ฉินเหลียงอันฟาดมือลงบนโต๊ะอย่างแรง “เจ้าแซ่เซวีย นี่มันช่างโอหังนัก! ไม่เห็นหัวใครเลย แถมยังหยิ่งยโสโอหังยิ่งนัก”
ตระกูลฉินปกป้องประชาชนแคว้นต้าเฉียนมาหลายชั่วอายุคน แต่ตอนนี้ พี่ใหญ่ถูกวางยา หมอพิษเซวียก็สามารถช่วยได้แท้ๆ แต่กลับไม่ยอมช่วย
หากเขาต้องการทองหรือเงิน ก็ตกลงกันได้ทั้งนั้น แต่กลับยื่นเงื่อนไขต่ำช้าเช่นนี้มาแลกเปลี่ยน
“เขาย่อมมีเหตุผลที่ทำให้สามารถหยิ่งผยองได้เช่นนี้!” ฮูหยินโหวถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงของสามี
“พวกเจ้าไปพักกันเถอะ ข้าจะดูแลท่านโหวอยู่ที่นี่เอง”
บุรุษตระกูลฉินไม่มีผู้ใดได้จบชีวิตอย่างสงบ เช่นนี้เป็นเพราะลิขิตสวรรค์จริงหรือ? หรือท่านโหวต้องมีชะตาเช่นนี้อยู่แล้ว?
เมื่อมาถึงเรือนรับรองข้างๆ หยิ่นฉู่เคอก็ยังคงเดือดดาลไม่หาย ตอนที่พบหมอพิษเซวียครั้งแรก เขาดีใจเพียงใด ตอนนี้ก็โกรธเป็นเท่าตัว!
“เจ้าหมอพิษเซวียนี่จิตใจชั่วร้ายเสียจริง! ถ้าตามเหตุผลของเขา เช่นนั้นเราจะไปเชิญหมอให้เสียเวลาไปทำไม? ให้ฝ่าบาทมีพระบัญชาเรียกหลานผินมาโดยตรงไม่ดีกว่าหรือ...”
“คุณชายหยิ่น ระวังคำพูดด้วย!” หมอเมิ่งรู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไร จึงรีบขัดขึ้นมาทันที
หยิ่นฉู่เคอไม่ใช่คนที่แยกแยะสิ่งใดไม่ออก เพียงแต่โกรธมากเกินไป อีกทั้งในห้องนี้มีเพียงเขา จิ้งอ๋อง และหมอเมิ่ง ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย จึงเผลอพูดออกไปโดยไม่ทันระวังคำพูดนัก
แต่เขาก็รู้ดีว่าคำพูดเช่นนี้ไม่ควรพูดพร่ำเพรื่อ จึงสูดหายใจลึก พยายามสงบสติอารมณ์ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องถามว่า “อวี้เหิง บาดแผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ทำแผลไปเมื่อสองวันก่อน”
“สองวันก่อน?” หยิ่นฉู่เคอขมวดคิ้ว ก่อนหันไปมองจิ้งอ๋อง พูดด้วยความไม่พอใจ “เจ้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส กลับมาหลายวันแล้ว แต่เพิ่งทำแผลเพียงครั้งเดียว? ถอดเสื้อออกมาให้ข้าดูเดี๋ยวนี้!”
หมอเมิ่งรับใช้ท่านฮู่กั๋วโหวมานานกว่ายี่สิบปี ในสนามรบเขาเป็นหมอทหาร ส่วนเมื่อกลับจวนก็ทำหน้าที่เป็นหมอประจำตระกูล
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขามัวแต่ดูแลบาดแผลของท่านโหว จนไม่มีเวลาสนใจจิ้งอ๋อง ไม่คาดคิดเลยว่าจิ้งอ๋องจะละเลยสุขภาพของตัวเองถึงเพียงนี้
นอกจากนั้น ยังมีอีกเรื่องที่เขากังวลก็คือท่านโหวอาการสาหัส คุณชายใหญ่ก็เกิดอาการกำเริบ เช่นนั้นจิ้งอ๋องจะได้รับพิษไปด้วยหรือไม่?
เมื่อค่อยๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น หมอเมิ่งก็ต้องชะงักไปทันที บาดแผลของท่านอ๋อง ใครเป็นคนพันแผลให้กัน? ทำไมมันถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้? เขาไม่กล้าละเลยอีกต่อไป จึงรีบก้มหน้าตรวจดูบาดแผลอย่างละเอียด
หลงจิ้งซิวไม่ได้สนใจบาดแผลที่หลังของตนแม้แต่น้อย เขาเพียงขมวดคิ้วแน่น พลางจมอยู่ในความคิด
อาการของท่านลุงไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป แต่เงื่อนไขที่หมอพิษเซวียเสนอมา มันไร้ซึ่งคุณธรรมอย่างยิ่ง
ต่อให้ไม่นับสถานะของหลานผิน แม้จะเป็นเพียงสตรีธรรมดา เขาจะสามารถใช้เกียรติของสตรีคนหนึ่งไปแลกกับชีวิตของท่านลุงได้หรือ?
แต่แล้วในขณะที่ครุ่นคิด เขาก็หรี่ตาลงก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “ตกลงตามเงื่อนไขของหมอพิษเซวียน พรุ่งนี้ให้เขามารักษาท่านโหวก่อน”
“อวี้เหิง เจ้า หมายความว่า...” หยิ่นฉู่เคอดวงตาทอประกายขึ้นทันที ใช่แล้ว ตกลงเงื่อนไขของหมอพิษเซวียไปก่อน ให้เขาช่วยชีวิตท่านโหวแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
ส่วนเรื่องว่าจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเขาอย่างไร อย่างไรก็ยังมีเวลาอีกหนึ่งปี ค่อยหาทางจัดการทีหลังก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้น หมอพิษเซวียไม่เคยเห็นหลานผินมาก่อน หากหาสตรีที่มีรูปร่าง อายุ และลักษณะคล้ายกันมาแทน บอกว่านางคือหลานผิน เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจริงหรือเท็จ?
หยิ่นฉู่เคอเข้าใจความคิดของจิ้งอ๋องทันที ในขณะที่หมอเมิ่ง ซึ่งรู้จักนิสัยของหลงจิ้งซิวดี ก็ไม่แปลกใจเลย
แต่เขากลับคัดค้านทันที “ท่านอ๋อง ทำเช่นนั้นไม่ได้! ในอนาคต ท่านอาจได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่กล่าวคำใดก็เป็นเช่นนั้น หากปล่อยให้เรื่องนี้เป็นมลทินติดตัว หรือเป็นช่องโหว่ให้ผู้อื่นใช้เล่นงานได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดี...”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้ ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ได้ แล้วท่านโหวจะทำอย่างไร?” หยิ่นฉู่เคออดไม่ได้ที่จะขัดขึ้น
เขารู้ว่าหมอเมิ่งมีเจตนาดี แต่ตอนนี้ท่านโหวกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติถึงชีวิต จะมัวลังเล ชั่งน้ำหนักไปมามากเกินไปไม่ได้แล้ว
ท่านโหวอุทิศทั้งชีวิตเพื่อแผ่นดินและประชาชน เขาไม่สมควรต้องพบจุดจบเช่นนี้!
จิ้งอ๋องขมวดคิ้วในใจนึกถึงเด็กรับใช้ตระกูลตวนมู่ ที่ดูผอมแห้งคนนั้น?
หยิ่นฉู่เคอเองก็เหมือนมีประกายแห่งความหวังลุกโชนขึ้นมา “อวี้เหิง รีบไปเชิญท่านอาวุโสผู้นั้นมาเถอะ!”
หมอพิษเซวียกว่าจะมีชื่อเสียงเช่นทุกวันนี้ ก็อายุสี่สิบหรือห้าสิบปีเข้าไปแล้ว หากคนผู้นั้นสามารถรักษาบาดแผลให้จิ้งอ๋องได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ เช่นนั้นฝีมือทางแพทย์ต้องสูงกว่ามากแน่ๆ หยิ่นฉู่เคอจึงคิดไปเองว่า ผู้นั้นคือผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมสูงส่งและเป็นที่เคารพนับถือ
ในขณะที่หยิ่นฉู่เคอและหมอเมิ่งจ้องมองมาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความหวัง จิ้งอ๋องจึงหันไปสั่งการทางหน้าประตู “เจ๋อหยาง ไปที่จวน พาตัวเด็กรับใช้ที่ตระกูลตวนมู่ส่งมาให้ข้า พาตัวเขามาที่นี่”
เจ๋อหยางนึกว่าเจ้านายเรียกเด็กรับใช้คนนั้นมาเพื่อทำแผล จึงค้อมตัวรับคำ “ขอรับ!” แล้วรีบกลับไปยังจวนเพื่อตามตัว
หยิ่นฉู่เคอเบิกตากว้างทันที “เด็กที่หัวหน้าสำนักหมอหลวงฝ่ายขวาตวนมู่มอบให้เจ้า? ลูกชายคนที่สามของเขาน่ะหรือ?”
วันนั้นตอนที่พากลับจวนมา เขาแทบจะหมดลมหายใจแล้ว แม้แต่จะรอดหรือไม่ก็ยังไม่แน่
แต่ตอนนี้ อวี้เหิงกลับบอกเขาว่า ไม่เพียงแต่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังสามารถรักษาคนอื่นได้อีกอย่างนั้นหรือ?
หมอเมิ่งเองก็เต็มไปด้วยความสงสัย “ลูกชายของหัวหน้าสำนักหมอหลวงฝ่ายขวาตวนมู่หรือ? อายุยังน้อยอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”
แม้เขาจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงบ่อยนัก แต่ก็รู้จักหัวหน้าสำนักหมอหลวงฝ่ายขวาตวนมู่พอสมควร ชายวัยสี่สิบกว่าปี ฝีมือแพทย์ไม่น้อยหน้าใคร และเป็นคนที่วางตัวสงบเสงี่ยม
ทว่าแม้แต่เจ้ากรมสำนักหมอหลวงยังจนปัญญากับอาการของท่านโหว เช่นนั้นเด็กที่ยังอ่อนวัยเพียงนั้นจะทำอะไรได้? หรือว่าท่านอ๋องกำลังเร่งร้อนจนสติเลอะเลือนไปแล้ว?
จิ้งอ๋องไม่ใช่คนที่ชอบอธิบายอะไรมากมาย เขาเลือกที่จะรอให้เด็กรับใช้คนนั้นมาถึงก่อนค่อยว่ากัน
ขณะนั้นเอง เสียงหวานใสของหญิงสาวก็ดังขึ้นจากนอกประตู “ท่านอ๋อง ท่านเข้านอนหรือยังเจ้าคะ?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตา ล่าหัวใจแม่ทัพ
เรื่องอื่นซื้อตอนอ่สนได้ปกติ ทำไม error อยู่เรื่องเดียว ช่วยตรวจสอบด้วยค่ะ สงสารผู้แต่งนะ ลงคอนแต่ขายไม่ได้...
เบื่อระบบ มีเหรียญแต่กดซื้อตอนไม่ได้ ค้างคามากๆ error มานานแล้วค่ะ...
กดจ่ายเหรียญ แต่ขึ้น error ค่ะ...
ทำไมกดจ่ายเหรัยญ แล้ว error...
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสได้มั้ยคะ...