเกศเปลี่ยนข้างไปเป็นข้างอคิณตั้งแต่เมื่อไหร่กันทั้งที่บิดาของเขานั้นทั้งรักและเอ็นดูนีน่า อย่าบอกนะบิดาเขาก็เป็นไปด้วย
ด้านมิริณที่ได้ยินว่าอรัณนั้นมีแขกคนสำคัญ ร่างบางที่ทำอาหารให้อรัณเสร็จแล้วหวังจะกลับห้องของเธอ แต่อรัณที่เห็นเช่นนั้นถึงกับเรียกเอาไว้
"ฉันยังทานไม่เสร็จเธอก็ห้ามลุกไปไหน" เสียงเข้มเอ่ยกับคนตัวเล็กมา
"ฉันเห็นว่าพี่มีแขกคนสำคัญ รีบทานให้เสร็จสิคะ คุณแพทกำลังรอพี่อยู่" มิริณเอ่ยเช่นนั้นเพราะเธอจะได้เก็บโต๊ะและกลับห้อง แค่นั้นกับทำให้อรัณนั้นรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
"จะไล่ผัวเธอไปไหนกัน ใครอยากรอก็อยู่รอไปสิ" อรัณเอ่ยมาเช่นนั้น มิริณถึงกับมองค้อนมาให้อรัณมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ ที่อรัณหลุดคำว่าผัวเธอ ออกมาเต็มปาก ทั้งที่ในห้องนี้ไม่ได้มีแค่เธอและเขา ยังมีพี่ปิ่นนั้นอยู่ด้วยอีกคน
"คุณแพทอุสาห์มาหาพี่ควรรีบไปพบเธอนะคะ พี่ไม่กลัวแฟนพี่เสียใจหรือไง" มิริณยังเอ่ยกับอรัณขณะที่ร่างสูงยังคงนั่งทานข้าวอยู่บนโต๊ะ
"ขี้น้อยใจ และก็ชอบพูดประชด ชอบไล่ฉันไปหาคนอื่น" อรัณเอ่ยกับมิริณมาด้วยน้ำเสียงเรียบ
"แต่คุณแพทเธอเป็นแฟนพี่นะ"
"จะสำคัญเท่าเธอที่เป็นเมียฉันได้ยังไง หึ...มิริณ ไหนเธอช่วยตอบฉันให้ชื่นใจหน่อยสิ" อรัณยังเอ่ยมาด้วยสีหน้าปกติ ไม่ได้รู้อะไรกับแฟนสาวที่มานั่งรอเลยซักนิด ด้านมิริณใบหน้าหวานเอาแต่นั่งนิ่งและสบตาคนหลากหลายอารมณ์ที่วันนี้เธอรู้สึกว่าเขานั้นดูแปลกและมีท่าทีเปลี่ยนไป
"โอเค ถ้าเธออยากให้ฉันไปเจอแพท ฉันยอมไปก็ได้ แต่เธอต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับฉันนะ มิริณ" ร่างสูงผุดรอยยิ้มร้ายกาจขึ้นมาจากนั้นก็ยอมออกไปเจอกับแฟนสาวที่ห้องรับแขก มิริณและปิ่นถึงกับขมวดคิ้วให้กับคนตัวโต ปกติเขาดูใส่ใจแฟนสาวมาก
"ที่เป็นเช่นนี้เพราะฉันหรือเปล่า" มิริณได้แต่ครุ่นคิดในใจ จากนั้นก็ช่วยปิ่นนั้นเก็บโต๊ะ ก่อนที่จะออกไปจากห้องครัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลาดรักร้ายนายวิศวะ