พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 102

ในตอนที่อลิสันได้ยินว่าลูกชายกับเบียงก้าเลิกรากันแล้ว เธอก็ดีใจเหลือเกิน

หากแต่ภายนอกนั้นอลิสันแสร้งทำเป็นใจสลายราวกับเสียใจมากมายที่ต้องสูญเสียว่าที่ลูกสะใภ้ที่ตัวเองคาดหวังเอาไว้อย่างเบียงก้า “ทำไมถึงเลิกกันแล้วล่ะ? มีปัญหาอะไรร้ายแรงจนยากเกินแก้รึยังไง?”

เบียงก้าหันหลังกลับแล้วเดินจากไป

อลิสันแสร้งรั้งเบียงก้าไว้ไม่ให้ไป “บี ฉันขอร้องเถอะนะ… อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้คนเฒ่าคนแก่ทั้งสองคนเลย ร่างกายของพวกเขารับเรื่องนี้ไว้ไม่ไหวหรอก”

ลุคเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูบานที่บัดนี้ไม่มีเบียงก้ายืนอยู่อีกแล้ว

ในขณะเดียวกันนั้นก็มีสายตาอีกคู่มองไปที่ประตู ก่อนที่สายตาของซาเวียร์หันไปทางลุค

อลิสันหันหลังให้ทั้งสามคน เธอถูนิ้วมือของตัวเองไปมา ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้อีวอนน์อย่างให้กำลังใจ

อีวอนน์ได้คำใบ้ เธอเทน้ำหนึ่งแก้วแล้ววางข้างมือซ้ายของลุค “ลุคคะ ดื่มน้ำสักหน่อย”

ลุควางมือจากงาน เขาหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นนวดตรงระหว่างคิ้ว เขาไม่สนใจใครหน้าไหน รวมไปถึงอีวอนน์ผู้อ่อนหวานข้างกาย

ซาเวียร์ลุกขึ้นยืนตรงขอบหน้าต่าง และจุดบุหรี่ขึ้นสูบ มือข้างหนึ่งถือบุหรี่ไว้ ในขณะที่อีกข้างดันหน้าต่างให้เปิดออก สายตาของเขาเหลือบลงไปมองที่สวนด้านล่างอย่างไม่ตั้งใจ

หญิงสาวที่น้าของเขาเรียกเธอว่าบีเดินอยู่ในสวน

เขาสามารถเห็นใบหน้าของบีได้อย่างชัดแจ้ง แม้ว่าเธอจะอยู่ห่างออกไปก็ตาม

ในฐานะที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ซาเวียร์เข้าใจดีว่าคำพูดของลุคเมื่อครู่คงไม่ต่างอะไรกับมีดอันเย็นเยียบที่เสียดแทงไปยังหัวใจของบี

ซาเวียร์ได้ฟังน้าของตัวเองพูดคุยกับอีวอนน์เรื่องครอบครัวอย่างสนุกปาก มันชัดเจนเหลือเกินว่าน้าของเขากำลังเล่นละครอยู่เท่านั้น เพราะเพียงคนเดียวที่อลิสันชอบและยอมรับในฐานะของลูกสะใภ้นั้นมีเพียงอีวอนน์ที่มาจากครอบครัวฐานะดีเท่านั้น

ลึกลงไปแล้ว อลิสันคงไม่ชอบบีก็ได้

หลังจากสูบบุหรี่ ซาเวียร์ทิ้งก้นบุหรี่พลางเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าว “น้าอลิสันครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีมีนัดกับเพื่อนสองสามคนที่ไวน์บาร์เย็นนี้น่ะครับ”

อีวอนคลายแขนที่คล้องกับแขนของอลิสันออก “แล้วเจอกันนะคะ คุณป้าอลิสัน”

“แล้วมาบ่อย ๆนะ ป้ายังไม่ได้ถามเรื่องวิธีบำรุงผิวจากหนูอีกเยอะเลย” อลิสันกล่าว เธอมองไปที่ลูกชาย “ลุค ซาเวียร์กับหนูวอนน์กำลังจะกลับแล้ว ลูกไปส่งพวกเขาที่ประตูหน่อยได้ไหม?”

ลุคหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก เขาดูเคร่งขรึมพร้อมคิ้วที่ขมวดขณะคุยโทรศัพท์เรื่องธุรกิจ ลุคโบกมือลาเล็กน้อยเท่านั้น

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าอลิสัน อย่าลืมว่าครอบครัวของพวกเรามีนัดกันสุดสัปดาห์นี้นะคะ”

หลังจากกล่าวเสร็จ ซาเวียร์โบกมือลาน้าของเขาแล้วจากไป

...

อลิสันยืนอยู่ที่บันไดขั้นบนสุด เธอมองดูทั้งสองคนนั้นเดินออกจากห้องรับแขกที่ชั้นล่างของคฤหาสน์

เมื่อหันกลับไปที่ห้องทำงาน เธอเฝ้ารอให้ลูกชายคุยโทรศัพท์ให้เสร็จแล้ววางสายลงอย่างอดทน “ไหน ๆ ลูกก็เลิกกับบีแล้ว ถ้างั้นหนูอีวอนน์…”

“เราห่างกันสิบปี และผมก็มองเธอเป็นน้องสาวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถ้าแม่อยากได้เธอมาเป็นลูกสะใภ้ ผมคิดว่าแม่คงต้องหาลูกชายคนอื่นแทน” ลุคไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้แม่จับคู่เขากับอีวอนน์ได้เลย

อลิสันมองลูกชายผู้ซึ่งกดโทรศัพท์เพื่อโทรออกอีกครั้งด้วยความโกรธสุดขีด

อลิสันได้แต่ถามตัวเองว่าเธอไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้นักหนา ถึงได้มีลูกชายที่สุดแสนจะเย็นชาหน้าตายซึ่งไม่เคยทำตามความต้องการของแม่เลย

‘20 นาทีที่แล้ว ลูกคนนี้เพิ่งบอกว่าตัวเองเลิกกับยายเบียงก้านั่น! แต่ตอนนี้กลับทำท่าทางราวกับไม่สนใจผู้หญิงคนอื่น เจ้าลูกคนนี้เป็นบ้าอะไรขึ้นมา?!’

“ห่างกันสิบปีจะเป็นอะไรไปล่ะ? แม่ไม่คิดว่าลูกสนเรื่องที่ต้องแต่งงานกับคนอายุน้อยเลยนะ พ่อของลูกก็ไม่เห็นสนเรื่องที่จะต้องแต่งงานใหม่กับภรรยาอายุน้อยกว่าตัวเองตั้ง 18 ปี!” เมื่ออลิสันเห็นว่าลูกชายเอาแต่ทำหน้าไร้อารมณ์ เธอก็กล่าวต่อ “แม่สัญญากับหนูวอนน์ไปแล้วว่าลูกจะรับเธอเข้าฝึกงานที่บริษัท”

“ถ้าแค่เรื่องฝึกงานน่ะได้ครับ แต่เรื่องอื่นไม่เด็ดขาด” ลุคจุดบุหรี่แล้วลืมตามอง “ผมกำลังทำงานอยู่ เพราะงั้นแม่อย่าพูดเรื่องนี้อีกจะดีกว่า”

อลิสันออกจากห้องไปแล้วปิดประตูลงด้วยความโกรธ

ถึงแม้ว่าเธอจะให้กำเนิดเขามา แต่เขาก็ไม่เชื่อฟังเธอสักนิด ลูกชายของซูซานยังรู้จักเชื่อฟังแม่ของตัวเองเลยแท้ ๆ คงมีแค่ลูกชายเธอนี่แหละที่แม้แต่คำเดียวเขาก็ไม่ฟัง!

ยิ่งอลิสันได้คิด เธอก็ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก!

ณ ชั้นล่างของคฤหาสน์ เบียงก้านั่งอยู่ที่ม้านั่ง มีแล็ปท็อปของเธอวางอยู่บนโต๊ะกลมหน้าม้านั่ง

ปู่ยังรักษาตัวอยู่ที่บ้านของตระกูลครอว์ฟอร์ด แถมยังมีอาการร้ายแรงจนต้องกระอักเลือดด้วยซ้ำ เพราะเช่นนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ต้องยอมเพิ่มวันลางานออกไปอีก

โชคยังดีที่ซูยอมให้เธอลางานต่อ

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่ออีวอนน์ กิเดียนค่ะ ตอนอยู่ข้างบนฉันไม่มีได้แนะนำตัวเลย” อีวอนน์ยื่นมือของเธอออกมาอย่างมีมารยาท

เมื่ออีวอนน์ยื่นมือออกมาหาเธอก่อน เบียงก้าก็ไม่มีทางเลือก เธอยืนขึ้นแล้วยื่นมือของตัวเองออกไปบ้าง “ฉันชื่อเบียงก้า เรย์นค่ะ”

อีวอนน์ปล่อยมือเบียงก้า แล้วเหลือบมองไปที่มือของอีกฝ่าย มือของเบียงก้านั้นทั้งขาวและนุ่มมาก ในฐานะผู้หญิงด้วยกันแล้วเมื่อได้สัมผัสแล้วเธอยังรู้สึกอิจฉา นับประสาอะไรกับผู้ชายล่ะ

“ฉันเรียกคุณว่าบีได้ไหมคะ? ฉันจะเริ่มงานที่แผนกของคุณตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปค่ะ ฉันได้ยินจากคุณป้าอลิสันว่าคุณก็เป็นมือใหม่ของแผนกออกแบบเหมือนกัน แต่ก็คงจะมีประสบการณ์มากกว่าฉันแน่ ฉันหวังว่าจะได้เรียนรู้อะไรจากคุณบ้างนะคะ”

