เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนั้น อลิสันก็บังคับตัวเองให้ยืดอกขึ้นและไม่ต้องกลัวสิ่งใด
เธอผ่านความทุกข์ยากและความยากลำบากมานานหลายสิบปี ไม่มีอะไรที่เธอจะต้องกลัว
เมื่อเธอขึ้นไปชั้นบนและมุ่งหน้าไปยังห้องของลุค อลิสันเห็นเตียงเสริมในห้องในทันที
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดกำลังนั่งอยู่ถัดจากเบียงก้าบนเตียง
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่เธอเหรอ? บี ฉันได้ยินมาว่าเขาอาเจียนเลือดออกมา” อลิสันดูประหม่าขณะที่เธอเดินไปวางกระเป๋าหนังสุดหรูไว้บนโต๊ะ
“คุณเรย์นเป็นโรคความดันโลหิตสูง ความเครียดและความวิตกกังวลทำให้อาการแย่ลง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับพักผ่อนให้เพียงพอและอย่าทำอะไรให้เขาโกรธ ถ้าเขาโกรธ ชีวิตของเขาอาจตกอยู่ในอันตราย” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดผู้ตื่นตระหนกอธิบาย
แม้ว่าจะดูเหมือนผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดกำลังคุยกับอลิสัน แต่คำพูดและเจตนาดูตั้งใจมุ่งไปที่เบียงก้าต่างหาก
พ่อเฒ่าเรย์นกำลังนอนหลับอยู่ เขาอายุมากแล้ว และร่างกายต้องการพักผ่อนมากขึ้น เรื่องการงีบหลับระหว่างก็ไม่ควรเป็นเรื่องที่มองข้าม
“เขาไม่ควรไปโรงพยาบาลเหรอคะ?” อลิสันถามอย่างไม่เข้าใจ
“สภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลไม่เป็นผลดีสำหรับคุณเรย์นหรอก แพทย์ประจำครอบครัวเรา เตรียมพร้อมอยู่แล้ว การรักษาตัวที่บ้านเป็นเรื่องที่ดีมากกว่านะ นอกจากนี้ ร่างกายก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ในตอนนี้” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดชี้แจง
เมื่ออลิสันเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอก็หันหน้ามามองที่เบียงก้า “บี มากับฉันหน่อยสิ”
เบียงก้าก็ลุกขึ้นและตามอลิสันออกไปจากห้อง
แม้ว่าเธอต้องการจะโต้ตอบผู้หญิงคนนี้ แต่เธอไม่สามารถต่อปากต่อคำในห้องนี้ได้ หมอบอกว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของคุณปู่ เขาห้ามโกรธโดยเด็ดขาด
หลังจากที่อลิสันเดินออกจากห้อง เธอหันกลับมามองหน้าเบียงก้าขณะที่เธอกัดฟัน “เธอกับปู่ของเธอตั้งใจจะทำบ้าอะไรกันแน่! ไอเป็นเลือดงั้นเหรอ? ประจวบเหมาะดีจริง ๆ เลยนะ เริ่มไอเป็นเลือดตอนที่มานอนอยู่บ้านฉันเนี้ยนะ”
"ไม่ทราบว่ามีวิธีอะไรที่จะมาช่วยรักษาอาการไอเป็นเลือดของคุณปู่ฉันได้อีกไหมละ? ฉันล่ะอยากฟังวิธีแก้พวกนั้นจากคุณใจจะขาดอยู่แล้ว!" เบียงก้าฉุน
“เป็นไปได้ยังไงที่มีผู้หญิงอย่างอลิสันปรากฏบนโลกใบนี้!"
อลิสันเริ่มโกรธและชี้หน้าเบียงก้า “เธอไม่ต้องการเครื่องประดับมูลค่าหลายล้านสินะ เธอไม่ต้องการเงิน แต่ฉันรู้นะว่าเธอกำลังพยายามอดเปรี้ยวไว้กินหวานในท้ายที่สุด! อายุแค่นี้กลับคิดการใหญ่ หน้าไม่อายอะไรขนาดนี้?! จะพาปู่เธอมาอยู่ที่นี่กับเรางั้นเหรอ? ทำไมยังไม่ยอมไปอีก?!"
หลังจากที่สาปแช่งเบียงก้า อลิสันก็มองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันอยากเห็นปู่ของเธอไอเป็นเลือดออกเยอะจนตายไปเลย พอเธอกลับมาเก็บศพปู่ เธอจะได้รู้ซึ้งว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปทั้งหมดมันผิดมหันต์!”
