จิ้งอ๋องยังไม่ทันได้พูดว่า 'ไม่เป็นไร' เจ๋อหยางก็วิ่งออกไปแล้ว
ตวนมู่สวี่ชิงถูกปลุกขึ้นจากนิทราให้มาดูอาการคนไข้ โชคดีที่เคยชินกับการเข้าเวรดึกมาก่อน นิสัยหงุดหงิดเวลาตื่นนอนจึงถูกขัดเกลาไปจนหมดสิ้นแล้ว
พอได้เห็นจิ้งอ๋อง นางก็รู้สึกยินดีในใจ แต่ทันใดนั้นก็กลับเข้าสู่โหมดทำงานทันที
หลังจากจับชีพจรแล้วก็พูดว่า "ท่านอ๋องมีบาดแผลเก่าที่หน้าอก ยังไม่หายดี วันนี้ยังต้องใช้กำลังต่อสู้อีก ย่อมรู้สึกไม่สบายเอยู่บ้างป็นธรรมดา เดี๋ยวข้าจะจ่ายยาปรับสมดุลภายในสักสองสามขนาน พักฟื้นให้ดี ก็ไม่มีอันตรายร้ายแรง"
คนในจวนท่านอ๋องเชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของตวนมู่สวี่ชิงมาก เมื่อนางบอกว่าไม่เป็นไรมาก หมิงหยางและคนอื่นๆ ก็วางใจ
เจ๋อหยางถามว่า "ท่านอ๋อง เช่นนั้นวันนี้จะให้จัดเตรียมเรือนรองเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"
"ไม่ต้อง กลับเมือง!" จิ้งอ๋องลุกขึ้นพลางกล่าว
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง สตรีของท่านเพิ่งคลอดบุตรชายคนโตให้ ท่านไม่ไปดูสักหน่อยหรือ?
แต่ก็ทำได้เพียงคิดในใจเท่านั้น ในสังคมที่อำนาจกษัตริย์สูงสุด นางยังไม่บังอาจถึงขั้นล้อเล่นกับอ๋องแห่งแว่นแคว้น
เรื่องสำคัญต้องมาก่อน นางรีบตามไปทันที "ท่านอ๋องจะกลับเมือง พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?"
ตื่นแล้วก็คงหลับยาก มิสู้รีบกลับไปวางแผน คิดหาวิธีไปพบบิดาในคืนพรุ่งนี้ดีกว่า
จิ้งอ๋องกลับเมืองโดยไม่ได้ขี่ม้า ตวนมู่สวี่ชิงโชคดีได้โดยสารรถม้าหรูหราของท่านอ๋องสักครั้ง ไม่เพียงแต่นั่งสบายและมั่นคง การตกแต่งภายในยังวิจิตรบรรจงในทุกมุมอีกด้วย
จิ้งอ๋องหลับตาพักผ่อน แต่สวี่ชิงรู้ว่าเขาไม่ได้หลับ บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด นางจึงหาเรื่องมาพูดคุยบ้าง
"ท่านอ๋อง วิธีการรักษาของสวี่ชิงค่อนข้างพิเศษ ขอท่านช่วยกำชับฮูหยินผู้นั้นกับแม่เฒ่าสาวใช้ของนาง อย่าได้เล่าให้คนนอกฟัง"
เรื่องนี้ที่จริงควรพูดตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว แต่นางลืมไป
"ได้!" จิ้งอ๋องรับคำ
สวี่ชิงพูดต่อ "เด็กติดอยู่ในช่องคลอดนานเกินไป อาจมีผลต่อสติปัญญา ต้องทำการฟื้นฟูบำบัดอยู่บ้าง......"
เด็กคนนี้ คงเป็นบุตรชายคนโตของท่านอ๋องกระมัง? ในโรงพยาบาลสมัยใหม่มีการฟื้นฟูบำบัดสำหรับทารกที่สมองขาดออกซิเจนมากมาย นางคิดว่าควรเอ่ยเรื่องนี้กับท่านอ๋อง
ตวนมู่สวี่ชิงพูดเรื่องซับซ้อนเกินไป จิ้งอ๋องไม่สนใจ พลางลืมตาขึ้น "หัวหน้าสำนักหมอหลวงตวนมู่ไม่เพียงให้เจ้าเรียนวิชาแพทย์ ยังให้เรียนทำคลอดสตรีด้วยหรือ?"
จู่ๆ ก็ถูกขัดจังหวะกลางคัน ทำเอาสวี่ชิงถึงกับไปไม่ถูกเลยทีเดียว หรือว่าเธอจะเผลอรู้มากเกินไปแล้ว?
นางยิ้มอย่างถ่อมตัว "วิชาแพทย์ล้วนเชื่อมโยงกัน การช่วยคน รักษาโรค วิธีต่างกัน แต่หลักการคล้ายกัน"
วิชายุทธ์ ตำราพิชัยสงคราม ล้วนลึกซึ้งกว้างขวาง คงเหมือนวิชาแพทย์ คนที่มีสติปัญญาทึ่มทึบได้แต่เรียนอะไรก็รู้แค่นั้น คนที่มีพรสวรรค์และฉลาดหลักแหลม ก็สามารถเรียนรู้และต่อยอดได้
คิดเช่นนั้น จิ้งอ๋องจึงพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยถามว่า "อาการของท่านโหวกับรัฐทายาทไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วใช่หรือไม่?"
"อืม กินยาอีกสามวันห้าวัน ก็เปลี่ยนมาบำรุงด้วยอาหารได้"
การที่ท่านอากับพี่ใหญ่ปลอดภัยได้ เด็กหนุ่มตรงหน้ามีส่วนสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้ และแน่นอน ต้องขอบคุณหัวหน้าสำนักหมอหลวงตวนมู่ที่วันนั้นส่งเขามาให้ด้วย
"มีความปรารถนาอะไรหรือไม่?" จิ้งอ๋องถาม
ความปรารถนา? แน่นอนว่ามี "ข้าขอไปเยี่ยมพวกบิดาและพี่ชายในคุกได้หรือไม่?"
หากได้รับอนุญาตจากท่านอ๋อง เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องปลอมตัวแอบย่องเข้าไปแล้ว
"ให้หมิงหยางจัดการให้เจ้า!" จิ้งอ๋องพูดจบก็หลับตาลงพักผ่อน
"ขอบพระทัยท่านอ๋อง ท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ" ตวนมู่สวี่ชิงกล่าวด้วยใบหน้าปลาบปลื้ม ดวงตาเปล่งประกายด้วยความจริงใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตา ล่าหัวใจแม่ทัพ
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสได้มั้ยคะ...