พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 107

“อุบัติเหตุเหรอคะ? เกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงของเบียงก้าเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว

“นายน้อย… นายน้อยบอกว่าเขาจะกระโดดลงจากชั้นสามค่ะ… เขาไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว!” สาวใช้อ้อนวอนเธอ "คุณเบียงก้า มาช่วยทีนะคะ!"

เบียงก้ากล่าว "ให้ฉันคุยกับเขาหน่อยค่ะ"

สาวใช้เอ่ยเรียกลานี่

ในตอนที่เบียงก้าเดินออกจากละแวกบ้าน พี่เลี้ยงก็พูดมาในโทรศัพท์อีกครั้ง “คุณหนูไม่ยอมคุยกับคุณค่ะ เขาบอกว่าเขาต้องเจอคุณตัวเป็น ๆ เท่านั้น”

“ไม่ต้องห่วงนะคะ เขาไม่โดดหรอกค่ะ”เบียงก้าเอ่ยปลอบพี่เลี้ยงที่กำลังตระหนัก “ฉันเคยได้ยินเรื่องเด็กนักเรียนที่กระโดดฆ่าตัวตายเพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ผ่าน แล้วก็เคยได้ยินเรื่องที่ผู้ใหญ่กระโดดฆ่าตัวตายมามาก แต่ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องที่เด็กเล็กอย่างเขาจะกระโดดลงมาก่อนเลย”

เมื่อสาวใช้ได้ยินสิ่งที่เบียงก้าพูด เธอก็ตอบกลับทันที “คุณเบียงก้าคะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะขึ้นไปหานายน้อยอีกรอบนะคะ”

เบียงก้าตอบรับ

“ถ้าเด็ก ๆ สร้างปัญหาอีก ให้โทรหาพ่อของเขา ไม่ก็คุณย่า ไม่ก็ปู่ หรือไม่ก็อาของเขานะคะ...”

เขามีญาติอีกหลายคนที่สาวใช้จะโทรหาได้

เธอเพิ่งพาปู่ออกจากคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดได้แท้ ๆ เพียงแค่เรื่องของเด็ก ๆ ไม่เพียงพอจะให้เธอกล้าเสี่ยงเข้าไป…

ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด

เมื่อบลองช์ได้ยินคำพูดจากปากของสาวใช้ เขาก็พูดด้วยความโกรธขณะยืนอยู่ข้างหน้าต่าง “น้าบีไม่สนใจเหรอว่าผมจะอยู่หรือตาย?”

“ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนใจว่าคุณหนูจะอยู่หรือตายหรอกค่ะ แค่...” สาวใช้เพิ่งตระหนักถึงความไร้สาระของเรื่องราวนี้ ใครจะไปเชื่อลงว่าเด็กจะกระโดดตึก?

นอกจากนี้ นายน้อยไม่ใช่เด็กกำพร้าที่ไร้พ่อขาดแม่เสียหน่อย ครอบครัวของเขาน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของเขาเองสิ

บลองช์ถอนหายใจออกด้วยความโมโห

ในขณะนั้น หลุยส์ลงไปชั้นล่างและเห็นว่าหลานชายของเขากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ เขาเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจนัก “หลานทำอะไรอยู่? ไม่ไปเรียนรึไง?”

“ผมปิดเทอมฤดูร้อนอยู่ครับ...” บลองช์เหลือบมองอาโดยปราศจากคำพูดและส่อแววเหยียดหยาม

หลุยส์กล่าวอย่างร่าเริง “ในเมื่ออยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ทำไมหลานไม่ออกไปเล่นข้างนอกล่ะ ยืนริมหน้าต่างเป็นงานอดิเรกของหลานเหรอ? ดูวิวมันสนุกนักเหรอ?”

อีกด้านหนึ่งเบียงก้ามาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ก่อนที่เธอจะเข้าไปในนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์บ้าน หากแต่เป็นเบอร์โทรศัพท์ที่เธอไม่รู้จัก

เบียงก้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับสาย “สวัสดีค่ะ เบียงก้าพูดค่ะ”

“คุณเบียงก้าคะ! ฉันเป็นสาวใช้ที่ทำงานกับครอบครัวครอว์ฟอร์ดนะคะ! ฉันเป็นคนโทรหาคุณเมื่อกี้นี้เอง! คุณหนูกำลังจะกระโดดจากตึกจริง ๆ นะคะ! ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ฉันจะให้คุณดูด้วยตาตัวเอง!”

หลังจากได้ยินสิ่งที่พี่เลี้ยงพูด เบียงก้ายกโทรศัพท์ออกจากหู เมื่อก้มลงมองโทรศัพท์บนหน้าจอปรากฏให้เห็นว่าบลองช์กำลังนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างชั้นสาม

ร่างเล็ก ๆของเขานั่งอยู่บนขอบหน้าต่างบานใหญ่

เนื่องจากขอบหน้าต่างบาง เด็กจึงไม่สามารถนั่งบนนั้นได้พอเหมาะ ร่างของเขาสั่นเทา เขาหันหลังไปทางสวนที่อยู่ชั้นล่าง

แม้ว่ามันจะเป็นสนามหญ้า แต่มันก็เป็นพื้นแข็ง

หากไม่ระวัง ลานี่อาจจะตกลงไป ถ้าเป็นอย่างนั้นแขนขาเล็ก ๆ ของเขาคงจะไม่สามารถขยับได้อีกครั้งแน่

“อย่าเข้ามาใกล้ผม ไม่งั้นผมจะโดดจริง ๆ ด้วย...” เด็กชายร้องไห้พลางตะโกนออกมา

“ได้ค่ะ ฉันจะไม่เข้าไปใกล้นายน้อยเลย ฉันจะไม่ทำอย่างนั้น” สาวใช้เอ่ยถามเบียงก้าผ่านวิดีโอคอล "ฉันควรทำยังไงดีคะ? ฉันแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับนายน้อย แม้แต่ชีวิตฉันก็ชดใช้ให้พวกเขาไม่ได้!”

“มีผู้ใหญ่คนไหนอยู่ที่บ้านรึเปล่าคะ?” เบียงก้าขมวดคิ้วและถามเสียงดัง

สาวใช้ส่ายศีรษะ “ไม่มีเลยค่ะ พอคุณไป ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดก็ออกไปดื่มชากับเพื่อนเก่า ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงติดต่อพวกเขาไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นคือนายน้อยต้องการพบคุณคนเดียวเท่านั้นค่ะคุณเบียงก้า”

“ส่งโทรศัพท์ให้เขาทีค่ะ ฉันจะคุยกับเขาเอง” เบียงก้าประนีประนอม

“ได้ค่ะ ขอฉันส่งให้นายน้อยก่อนนะคะ” พี่เลี้ยงยื่นโทรศัพท์ให้เด็กชาย

บลองช์ส่ายศีรษะ “อย่ามาใกล้ผม ผมไม่อยากคุยกับเธอ เธอทิ้งเราไป...”

“พี่ลานี่...” ในตอนนั้นเองที่เรนนี่เอ่ยเรียกพี่ชายด้วยเสียงหวานปนเศร้า มือพี่เลี้ยงสั่นจนเผลอทำโทรศัพท์ตก เมื่อดูจากหน้าจอของเบียงก้า เธอมองเห็นบลองช์ตกลงมาจากหน้าต่าง

เสียงโทรศัพท์ที่กระทบพื้นทำให้เบียงก้าตกใจจนฝ่ามือเย็นเฉียบ

เบียงก้าละทิ้งทุกอย่างลงแล้วเรียกแท็กซี่ ลิ้นของเธอพันกันในตอนที่บอกทางให้คนขับแท็กซี่ไปส่งยันคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด ตลอดเวลาการเดินทาง เธอก้มหน้าลงขณะที่พยายามโทรกลับไปหาสาวใช้คนนั้น

"ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียนไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้..."

แม้จะโทรหาไม่ติด แต่เบียงก้ายังคงโทรต่อจนมาถึงคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด

ที่ชั้นบนในคฤหาสน์

สาวใช้มองออกไปด้านนอก กระทั่งเห็นเบียงก้าลงจากรถ เธอก็เอ่ยด้วยความตื่นตระหนก “มาแล้วค่ะ มาแล้วค่ะ”

หลุยส์เหลือบมองลงไปข้างล่างเพื่อให้แน่ใจว่าเบียงก้ามาที่นี่จริง ๆ และเมื่อเขาเห็นว่าเธอมาแล้ว เขาก็เรียกเรนนี่มาและเอ่ยปากสั่ง “ลืมตาหน่อย”

เรนนี่ทำตามอย่างเชื่อฟัง

เมื่อยาหยอดตาสำหรับเด็กแรกเกิดและเด็กเล็กหยดลงไปในตา เธอขยี้ตาจนขนตาเปียก

หลังจากที่หลานสาวหยอดตาแล้ว ต่อไปก็เป็นตาของหลานชาย

“หลานสองคนต้องขยี้ตาให้แดงเลยนะ ส่วนอาจะไปซ่อนไม่ให้น้าบีรู้ว่าอาอยู่บ้าน” หลังจากที่หลุยส์เอ่ยจบเขาก็ออกไป เขาหันรีหันขวาง แล้วรีบวิ่งออกไป

สาวใช้ลงไปที่ชั้นล่างเพื่อเปิดประตูให้เบียงก้า

ขณะที่เดินขึ้นบันได สาวใช้ก็เอ่ยปาก “โชคดีจริง ๆค่ะที่นายน้อยขาหักไปแค่ข้างเดียว”

เบียงก้าเหลือบมองที่พี่เลี้ยงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง 'หักขาจะถือว่าโชคดีได้ยังไง?'

เมื่อเบียงก้าเข้ามาในห้องของลานี่ เธอเห็นเรนนี่คุกเข่าอยู่ตรงขอบเตียง แขนเล็ก ๆ ของเธอโอบรอบตัวพี่ชาย เธอหน้ามุ่ยด้วยปากเล็กๆ ขณะที่ดวงตาของเธอแดงและใบหน้าก็เต็มไปด้วยน้ำตา

เธอดูเศร้าสร้อยราวกับว่าเธอเพิ่งร้องไห้ไปไม่นาน

“หมอบอกว่าอะไรเหรอจ้ะ?” เบียงก้าเดินไปที่เตียงและเห็นว่าขาข้างหนึ่งของลานี่ถูกหุ้มด้วยปูนปลาสเตอร์ เบียงก้ารู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตาเด็กน้อย

ถ้าเธอยอมมาตั้งแต่แรก เด็กน้อยคนนี้ก็คงจะไม่โวยวายแล้วหล่นลงมา

“น้าบีคะ...” เรนนี่คลายกอดจากพี่ชายของตัวเอง แล้วเดินไปหาเบียงก้า

เบียงก้าอุ้มเรนนี่ที่เศร้าโศกขึ้นมาแล้วลูบศีรษะของเธอ เสียงของเธอละล่ำละลักออกมา “อย่าร้องไห้นะจ๊ะ มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันขอโทษนะ”

บลองช์ต้องการปลุกเร้าความรู้สึกผิดขอน้าบีให้มากกว่านี้ แต่เมื่อเขาเห็นว่าน้าบีละล่ำละลักออกมาเพราะการแสร้งร้องไห้ของเรนนี่ เมื่อเห็นอย่างนั้นหัวใจของเขาก็อ่อนยวบลง เขาพูดด้วยความอิจฉา “ผมคือคนเจ็บต่างหากนะครับ น้าบีชอบเรนนี่มากกว่าผมใช่ไหมครับ?”

เธอคิดไว้แล้วว่าเด็กชายตัวน้อยคงจะโกรธที่เธอมาช้าเกินไป แต่เขากลับทำตัวน่ารักกับเธอแทน

ดังนั้น เมื่อเบียงก้ามองไปที่ลานี่ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ

“ผมหิวแล้วครับ น้าบี… ผมอยากกินมักกะโรนีแม็คแอนด์ชีสเพิ่มชีสที่คุณทำเอง” บลองช์ไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ในร่างกาย พอเห็นว่าน้าบีมาก็รู้สึกอิ่มใจ หากแต่ท้องร้องด้วยความหิวโหย

"พวกคุณมีแม็คแอนด์ชีสสักกล่องไหมคะ?" เบียงก้าถามสาวใช้

สาวใช้ยิ้มและพยักหน้า เธอตอบ “มีค่ะ คุณครอว์ฟอร์ดมักจะไม่ยอมให้คุณหนูกับนายน้อยรับประทาน เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ฉันซ่อนไว้หลายห่อเลย เพราะโดยปกติแล้วเมื่อทั้งสองคนชอบทานมากค่ะ”

เบียงก้าไปที่ครัวกับเรนนี่

เด็กชายตัวน้อยที่แกล้งทำเป็นขาหักอยู่บนเตียงยื่นมือของเขาและแตะมือกับพี่เลี้ยง

เบียงก้ามีสูตรการทำแม็คแอนด์ชีสของตัวเอง

กลิ่นของชีสนั้นหอมหวนและอบอวลไปทั้งห้อง ในตอนนั้นเองที่เบียงก้าสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพี่เลี้ยง ในตอนเธอคนนั้นเข้ามาในครัว เธอกล่าวด้วยความเกรง "คุณเบียงก้าคะ พอนายท่านครอว์ฟอร์ดกลับมา ถ้าเกิดเขารู้ว่าฉันซ่อนแม็คแอนด์ชีสไว้ให้เด็ก ๆ ฉันเกรงว่าฉันคงจะตกงานแน่เลยค่ะ...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก