เรื่องนี้ หยิ่นฉู่เคอก็รู้ดีเช่นกัน เห็นเขาไม่พูด จึงยิ้มรับคำ “ท่านโหวมีข้อเสนอแนะที่ดีอันใดหรือไม่?”
ท่านโหวฉินยิ้มกล่าว “ข้าย่อมหวังว่าจะได้เพิ่มความสัมพันธ์ทางเครือญาติให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”
อวี้เหิงเป็นเด็กที่เขาเฝ้ามองเติบโตมา หากสามารถส่งบุตรสาวแต่งเข้าจวนอ๋องได้ เขาก็ย่อมยินดี
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่เขาเห็นดีเห็นงามก็พอ อวี้เหิงดูเหมือนจะไม่ได้มีใจทางชู้สาวให้แก่เหมี่ยวเอ๋อร์ บุตรสาวตระกูลฉินต้องการเป็นพระชายาเอก ก็ต้องดูว่าฮ่องเต้จะทรงยินยอมหรือไม่
หากทั้งไม่ได้ตำแหน่งชายาเอก ทั้งไม่ได้รับความโปรดปรานจากสามี เช่นนั้นชีวิตในภายภาคหน้าของเหมี่ยวเอ๋อร์ จะกล่าวถึงคำว่าความสุขได้อย่างไร?
แต่เรื่องนี้มารดาและฮูหยินได้พร่ำพูดกับเขามานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เขาจำต้องถามความคิดของอวี้เหิงดู ตระกูลฉินมีหญิงสาวที่ถึงวัยอันควรอยู่สองคน ขอเพียงอวี้เหิงยินยอม ไม่ว่าคนใดได้เข้าจวนอ๋อง ก็ล้วนเป็นการเพิ่มความสัมพันธ์ทางเครือญาติทั้งสิ้น
หลงจิ้งซิวไม่ได้ใคร่ครวญมากถึงเพียงนั้น “พรุ่งนี้ทูลเรื่องตระกูลตวนมู่ลอบทำร้ายองค์ชายสิบห้าต่อเสด็จพ่อก่อน รอเรื่องนี้คลี่คลายแล้ว ค่อยหารือเรื่องอื่น”
“ใช่ๆๆ เรื่องแต่งงานของอวี้เหิงยังต้องให้ฝ่าบาทพยักหน้าเห็นชอบก่อน” หยิ่นฉู่เคอช่วยพูดเสริม
ฮู่กั๋วโหวพยักหน้า นั่นก็จริง
จิ้งอ๋องทานอาหารกลางวันเสร็จก็เตรียมออกจากจวนโหว ระหว่างทางพบฉินเหมี่ยว “ท่านอ๋องญาติผู้พี่ ท่านอ๋องญาติผู้พี่โปรดหยุดก่อน”
“เหมี่ยวเอ๋อร์? มีเรื่องอันใดรึ?”
ฮู่กั๋วโหวรักใคร่บุตรสาวผู้นี้มาก เคยพานางไปใช้ชีวิตอยู่ที่ชายแดนสองปี ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างฉินเหมี่ยวกับจิ้งอ๋องจึงคุ้นเคยกว่าญาติผู้น้องคนอื่นๆ อยู่บ้าง
ฉินเหมี่ยวกัดริมฝีปาก “ท่านอ๋องญาติผู้พี่ คุณชายชิงยังอยู่ที่จวนหรือไม่เจ้าคะ?”
“อยู่!”
ฉินเหมี่ยวยื่นส่งกล่องผ้าปักเล็กๆ ด้วยสองมือ “รบกวนท่านอ๋องญาติผู้พี่ช่วยส่งต่อสิ่งนี้ให้เขาด้วย บอกว่าเป็นคำขอบคุณที่เขาส่งยามาให้ข้า หมู่นี้ท่านแม่ไม่อนุญาตให้ข้าออกจากบ้าน รอโอกาสหน้า ข้าจะไปขอบคุณเขาด้วยตนเองอีกครั้ง”
จิ้งอ๋องรับกล่องผ้าปักมา หยิ่นฉู่เคอยิ้มกล่าวว่า “ฮูหยินโหวไม่ให้เจ้าออกจากบ้านนั้นถูกต้องแล้ว หญิงสาวตากแดดตากลมทั้งวัน คนคล้ำไปหมด ตอนนี้สิ ดูเหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงหน่อย”
ฉินเหมี่ยวมีสีหน้ายินดีปรีดา “พี่หยิ่นก็รู้สึกว่าข้าขาวขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
ด้านหนึ่งก็ดูแคลนตวนมู่สวี่ชิง รู้สึกว่าเขาเป็นเพียงบ่าวในจวนอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็อยากได้ครีมไข่มุกของเขา อีกอย่าง ครีมไข่มุกที่สวี่ชิงให้นางนั้น ทำมาจากไข่มุกถึงสามหู่ พี่สามไม่คิดจะออกเงินแม้แต่ตำลึงเดียว กลับอยากได้ยาวิเศษของผู้อื่น จะมีเรื่องดีๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?
ฉินเหมี่ยวจากไปแล้ว ฉินหลิงก็โกรธมาก สาวใช้ข้างกายนางกล่าวว่า “คุณหนู คุณหนูสี่ไม่ช่วยพวกเรา พวกเราไปขอร้องท่านอ๋องที่จวนอ๋องก็ได้ ท่านอ๋องเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่าน ตวนมู่สวี่ชิงเป็นบ่าวไพร่ในจวนอ๋อง ขอเพียงท่านอ๋องสั่ง เขาย่อมไม่กล้าขัดขืนแน่นอนเจ้าค่ะ”
ฉินหลิงเห็นด้วย “อืม ข้าจะไปบอกท่านแม่เดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้ข้าจะไปหาท่านอ๋องลูกพี่ลูกน้องด้วยตนเอง”
ขณะนั้นตวนมู่สวี่ชิงกำลังฝึกจำลองการผ่าตัดผ่านกล้องตรวจโพรงมดลูกอยู่ในห้องปฏิบัติการ เสี่ยวซงจื่อเคาะประตูอยู่ข้างนอก นางไม่ต้องการขัดจังหวะกลางคัน จึงแสร้งทำเป็นไม่อยู่
เสี่ยวซงจื่อจึงผลักประตูเข้ามา ก็มองไม่เห็นคน จึงตามหาเด็กรับใช้ที่กำลังกวาดลานเรือนอยู่เพื่อสอบถาม
เด็กรับใช้ก็ไม่รู้ว่าคุณชายชิงไปที่ไหน เสี่ยวซงจื่อจึงทำได้เพียงกลับไปที่เรือนหลักก่อน ทิ้งคำพูดไว้ ให้ตวนมู่สวี่ชิงไปหาเขาที่เรือนหลักในภายหลัง
ตวนมู่สวี่ชิงออกมาจากห้องปฏิบัติการก็เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงให้หลังแล้ว นางบิดคอที่ปวดเมื่อยไปพลาง ก็ผลักประตูออกไป
เด็กรับใช้ชื่อลิ่วจื่อที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในลานเรือน เห็นนางก็มีสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง “คุณชายชิง? ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อใดหรือขอรับ?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตา ล่าหัวใจแม่ทัพ
เรื่องอื่นซื้อตอนอ่สนได้ปกติ ทำไม error อยู่เรื่องเดียว ช่วยตรวจสอบด้วยค่ะ สงสารผู้แต่งนะ ลงคอนแต่ขายไม่ได้...
เบื่อระบบ มีเหรียญแต่กดซื้อตอนไม่ได้ ค้างคามากๆ error มานานแล้วค่ะ...
กดจ่ายเหรียญ แต่ขึ้น error ค่ะ...
ทำไมกดจ่ายเหรัยญ แล้ว error...
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสได้มั้ยคะ...