“ไม่เลยค่ะ ฉันเองก็กำลังเรียนรู้อยู่เหมือนกัน” เบียงก้ากล่าวอย่างถ่อมตน

อีวอนไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรและเหลือบมองซาเวียร์ “ไปกันเถอะค่ะ พี่ซาเวียร์”

ซาเวียร์พยักหน้าให้เบียงก้าแทนคำทักทายเล็กน้อย

เบียงก้าทำได้เพียงพยักหน้ากลับไปเท่านั้น

พวกเขาสองคนจากไปแล้ว

เบียงก้าไม่รู้ว่าอีวอนน์คิดอย่างไรกับเธอ แต่ไม่ว่าจะมิตรหรือศัตรูเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนี้เอง

ตราบใดที่เธอยังต้องดูแลปู่กับพ่ออยู่ ไม่ว่ายังไงเธอก็ตกงานไม่ได้เด็ดขาด

เบียงก้าอยู่ที่ชั้นล่างจนกระทั่งฟ้าเริ่มมืด

ในตอนนี้คุณปู่ของเบียงก้าไม่ได้มีอาการไอเป็นเลือดอีกแล้ว ถึงเธอจะเดินขึ้นไปก็ไม่มีอะไรให้เธอทำอยู่ดี โดยเฉพาะที่เธอต้องรู้สึกอึดอัดเมื่อเผชิญหน้ากับลุค

ตอนราว ๆ สองทุ่ม ฝูงยุงที่อยู่ในสนามถูกแสงจากหน้าจอแล็ปท็อปดึงดูดเข้ามา

เรื่องแย่ของฤดูร้อนอย่างหนึ่งคงหนีไม่พ้นเรื่องยุ่งนี่แหละ

เบียงก้าหยิบแล็ปท็อปของตัวเองขึ้นมา แล้วขึ้นไปที่ห้องของปู่บนชั้นสอง

ในตอนแรก เบียงก้ากำลังจะบอกกับทุกคนในตอนกลางวันว่าเธอจะกลับบ้านคืนนี้ แต่ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดดูเหมือนจะรู้ว่าเธอจะพูดอะไร ก่อนที่เธอจะได้พูด เขาก็พูดขึ้นมาก่อน “คืนนี้หนูควรอยู่ที่นี่เพื่อดูแลคุณปู่ของหนูนะ สาวรับใช้ทั้งสองคนของบ้านนี้มีงานให้ทำจนล้นมืออยู่แล้ว ปู่เองก็กลัวว่าคนที่เราจ้างด้วยเงินจะดูแลปู่ของหนูได้ไม่ดี”

เบียงก้ารู้ดีว่าเธอไม่อาจทิ้งการดูแลปู่ไว้กับครอบครัวของลุคได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องอยู่ที่นี่ต่อ

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดนั่งฟังวิทยุอยู่ในห้อง เมื่อเบียงก้าเข้ามาในห้อง ปู่ก็สังเกตเห็นว่าเธอถูกยุงกัดที่แขนและขาเต็มไปหมดจนผิวขาวกระจ่างของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง

“ปู่บอกให้หลานเข้ามาให้เร็วกว่านี้ไง ดูสิเนี่ยหลานถูกยุงกัดเยอะขนาดไหน?....”

บลองช์เข้ามาในห้องพร้อมสมุดงานอยู่ในมือของเขา เขามองหาน้าบีเพราะมีคำถามเรื่องการบ้าน แต่เมื่อเขาได้ยินว่าเธอโดนยุงกัดอย่างหนัก เขาก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องตัวเองเพื่อหายาทากันยุงทันที

ในตอนที่บลองช์ ออกมาจากห้องของตัวเอง เขาชนเข้ากับพ่อของตัวเองที่เพิ่งออกมาจากห้องทำงาน

“ลูกจะวิ่งไปไหน?” ลุคก้มลงมองลูกชายด้วยสายตาเย็นชา

“น้าบีโดนยุงกัดเยอะมากเลยครับ ผมเลยจะเอายาทากันยุงไปให้เธอ” เด็กชายตัวน้อยพูดเสียงอ่อนเพื่อแสดงให้พ่อเห็นว่าเขาไม่ได้วิ่งไปมาไร้เหตุผล

ลุคมองไปที่ยาทากันยุงในมือของลูกชาย แล้วฉวยโอกาสคว้ายาไปจากเขา “กลับห้องไปทำการบ้านของลูกให้เสร็จ เดี๋ยวพ่อไปส่งยาแทนลูกเอง”

เด็กชายตัวน้อยตกตะลึงไปในตอนที่เขาเห็นว่าพ่อเดินเข้าห้องของน้าบีไป....

หน้าไม่อาย! ลูกตัวเองแท้ ๆ ยังจะแข่งกันเนี้ยนะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก