ฮูหยินจั่วได้ยินดังนั้นสีหน้าก็บึ้งตึงทันที “ทำไมหรือ น้องสาวคิดว่าหนิงเอ๋อร์ของพวกเราไม่คู่ควรกับเทียนจิงอย่างงั้นหรือ?”
เฉียวเจียวเจียวก็พูดขึ้นมาทันที
[มาแล้ว ๆ ท่านแม่ สวนนางกลับให้หน้าหงายไปเลย! ดูสิว่านางจะหน้าด้านได้อีกนานไหม!]
ถ้าเป็นเมื่อก่อน พอฮูหยินจั่วทำสีหน้าเย็นชา ฮูหยินเฉียวจะต้องทำหน้ายิ้มปลอบใจอย่างแน่นอน
แต่ว่าในขณะนี้ในตอนนี้ ฮูหยินเฉียวกลับนั่งนิ่งเหมือนภูเขาอยู่ที่เตียงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
และนางก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า “พี่สะใภ้ท่านอย่าเพิ่งโมโหเลย จริง ๆ แล้วเป็นเพราะเจ้าใหญ่มีความคิดเป็นของตัวเองสูงเกินไป”
พอฮูหยินจั่วได้ยินก็หัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์ “นับแต่โบราณกาลมาการแต่งงานของลูกก็เป็นพ่อแม่และแม่สื่อเป็นคนตัดสินใจ ถึงแม้เทียนจิงเด็กคนนั้นจะมีความคิดยังไง แต่เรื่องการแต่งงานยังไงก็ไม่ใช่พวกเจ้าเป็นคนตัดสินหรอกหรือ?”
ฮูหยินเฉียวทำสีหน้าสงบนิ่ง “ข้าทำเรื่องบังคับใจลูกไม่ได้หรอก”
ฮูหยินจั่วหัวเราะออกมาด้วยความโกรธทันที “ความหมายของน้องก็คือหากหนิงเอ๋อร์ครองคู่กับเทียนจิง ถือเป็นการฝืนใจเทียนจิงอย่างงั้นหรือ?
ฮูหยินเฉียวจึงแอบพูดเหน็บแนมกลับเล็กน้อยว่า “นี่พี่สะใภ้เป็นคนพูดเองนะเจ้าค่ะ น้องไม่ได้หมายความเช่นนี้เลย”
ฮูหยินจั่วลุกขึ้นยืนทันทีและสีหน้าก็เขียวปั๊ด ก่อนจะพูดจาถากถางมาว่า
“ตอนนี้น้องสาวเปลี่ยนเป็นคนวางท่าใหญ่โตและเบ่งอำนาจเสียแล้ว ในเมืองหลวงต่างพูดกันว่าตระกูลเฉียวเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทอย่างมาก เกรงว่าคงจะต้องตาองค์หญิงองค์ไหนแล้วกระมัง”
ฮูหยินเฉียวได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็นิ่งเฉยทันที ดวงตาหงส์คู่งามจ้องฮูหยินจั่วไม่วางตา
“พี่สะใภ้ เรื่องซุบซิบเช่นนี้ก็อย่าพูดถึงอีกเลย ตระกูลเฉียวของพวกเราทำอะไรก็ทำตามหน้าที่ และจงรักภักดีต่อกษัตริย์และบ้านเมือง ไม่กล้าคิดอะไรที่ไม่ดี”
“ส่วนเรื่องการแต่งงานของหนิงเอ๋อร์ ถ้าหากพี่สะใภ้ใจร้อน ข้าจะให้ท่านพี่ช่วยคัดกรองหนุ่มดี ๆ เหล่านั้นให้ คุณหนูของจวนเหยี่ยนกั๋วกงทั้งคนย่อมไม่ให้น้อยเนื้อต่ำใจอยู่แล้ว”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินเฉียวแสดงบารมีของการเป็นนายหญิงของตระกูลต่อหน้าฮูหยินจั่ว รัศมีที่แค่ทำท่านิ่งๆ ก็ดูน่าเกรงขามแล้ว ทำเอาฮูหยินจั่วถึงกับต้องสยบลง
“เจ้า...เจ้า...”
ฮูหยินจั่วพูดไม่ออกอยู่นาน สุดท้ายก็พูดด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟว่า “งานแต่งงานของหนิงเอ๋อร์มีแม่คนนี้กังวลก็พอ ไม่กล้าไปรบกวนเจ้าฮูหยินเฉียวหรอก!”
ฮูหยินเฉียวได้ยินเช่นนี้ก็อุ้มเฉียวเจียวเจียวไปวางลงบนหมอนนุ่ม ๆ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “เรื่องนี้มีพี่สะใภ้คอยจัดการ ย่อมต้องสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว”
ฮูหยินจั่วมีสีหน้าโกรธจัดและกัดฟันแน่นเอ่ย “วันนี้คิดเสียว่าข้าไม่ได้มาก็แล้วกัน ธรณีของตระกูลเฉียวสูงส่งเกินไป จนข้ามิกล้าอาจเอื้อมมาเหยียบได้!”
นางเองก็ไม่เชื่อว่า จั่วเหอจิ้งจะกล้าเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาต่อหน้านางจริง ๆ
ฮูหยินเฉียวกลับทำเพียงตบเฉียวเจียวเจียวเบา ๆ และปากก็พูดอย่างครุ่นคิด “น้องไม่สะดวกไปส่ง พี่สะใภ้ไปดีมาดีนะเจ้าคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของฮูหยินจั่วก็บูดเบี้ยวขึ้นมาทันทีนางมองไปที่ฮูหยินเฉียวอย่างลึกซึ้ง และสะบัดแขนเสื้อไปด้วยความโกรธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาฝ่าลิขิตสวรรค์
รออัพเดทอยู่น๊า...