“ขอโทษค่ะ ฉัน... คือฉันไม่รู้ว่าคุณอยู่ข้างใน...”
ทันทีที่เบียงก้าหลับตา เธอก็นึกขึ้นได้ว่าควรหันหลังและเดินออกไป
หลังจากปิดประตูห้องน้ำอย่างเร่งรีบ เบียงก้าโทษคุณปู่ทั้งสองที่ไม่ยอมบอกเธอว่าลุคอยู่ข้างใน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย...
ชายสูงอายุสองคนรู้ว่าหลานชายกำลังอาบน้ำอยู่ในนั้น พวกเขาซึ่งมีประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์มานานหลายสิบปีทราบดีว่า 'สัมผัสอันใกล้ชิด' เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาความสัมพันธ์ของชายหญิง
สัมผัสอันใกล้ชิดอาจอยู่ในรูปแบบของความใกล้ชิดทางร่างกายหรือสิ่งยั่วยวนทางสายตา
หากปราศจากสิ่งยั่วยวนก็จะไม่มีที่ว่างสำหรับความคิดที่โลดโผนและเพ้อฝัน
หากปราศจากความคิดที่โลดโผนและเพ้อฝัน ก็จะไม่มีการพัฒนาหรือเติมเต็มต่อกัน
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดทำราวกับว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นความอับอายของเบียงก้าเลยแม้แต่น้อย และย้ายเก้าอี้มานั่งลง จากนั้นเขาเริ่มปอกแอปเปิลให้พ่อเฒ่าเรย์น
เบียงก้ายืนอยู่นอกห้องน้ำ เธอคิดไม่ถึงว่าจะติดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ไปได้
เมื่อลุคออกมาในชุดคลุมอาบน้ำ เขาก็เดินผ่านเธอไป
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งรีบร้อนตรงไปยังเตียงขนาดมหึมาของตน สายรัดของเสื้อคลุมผูกหลวม ๆ รอบเอวชายเผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่กระชับและสมส่วน
เบียงก้าเข้าไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำหมาด ๆ แล้วออกมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้คุณปู่
“อาการดีขึ้นแล้วเหรอคะ คุณปู่?”
“ปู่ดีขึ้นมากแล้วล่ะ…สุขภาพของปู่แย่ลงทุกวัน ๆ” พ่อเฒ่าเรย์นรู้สึกผิดอย่างยิ่งกับเรื่องนี้
เป็นครั้งแรกที่เขาหลอกหลานสาวโดยแสร้งทำคนป่วย
แต่เนื่องจากเขาลงมือไปแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะกลับถอยกลับได้ในตอนนี้
หลานสาวคงจะโกรธมากหากรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นการจัดฉาก
นอกจากนี้ เขากำลังทำสิ่งนี้เพื่ออนาคตของคนหนุ่มสาวสองคน ดังนั้นเขาสมควรได้รับการอภัย
เมื่อเห็นว่าริมฝีปากของคุณปู่แห้งแตก เบียงก้าก็พูดว่า "นอนลงเถอะนะคะคุณปู่ เดี๋ยวหนูจะหาน้ำให้ดื่ม"
ชายชราพูดทันทีว่า “เทให้ลุคแก้วหนึ่งด้วยนะ ปู่คิดว่าหลานลุคไม่ได้ดื่มน้ำตั้งแต่เช้าแล้ว”
"..." เบียงก้าไม่พูดอะไร
ขณะนี้คุณปู่กำลังพักฟื้นอยู่ในครอบครัวครอว์ฟอร์ด และผู้อาวุโสของครอบครัวครอว์ฟอร์ดได้เชิญแพทย์ประจำครอบครัวมารักษาคุณปู่ของเธอ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นนักสำหรับเธอที่จะรินน้ำให้ลุคสักแก้วขณะที่เธออยู่ที่นั่น
ใช้เวลาไม่นานเธอก็กลับมาหลังจากรินน้ำไปสองแก้ว
หลังจากป้อนให้คุณปู่จิบน้ำสองอึก เบียงก้าหยิบแก้วอีกใบแล้วยื่นให้ลุค
เบียงก้าถือแก้วน้ำไว้ในมือ และยืนอยู่ข้างเตียงแต่เธอไม่รู้จะเริ่มอย่างไร
ลุคสวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำสีเข้ม เขานอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนเตียงใหญ่ ใช้มือทั้งสองข้างหนุนหลังศีรษะ ขายาวข้างหนึ่งงอเข้า ในขณะที่อีกข้างเหยียดตรง ทำให้ดูมาดเจ้าชู้มากกว่านายแบบในนิตยสารเสียอีก
จากมุมของผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ด ท่าทางของหลานชายดูเหมือนอันธพาล...