“ฉันหวังว่าคนอย่างคุณมันจะมีสามัญสำนึกเหลืออยู่บ้างนะ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แต่ แต่ช่วยคิดด้วยว่าคนที่ไอเป็นเลือดอยู่ในห้องคือพ่อบังเกิดเกล้าของชายที่ช่วยชีวิตคุณ ตอนที่คุณตกทุกข์ได้ยากนะ” เบียงก้าโศกเศร้าที่เธอมีแม่ผู้ให้กำเนิดเช่นนี้
ถ้าเป็นไปได้ เธอยอมปิดหูปิดตาไม่รู้เรื่องแม่ผู้ให้กำเนิดเธอเลยตลอดชีวิตเลยเสียดีกว่า
“บี คุณปู่ของหนูตื่นแล้ว!” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดยืนอยู่หน้าประตูและเรียกเบียงก้าที่โถงทางเดิน
อลิสันซึ่งยังคงเต็มไปด้วยความโกรธได้เปลี่ยนมาใส่หน้ากากแห่งความเห็นอกเห็นใจ เธอยกมือขึ้นและลูบไล้ผมสีดำของเบียงก้าและพูดกับชายชราว่า “ฉันคุยใกล้จะเสร็จแล้ว พ่อ ฉันแค่อยากปลอบบีเท่านั้น”
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดหวังว่าเธอจะเข้ากันได้ดีกับบี ซึ่งจะมาเป็นสะใภ้ของเธอตอนที่แต่งงานเข้ามา เมื่อชายชราเห็นว่าอลิสันปฏิบัติต่อเธอดีเพียงใด เขาก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
…
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดพูดกับพ่อเฒ่าเรย์นที่กำลังฟื้นคืนสติว่า “บีกำลังคุยกับแม่สามีในอนาคตอยู่นอกห้อง แม้อลิสันเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ แต่เธอจะไม่เป็นอย่างนั้นกับคนที่เธอชอบหรอกนะ แต่ก็นะ ฉันคิดว่าบีเข้ากันได้ดีกับลูกสะใภ้ของฉันนะ”
'อลิสัน'
พ่อเฒ่าเรย์นเอ่ยถามว่า "นามสกุลเดิมของอลิสันคืออะไรงั้นเหรอ?"
“แทนเนอร์”
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
พ่อเฒ่าเรย์นขมวดคิ้วและนึกถึงผู้หญิงที่เคยหลอกลวงลูกชายเขาในตอนนั้น เขาจำได้ชัดว่าเธอ มีนามสกุลเดียวกันกับเธอผู้นี้...
หลังจากที่ลูกชายตนหย่าร้างกับเธอ เขาก็เมาหัวราน้ำ ตอนที่ยังอาศัยอยู่ที่บ้าน เขาไม่เคยหยุดพูดว่าอลิสัน แทนเนอร์ทิ้งเขาและลูกไปอย่างไร และเธอหนีไปกับเศรษฐีได้อย่างไร
'ตระกูลครอว์ฟอร์ดร่ำรวยมาก!'
ยิ่งพ่อเฒ่าเรย์นคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น เหงื่อที่หน้าผากของเขาไม่ได้เป็นผลจากอาการไข้อีกต่อไป แต่มันกลับกลายเป็นเหงื่อที่เย็นยะเยือกแทน ริมฝีปากของเขาสั่นเทาขณะมองลุคที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงถัดไป
เมื่อเบียงก้ากลับมาในห้อง เธอเห็นว่าคุณปู่กำลังเหงื่อออก เธอจึงรีบบิดผ้าเช็ดตัวและเช็ดหน้าผากให้อย่างระมัดระวัง
…
ตอนเที่ยงนั้นพี่เลี้ยงเข็นรถเข็นออกมา
พ่อเฒ่าเรย์นนั่งอยู่บนรถเข็น และกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร
เมื่อพวกเขาอยู่ที่โต๊ะอาหาร อลิสันตระหนักได้ว่าพ่อเฒ่าเรย์นกำลังจ้องมองเธออยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งทำให้เธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น
ชายชราคนนี้รู้จักเธอรึเปล่า?
'เป็นไปไม่ได้!' เขาเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อวานนี้ เขาไม่รู้จักเธอแน่นอน นั่นหมายความว่าเควินไม่ได้เปิดภาพเธอให้ครอบครัวเห็นในตอนนั้น 'แล้วทำไมชายชราถึงจำฉันได้ทันทีหลังจากที่เบียงก้ามาที่บ้านกันละ?'
อลิสันจิกตามองเบียงก้า ขณะที่เธอช่วยพี่เลี้ยงเสิร์ฟพาสต้าให้ทุกคน และคาดเดาว่า 'เบียงก้าโกรธมากแน่ ๆ จนเธอทนไม่ได้และบอกเรื่องนี้ให้กับชายชราฟังทั้งหมดใช่รึเปล่า?'
อลิสันรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ
ก่อนที่พ่อเฒ่าเรย์นจะหยิบถ้วยชามขึ้นมา เขาพูดเป็นช่วง ๆ ว่า “บ้านเก่าของเรากำลังจะถูกรื้อถอน เพราะบางอย่างเกี่ยวกับการสร้างจุดท่องเที่ยวนี่แหละ... เฮ้อ ฉันยังรู้สึกไม่อิ่มเอมใจที่ได้อยู่ในเมืองเก่านั้นเลย.. ."
หัวใจของอลิสันกลับเต้นแรงอีกครั้ง
'ทำไมอยู่ ๆ เขาถึงพูดถึงมณฑลเจียงซี?'
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบว่า "สถานที่นั้นมีสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่พอสมควร เมื่อพวกเขารื้อถอนและสร้างใหม่ รูปโฉมใหม่ของเมื่อจะได้รับการปรับปรุงทั้งหมด คนในวัยเราไม่ควรลังเลใจที่จะละทิ้งสถานที่นี้นะ เราควรต้องสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่กำลังสร้างสถานที่นี้ขึ้นใหม่ดีกว่านะ”
บลองช์เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “คุณทวดครับ คุณทวดรู้จักสถานที่นั้นด้วยไหมครับ? มีอะไรสนุก ๆ ไหม? ผมอยากไปที่นั่นจัง!”
"คนที่อายุเท่าทวดน่าจะเคยไปที่นั่นกันมาก่อนทั้งนั้นแหละ" ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดแตะหัวหลานชายตัวน้อย
พ่อเฒ่าเรย์นถามอลิสันว่า "แล้วคนที่อายุประมาณเธอล่ะ อลิสัน? ฉันเดาว่าเธอคงไม่เคยไปที่เมืองเล็ก ๆ อย่างมณฑลเจียงซีใช่ไหม…?"
อลิสันไม่กล้าหยิบช้อนส้อมขึ้นมา นิ้วของเธอสั่นระรัว ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงเก็บซ่อนมือไว้ใต้โต๊ะ แล้วพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่งว่า “ฉันไม่เคยไปมาก่อนเลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อเมืองนี้ด้วยซ้ำไป แต่ฉันมั่นใจนะคะว่าเมืองเล็ก ๆ นั่นมีเสน่ห์ในตัวของมันอยู่แล้ว ดูจากสิ่งที่คุณปู่ของเบียงก้าพูด ทั้งบนเนินเขาและทะเลสาบทั้งหมดที่นั่น ฉันมั่นใจว่าสภาพอากาศต้องดีมาก ๆ แน่เลย ”
เบียงก้าส่งลูกชิ้นให้ลานี่และเรนนี่คนละลูก ขณะฟังอลิสันผู้หญิงที่มีใบหน้ามองตรง มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อยและล้อเลียนอลิสันในหัวของเธอ
“บี ปู่บอกสาวใช้ให้เตรียมพาสต้าไว้สองที่ หนูควรขึ้นไปกินกับลุคที่ชั้นบนนะ เพราะว่าเจ้าชายตัวดีนั้นป่วยนอนซมอยู่ ปู่กลัวว่าเจ้านั้นจะกินเองได้ไม่มากน่ะ” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดแนะนำ
เบียงก้าต้องการปฏิเสธ แต่คุณปู่ของเธอกระแอมเสียงดังพลางกำหน้าอกของตนไว้ เขากล่าวอย่างลำบากว่า “ไปเถอะบี ไปกินข้าวกับลุคนะ อย่าทำให้ปู่อารมณ์ขึ้นนะ...”
เมื่อเบียงก้ารับจานอาหารจากสาวใช้ เธอขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่เต็มใจ
บันไดถูกปูด้วยพรม และรองเท้าแตะนุ่ม ๆ ของเธอทำให้ไม่มีเสียงฝีเท้าเกิดขึ้นเลยตอนที่เดินขึ้นไปชั้นบน เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงหายใจเธอเอง
เมื่อเธอเดินไปที่ประตูพร้อมกับอาหาร เบียงก้าลืมตาขึ้นและตกตะลึง เมื่อเห็นบางอย่างที่ทำให้เธอแทบจะเลือดกำเดาไหล...
ลุคถอดเสื้อคลุมสีเข้มและเปลือยเปล่า เขาโยนเสื้อคลุมลงบนเตียงรก ๆ เขาหันหลังให้ประตูขณะเอื้อมมือเข้าไปในตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อเชิ้ต
เบียงก้าตกใจมากจนรีบหลบไปอยู่หลังประตูพร้อมกับจานอาหาร
ถึงกระนั้น เธออดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพลักษณ์ของชายที่มีเข็มขัดอยู่ในมือและร่างกายอันแข็งแรง สมส่วน และทรงพลัง ในขณะเดียวกัน ความโค้งของแผ่นหลังของเขาคือจุดที่เธอเคยสัมผัสและขีดข่วน ตลอดช่วงที่เธอกับเขาทำกิจกรรมเข้าจังหวะร่วมกัน…
“ทำอย่างกับว่าคุณไม่เคยเห็นตรงนั้นของผมมาก่อน จับก็เคยแล้วยังจะอายหลบอยู่หลังประตูอีกทำไม?”
ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงอันเย็นชาของชายผู้นั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก