เข้าสู่ระบบผ่าน

พลิกชะตา ล่าหัวใจแม่ทัพ นิยาย บท 54

ตวนมู่หงฮั่นกล่าว “พวกเราอยู่ที่นี่สบายดีทุกอย่าง เจ้าสาม เจ้าอย่าได้สร้างความลำบากให้คนของจวนจิ้งอ๋องบ่อยนักเลย”

“ไม่ได้สร้างความลำบากเสียหน่อย ท่านพ่อวางใจเถอะ” ตวนมู่สวี่ชิงกล่าวพลางยิ้ม แต่นางไม่ได้บอกเรื่องที่ตนเองมีป้ายประจำตัวของจวนจิ้งอ๋อง จะได้ไม่ต้องอธิบายยืดยาว

“ท่านพ่อ ท่านกับหมอหลวงฝูความสัมพันธ์เป็นอย่างไรหรือ?” นางถามต่อ

“หมอหลวงฝู? ฝีมือการแพทย์เขาไม่เลว เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทมาก” ตวนมู่หงฮั่นประเมินอย่างเรียบๆ

“พวกท่านเคยมีความขัดแย้งกันหรือไม่? หรือบาดหมางกันหรือไม่?”

ตวนมู่หงฮั่นครุ่นคิด เริ่มระลึกว่าคนทั้งสองเคยมีเรื่องโต้เถียงกันในสำนักหมอหลวงหรือไม่

สวี่เนี่ยนฉือกล่าว “พ่อเจ้าเป็นคนใจดี เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดีมาก เจ้าสามไฉนจู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา?”

ตวนมู่หงฮั่นก็เงยหน้ามองนาง แสดงท่าทีว่าถามเช่นกัน

“เถ้าแก่คนใหม่ของตวนมู่ถังตอนนี้ คือสกุลฝูขอรับ” ตวนมู่สวี่ชิงกล่าว

“สกุลฝู? หมอหลวงฝูเซิ่งเต๋อหรือ?” ตวนมู่ซ่านเฉิงถามละเอียด

สวี่ชิงพยักหน้าให้พี่ใหญ่ “อืม เขาสมคบคิดกับคนแซ่ซู ใช้เงินแปดพันตำลึงซื้อตวนมู่ถังไป สมุนไพรในร้านส่วนหนึ่งตกเป็นของสกุลฝู อีกส่วนหนึ่งเป็นของซูกงกง อีกทั้ง ตำแหน่งเดิมของท่านพ่อก็ถูกเขารับช่วงไปแล้วขอรับ”

ตวนมู่หรงเช่อทุบกำปั้นลงบนเสาไม้ “ไอ้ชั่ว วันนั้นขนยาจากหอเก็บสมุนไพรในจวนข้าไปจนเกลี้ยงแล้วฮุบเอาไว้ ยังจะเค้นถามข้ากับพี่ใหญ่อีก ว่าย้ายยาไปเก็บไว้ที่ไหน ช่างเป็นโจรป่าวร้องจับโจรเสียจริง”

“ดูท่าแล้ว คืนนั้นหมอหลวงฝูคงมาเพื่อล้วงความลับ ร่วมมือกับซูกงกง คนหนึ่งเล่นบทดี คนหนึ่งเล่นบทร้าย ไม่ประสงค์ดีจริงๆ ด้วย” ตวนมู่ซ่านเฉิงกล่าว

ที่แท้ รอยแผลแส้บนตัวพี่ใหญ่กับพี่รองวันนั้น ก็เป็นเพราะนางหรือ? ตวนมู่สวี่ชิงรู้สึกผิดอย่างมาก แต่นางไม่เสียใจ อนาคตคงทำได้เพียงชดเชยให้พี่ใหญ่กับพี่รองในด้านอื่นแล้ว

“เฮ้ยๆๆ เสียงเบาๆ หน่อย...” เสียงผู้คุมตะโกนดังมาจากอีกฝั่ง

ในคุกเงียบลง ผ่านไปครู่หนึ่ง ตวนมู่หงฮั่นกล่าวว่า “ช่างเถอะ ของนอกกาย ไม่มีก็คือไม่มี” อย่างน้อยตอนนี้คนทั้งครอบครัวยังอยู่ ก็ดีที่สุดแล้ว

ตวนมู่สวี่ชิงสูดหายใจลึก “ใช่ ไม่มีก็คือไม่มี ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีความหวัง ทุกอย่างก็ยังเป็นไปได้”

ท่านอ๋องเคยเอ่ยถึงวันนั้นว่า รอให้ฮ่องเต้ฉลองวันเกิดเสร็จ ก็จะไต่สวนคดีของสกุลตวนมู่ ดังนั้นคงไม่ต้องอยู่ในคุกนี้นานเกินไปแล้ว

สุดท้ายเป็นตวนมู่หงฮั่นที่กล่าวว่า “เอาล่ะๆ น้องสามของพวกเจ้าก็มีน้ำใจ อุตส่าห์เอามาแล้ว ก็กินเถอะ พวกเราทั้งครอบครัวไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว”

ถึงแม้จิ้งอ๋องจะรับปากว่าจะช่วยทวงความยุติธรรมให้สกุลตวนมู่ แต่ตวนมู่หงฮั่นก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่คนทั้งครอบครัวได้นั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน?

สวี่ชิงไม่รู้ความคิดในใจของบิดา ในใจนางเชื่อมั่นในตัวจิ้งอ๋องมาก ท่านอ๋องบอกว่าครอบครัวนางจะไม่เป็นอะไร ก็ย่อมต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน

เจ็ดคน ไก่ย่างสี่ตัว นางค่อยๆ แทะปีกไก่ไปปีกหนึ่ง ให้พี่ใหญ่กับพี่รองกินเยอะๆ เพียงครึ่งเดือน พวกเขาผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด

ทุกคนไม่คิดถึงความยากลำบากตรงหน้า วางความขุ่นเคืองในใจลง แม้จะอยู่คนละฝั่งลูกกรง มื้อนี้ทั้งครอบครัวก็กินกันอย่างมีความสุข พูดคุยเรื่องสนุกในอดีต ในคุกที่มืดมิดอับชื้น ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นครั้งคราว

แต่ช่วงเวลาแห่งการพบปะมักสั้นเสมอ ไม่นานนัก มองผ่านช่องหน้าต่างเล็กเท่าฝ่ามือของห้องขัง ก็เห็นว่าท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืดลงแล้ว

แม้จะอาลัยอาวรณ์เพียงใด สวี่เนี่ยนฉือก็ยังต้องเอ่ยปาก “ชิงเอ๋อร์ ตอนนี้ค่ำแล้ว เจ้ารีบกลับไปเถอะ...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตา ล่าหัวใจแม่ทัพ