บนเสื้อคลุมอาบน้ำไม่มีกระดุมสักเม็ด มีเพียงสายรัดรอบเอวสองเส้นที่ห้อยหลวมจนดูน่าหงุดหงิด
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดไอกระแอมเพราะกังวลว่าเขาจะทำสิ่งที่น่าอึดอัดใจยิ่งขึ้นไปอีก
เขาบ่นลุคว่า “ดูตัวเองหน่อยสิ หลานควรจะใส่เสื้อผ้าแบบนั้นรึไง?! มันถึงขั้นที่กางเกงในของหลานต้องโผล่ออกมาอย่างนั้นเลยเหรอ?”
หลังจากโดนคุณปู่ดุ ลุคก็เบิกตากว้าง ดูราวกับว่าเขาเพิ่งสังเกตเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเตียง
เบียงก้าไม่รู้ว่าจะเอาตาคู่งามไปวางไว้ตรงไหนดีจึงก้มหน้าลงเพื่อวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะข้างเตียง
“รบกวนคุณเอาช่วยเอาผ้าห่มมาให้หน่อยได้ไหม?” เสียงแหบห้าวของลุคดังก้องอยู่ในห้องที่ปรับปรุงใหม่อย่างหรูหรานี้
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดบอกเธอทันท่วงที “ในตู้มีผ้าห่มอยู่ ไปให้หยิบมาห่มให้เขาหน่อยเถอะ”
เบียงก้าเหลือบมองชายที่นอนอยู่บนเตียงและสังเกตเห็นว่าดวงตาของเขาปิดอยู่ ขณะที่คิ้วหนาของเขาขมวดเล็กน้อย ริมฝีปากบางซีดเผือด เขาคงจะไม่ค่อยสบายดีนัก
"เมื่อคืนนี้ใครรู้บ้างว่าเจ้าหลานตัวดีนี้มีไข้ขึ้นสูงตั้งแต่กลับมาเมื่อคืน" ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเฉลยอาการป่วยของหลานชายเพื่อให้เบียงก้าจะรู้สึกสงสารลุค
เบียงก้าเปิดตู้และหยิบผ้าห่มสีเทาเข้มผืนบางออกมา
ขณะที่นิ้วเกาะติดบนผ้าห่มนุ่ม ๆ เธอก็อดคิดไม่ได้ว่า 'เมื่อคืนลุคยืนอยู่ข้างนอกประตูนานแค่ไหนกันนะ? ตอนเขากอดฉันในตอนเช้า ฉันได้กลิ่นไอฝนแห้งจากเสื้อผ้าเขา'
ถ้าเขาไม่ป่วยหลังจากตากฝนทั้งคืนคงจะน่าแปลกใจเอาการอยู่
หลังจากวางผ้าห่มไว้ข้างกายเขา เบียงก้าก็เดินกลับไปที่ข้างเตียงคุณปู่เพื่อดูแลเขา
ลุคนอนอยู่บนเตียง ราวกับว่าเขาหลับไปแล้ว ดวงตาของเขายังคงไม่ไหวติง การหายใจของเขาดูเป็นปกติดี
“ตกลงไม่มีมีใครบอกว่าเลยเหรอว่าพี่ชายฉันป่วยน่ะ?” ขณะที่เสียงปริศนาดังขึ้น หลุยส์ก็ก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว เขาสวมชุดแข่งและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาถอดถุงมือออกเมื่อเข้าไปในบ้านเพื่อไปหาพี่ชาย
เมื่อเห็นว่าเบียงก้าอยู่ที่นั่นด้วย หลุยส์ก็จ้องมองเธอ
เบียงก้าไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งในสายตาของหลุยส์
"เขาต้องตายแน่นอนล่ะ ยืนตากฝนที่ตกหนักอยู่ที่หน้าประตูบ้านของใครบางคนแถวนี้ตลอดทั้งคืนเลยนี่ ฉันว่าโชคยังดี สวรรค์ยังเห็นใจแล้วปล่อยให้พี่ชายยังอยู่ดี” หลุยส์ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็จะต้องแต่งเรื่องขึ้นเพื่อให้เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ฟังดูแย่ถึงขั้นรุนแรงสุดขีด
เบียงก้าฟังแล้วก้มหน้าลงและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
กระนั้น เธอคิดว่าเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนั้นจะจบลงในไม่ช้านี้ เนื่องจากทุกสิ่งจะค่อย ๆ จางหายไปตามกาลเวลา แน่นอน เธอหวังว่าสิ่งที่เรียกว่า 'เวลา' จะผ่านไปได้อย่างรวดเร็วที่สุด
“ผ้าห่มอุ่น ๆ นี้มีไว้เพื่ออะไร?” หลุยส์ถามโดยหันศีรษะกลับไป
“นั่นมีไว้เพื่อการปกปิดจุดที่พี่ชายนายไม่ควรเปิดเผย คนหนุ่มสาวสมัยนี้มันไร้สาระกันมาก ถ้านี่เป็นยุคของพวกปู่ ลุคจะถูกเรียกว่านักเลงหัวไม้แน่นอน จากนั้นจะถูกสาว ๆ ซุบซิบนินทาไปทั่วไป! " ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดกล่าวด้วยความเศร้าโศกและเสียใจอย่างมาก
มันเป็นความอาภัพของครอบครัวที่พวกเขาเลี้ยงดูเจ้าหลานตัวที่ชอบโชว์ของลับต่อหน้าชาวบ้าน
หลุยส์เหลือบมองขึ้นลงและตระหนักได้ในทันใด ขณะที่เขารีบเอาผ้าห่มคลุมตรงบริเวณเป้าของ
'ผู้ป่วยคนนั้น'...
“ถ้าพี่เป็นพวกชอบโชว์แล้วจะทำไมอะ? พี่เขาก็ใส่กางเกงในอยู่นิ มีของดีอยู่กับตัวขนาดนี้จะชอบโชว์ก็ไม่แปลกนิ? เบียงก้าก็ไม่ใช่คนนอกด้วย ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็นหุ่นของลุคมาก่อนนี่ถูกไหม?” หลุยส์แก้ไขความเข้าใจผิดของชายชรา
แม้ว่าพ่อเฒ่าเรย์นแสร้งทำเป็นป่วย แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะสังเกตท่าทีของหลานสาว
เมื่อพิจารณาจากความกระอักกระอ่วนบนใบหน้าของหลานสาวแล้ว พ่อเฒ่าเรย์นสรุปว่าหลานสาวและหลานเขยในอนาคต ทั้งคู่อาจจะหลับนอนด้วยกันมานานแล้วและมีอะไรกันมาก่อน
ทันใดนั้น ชายชราก็เริ่มมองไปข้างหน้าด้วยใจที่เบิกบาน โดยคิดว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าหลานสาวของเขาตั้งท้องกับลุค
ในกรณีนั้น ชายชราวัย 70 ปีคนนี้จะไม่ต้องรับบทหนักเพื่อแสร้งทำเป็นป่วยต่อไป คนหนุ่มสาวทั้งสองก็จะลงเอยด้วยวิธีธรรมชาติเช่นกัน
…
อลิสันออกไปข้างนอกในตอนรุ่งเช้า และคนขับรถของครอบครัวพาเธอกลับมาตอนประมาณ
11 โมงเช้า
ทันทีที่เธอเดินผ่านประตูไป เธอก็ไม่เห็นใครอยู่เลย เธอจึงถามว่า "ทุกคนไปไหนกันหมด?"
“ในห้องของนายท่านลุคชั้นบนค่ะ” พี่เลี้ยงที่กำลังเช็ดเฟอร์นิเจอร์เงยหน้าขึ้นมองแล้วตอบกลับ
“อยู่ในห้องลุคงั้นเหรอ? ลุคยังป่วยอยู่ พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ในห้องของลุค?” อลิสันไม่ต้องการให้ใครมารบกวนเวลาพักผ่อนของลูกชาย เขาควรจะได้พักผ่อนอย่างสงบ
“ถ้าดิฉันจำไม่ผิด เมื่อก่อนหน้านี้ คุณท่านเรย์นอาเจียนเป็นเลือดค่ะ และคุณหมอเพิ่งมาที่นี่ค่ะ”
พี่เลี้ยงกระซิบอีกครั้ง
อลิสันตกตะลึง “อาเจียนเป็นเลือดงั้นเหรอ?”
พี่เลี้ยงพยักหน้า
เมื่ออลิสันยังสาว เธอไม่เคยได้พบพ่อของเควินเลย ย้อนกลับไปในเวลานั้น เธอตามเควินไปที่เมืองเล็ก ๆ เพื่อไปพบพ่อแม่ของเควิน ไม่นานหลังจากลงจากรถ พวกเขามาถึงประตูที่บ้านพักของตระกูลเรย์นด้วยการเดินทางเท้า
แต่ก่อนจะได้เข้าประตู เธอหันกลับมาด้วยความรังเกียจและนั่งแท็กซี่กลับเข้าเมืองทันที
เป็นผลให้ลูกสะใภ้และพ่อสามีไม่เคยพบกัน ความอคติต่อลูกสะใภ้นี้ฝังแน่นอยู่ในจิตใจพ่อของเควิน เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี เพราะเธอดูถูกคนจนและโปรดปรานคนรวย
อย่างไรก็ตาม เควินไม่อยากจะรับรู้และเพิกเฉยต่อคำเตือนจากชายผู้เป็นพ่ออย่างสมบูรณ์
พ่อเฒ่าเรย์นจะตายในครอบครัวครอว์ฟอร์ดเพราะเขาอาเจียนเป็นเลือดอย่างนั้นหรือ?
อลิสันอดไม่ได้ที่จะขึ้นไปชั้นบนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก