จิ้งอ๋องขมวดคิ้วแล้วหันไปมองหมอเมิ่ง เขาสนิทสนมกับเหล่าพี่ชายน้องชายของบ้านท่านลุง แต่สำหรับพี่สาวน้องสาวเหล่านั้น เขาแทบไม่เคยติดต่อพูดคุยด้วยเลย จึงแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
หมอเมิ่งเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ดึกดื่นเช่นนี้ ยังมีคุณหนูบ้านไหนไม่รู้จักกาลเทศะถึงกล้ามารบกวนท่านอ๋องอีก?
เขาลุกขึ้นไปเปิดประตู และเมื่อเห็นหน้าผู้มาเยือนก็จำได้ทันที “คุณหนูสาม ดึกป่านนี้แล้ว ท่านมาที่นี่มีเรื่องอันใดหรือ?”
คุณหนูสาม ฉินหลิง เป็นบุตรสาวสายตรงของบ้านรองตระกูลฉิน ขณะนี้นางกำลังถือตะกร้าอาหารไว้ในมือ ยืนอยู่หน้าประตู “ท่านอาเมิ่ง ดึกมากแล้ว ข้าเห็นว่าห้องของท่านอ๋องยังจุดตะเกียงอยู่ จึงเอาของว่างมาให้”
หมอเมิ่งมีสีหน้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน จะไปเคาะประตูห้องบุรุษกลางดึกได้อย่างไรกัน?
หยิ่นฉู่เคอไม่คิดมากเรื่องมารยาทเช่นหมอเมิ่ง เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจว่า “ท่านอาเมิ่ง รับขนมมาเถอะ ข้ากำลังหิวพอดี วันนี้ยังไม่ได้กินอะไรดีๆ สักมื้อเลย”
ฉินหลิงชะงักไปเล็กน้อย มือที่ถือตะกร้าอาหารไว้แข็งค้าง นางรู้สึกขัดใจนัก ขนมที่นางตั้งใจทำมาให้ท่านอ๋อง กลับกลายเป็นที่หมายตาของคนติดตามไปได้อย่างไร
แต่หมอเมิ่งไม่คิดจะสนใจความน้อยใจของหญิงสาว เขาเพียงรับตะกร้าอาหารมาแล้วกล่าวสั้นๆ “ขอบคุณ คุณหนูสาม ดึกมากแล้ว ท่านรีบกลับไปพักเถอะ”
พูดจบเขาหมุนตัวกลับเข้าห้อง ปัง! ปิดประตูลงทันที หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานจะมาเยี่ยมท่านอ๋องตอนดึกดื่นได้อย่างไรกัน ต่อให้เป็นญาติสนิทกับท่านอ๋องก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี
ฉินหลิงอุตส่าห์อดนอนเพื่อมาหาท่านอ๋อง แต่กลับไม่ได้พบหน้าแม้แต่น้อย
ฉินหลิงมุ้ยปากเดินกลับเรือนของตน ซูฉงผู้เป็นมารดานั่งรออยู่พักใหญ่แล้ว “หลิงเอ๋อร์ ดึกดื่นป่านนี้ ทำไมไม่อยู่ในห้องของเจ้า วิ่งออกไปไหนมาอีก?”
“ท่านแม่? ท่านมาที่นี่ทำไมหรือ? ข้า...ข้าไม่ได้ไปไหน แค่เดินเล่นในสวนเท่านั้น”
ซูฉงมองไปที่นาง ไม่มีใครรู้ใจลูกได้ดีเท่ามารดา “เจ้าไปหาท่านอ๋องของเจ้าใช่หรือไม่? แล้วได้พบเขาหรือเปล่า?”
หัวใจของฉินหลิงเต้นรัว ก่อนจะถอนหายใจแรงๆ อย่างคนหมดกำลังใจ “ไม่พบเจ้าค่ะ...”
ซูฉงถอนหายใจ “หลิงเอ๋อร์ แม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่เจ้าก็รู้ว่าท่านลุงของเจ้าตั้งใจจะให้ ซื่อเม่ย...”
“ท่านลุงอาจตั้งใจ แต่ก็ต้องดูว่าท่านอ๋องต้องการหรือไม่ด้วย!” ฉินหลิงไม่พอใจจนเผลอพูดขัดมารดา
ก็ล้วนเป็นบุตรีของตระกูลฉินเหมือนกัน เหตุใดถึงมีแต่ซื่อเม่ยที่จะได้แต่งงานกับท่านอ๋อง แล้วนางเล่า?
ซื่อเม่ยเติบโตมากับท่านลุง วันๆ เอาแต่ฝึกเพลงดาบฟันหอก ทั้งดนตรี หมากรุก อักษร และจิตรกรรม นางล้วนไม่เชี่ยวชาญแม้แต่สิ่งเดียว ไหนเลยจะอ่อนโยน สง่างาม เพียบพร้อมเหมือนกับตน?
ซูฉงเข้าใจความคิดของลูกสาว หนุ่มรูปงามคนไหนที่สาวๆ จะไม่ชอบ ยิ่งเป็นวีรบุรุษผู้เป็นโอรสแห่งราชวงศ์ด้วยแล้ว? แต่ว่า “หลิงเอ๋อร์ ไม่ว่าเจ้าหรือเหมี่ยวเอ๋อร์ หากตามพี่ชายเจ้าเข้าไปในจวนอ๋อง ก็จะไม่ได้เป็นภรรยาเอก ชีวิตของผู้หญิงนั้นลำบากอยู่แล้ว การเป็นอนุ ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัวธรรมดาหรือในราชวงศ์ ก็ต้องเป็นรองคนอื่นอยู่เสมอ เจ้าคิดให้ดีๆ เถอะ!”
มองตามแผ่นหลังของมารดาที่เดินจากไป ฉินหลิงยืนงงอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็ขยี้ผ้าเช็ดหน้าด้วยความโมโห ‘ทำไม? ทำไมลูกสาวตระกูลฉินถึงเป็นภรรยาเอกของท่านอ๋องไม่ได้?’
นางไม่เชื่อเรื่องไร้สาระนี้ ตระกูลฉินทำคุณงามความดี มีฐานะไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลขุนนางอื่นเลย ขอเพียงนางประพฤติตนให้ดีจนได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง จากนั้นก็ทูลขอฮ่องเต้และท่านป้าให้สู่ขอนางเป็นภรรยาเอก ย่อมต้องเป็นไปได้แน่
ฉินหลิงฮึกเหิมขึ้นมาทันที มั่นใจเต็มเปี่ยม ยิ่งไปกว่านั้น หากมองไปทั่วทั้งเมืองหลวง หญิงสาวที่อายุเหมาะสมกับจิ้งอ๋องก็มีเพียงไม่กี่คน นางมีความสัมพันธ์เป็นญาติกัน ย่อมได้เปรียบกว่าคนอื่นอยู่แล้ว
แต่ใครจะรู้ว่า ไม่ว่าคำนวณไปมากี่ครั้ง ก็ยังมี “ปลาตัวใหญ่” ที่ถูกมองข้ามไป
ตวนมู่สวี่ชิงนำยาออกมาจากระบบ แล้วให้ตัวเองผ่านทางสายน้ำเกลือ นางต้องฟื้นตัวให้เร็วที่สุด!
พอฟ้าสางก็ต้องหาทางไปพบจิ้งอ๋อง ลองหยั่งเชิงดูว่าเรื่องของตระกูลตวนมู่ เขายินดีที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยหรือไม่
ผ่านไปอีกสองวันแล้ว ไม่รู้ว่าพ่อแม่พี่น้องในคุกเป็นอย่างไรบ้าง ต้องไปสืบหาข้อมูลแล้ววางแผนต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตา ล่าหัวใจแม่ทัพ
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสได้มั้ยคะ...