พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 107

สรุปบท บทที่ 107 น้าบีชอบเรนนี่มากกว่าผม ติดกับเข้าให้แล้วสินะ เบียงก้า: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก

บทที่ 107 น้าบีชอบเรนนี่มากกว่าผม ติดกับเข้าให้แล้วสินะ เบียงก้า – ตอนที่ต้องอ่านของ พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก

ตอนนี้ของ พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก โดย พะเนินเทินทึก ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 107 น้าบีชอบเรนนี่มากกว่าผม ติดกับเข้าให้แล้วสินะ เบียงก้า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“อุบัติเหตุเหรอคะ? เกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงของเบียงก้าเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว

“นายน้อย… นายน้อยบอกว่าเขาจะกระโดดลงจากชั้นสามค่ะ… เขาไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว!” สาวใช้อ้อนวอนเธอ "คุณเบียงก้า มาช่วยทีนะคะ!"

เบียงก้ากล่าว "ให้ฉันคุยกับเขาหน่อยค่ะ"

สาวใช้เอ่ยเรียกลานี่

ในตอนที่เบียงก้าเดินออกจากละแวกบ้าน พี่เลี้ยงก็พูดมาในโทรศัพท์อีกครั้ง “คุณหนูไม่ยอมคุยกับคุณค่ะ เขาบอกว่าเขาต้องเจอคุณตัวเป็น ๆ เท่านั้น”

“ไม่ต้องห่วงนะคะ เขาไม่โดดหรอกค่ะ”เบียงก้าเอ่ยปลอบพี่เลี้ยงที่กำลังตระหนัก “ฉันเคยได้ยินเรื่องเด็กนักเรียนที่กระโดดฆ่าตัวตายเพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ผ่าน แล้วก็เคยได้ยินเรื่องที่ผู้ใหญ่กระโดดฆ่าตัวตายมามาก แต่ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องที่เด็กเล็กอย่างเขาจะกระโดดลงมาก่อนเลย”

เมื่อสาวใช้ได้ยินสิ่งที่เบียงก้าพูด เธอก็ตอบกลับทันที “คุณเบียงก้าคะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะขึ้นไปหานายน้อยอีกรอบนะคะ”

เบียงก้าตอบรับ

“ถ้าเด็ก ๆ สร้างปัญหาอีก ให้โทรหาพ่อของเขา ไม่ก็คุณย่า ไม่ก็ปู่ หรือไม่ก็อาของเขานะคะ...”

เขามีญาติอีกหลายคนที่สาวใช้จะโทรหาได้

เธอเพิ่งพาปู่ออกจากคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดได้แท้ ๆ เพียงแค่เรื่องของเด็ก ๆ ไม่เพียงพอจะให้เธอกล้าเสี่ยงเข้าไป…

ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด

เมื่อบลองช์ได้ยินคำพูดจากปากของสาวใช้ เขาก็พูดด้วยความโกรธขณะยืนอยู่ข้างหน้าต่าง “น้าบีไม่สนใจเหรอว่าผมจะอยู่หรือตาย?”

“ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนใจว่าคุณหนูจะอยู่หรือตายหรอกค่ะ แค่...” สาวใช้เพิ่งตระหนักถึงความไร้สาระของเรื่องราวนี้ ใครจะไปเชื่อลงว่าเด็กจะกระโดดตึก?

นอกจากนี้ นายน้อยไม่ใช่เด็กกำพร้าที่ไร้พ่อขาดแม่เสียหน่อย ครอบครัวของเขาน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของเขาเองสิ

บลองช์ถอนหายใจออกด้วยความโมโห

ในขณะนั้น หลุยส์ลงไปชั้นล่างและเห็นว่าหลานชายของเขากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ เขาเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจนัก “หลานทำอะไรอยู่? ไม่ไปเรียนรึไง?”

“ผมปิดเทอมฤดูร้อนอยู่ครับ...” บลองช์เหลือบมองอาโดยปราศจากคำพูดและส่อแววเหยียดหยาม

หลุยส์กล่าวอย่างร่าเริง “ในเมื่ออยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ทำไมหลานไม่ออกไปเล่นข้างนอกล่ะ ยืนริมหน้าต่างเป็นงานอดิเรกของหลานเหรอ? ดูวิวมันสนุกนักเหรอ?”

อีกด้านหนึ่งเบียงก้ามาถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ก่อนที่เธอจะเข้าไปในนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์บ้าน หากแต่เป็นเบอร์โทรศัพท์ที่เธอไม่รู้จัก

เบียงก้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับสาย “สวัสดีค่ะ เบียงก้าพูดค่ะ”

“คุณเบียงก้าคะ! ฉันเป็นสาวใช้ที่ทำงานกับครอบครัวครอว์ฟอร์ดนะคะ! ฉันเป็นคนโทรหาคุณเมื่อกี้นี้เอง! คุณหนูกำลังจะกระโดดจากตึกจริง ๆ นะคะ! ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ฉันจะให้คุณดูด้วยตาตัวเอง!”

หลังจากได้ยินสิ่งที่พี่เลี้ยงพูด เบียงก้ายกโทรศัพท์ออกจากหู เมื่อก้มลงมองโทรศัพท์บนหน้าจอปรากฏให้เห็นว่าบลองช์กำลังนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างชั้นสาม

ร่างเล็ก ๆของเขานั่งอยู่บนขอบหน้าต่างบานใหญ่

เนื่องจากขอบหน้าต่างบาง เด็กจึงไม่สามารถนั่งบนนั้นได้พอเหมาะ ร่างของเขาสั่นเทา เขาหันหลังไปทางสวนที่อยู่ชั้นล่าง

แม้ว่ามันจะเป็นสนามหญ้า แต่มันก็เป็นพื้นแข็ง

หากไม่ระวัง ลานี่อาจจะตกลงไป ถ้าเป็นอย่างนั้นแขนขาเล็ก ๆ ของเขาคงจะไม่สามารถขยับได้อีกครั้งแน่

“อย่าเข้ามาใกล้ผม ไม่งั้นผมจะโดดจริง ๆ ด้วย...” เด็กชายร้องไห้พลางตะโกนออกมา

“ได้ค่ะ ฉันจะไม่เข้าไปใกล้นายน้อยเลย ฉันจะไม่ทำอย่างนั้น” สาวใช้เอ่ยถามเบียงก้าผ่านวิดีโอคอล "ฉันควรทำยังไงดีคะ? ฉันแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับนายน้อย แม้แต่ชีวิตฉันก็ชดใช้ให้พวกเขาไม่ได้!”

“มีผู้ใหญ่คนไหนอยู่ที่บ้านรึเปล่าคะ?” เบียงก้าขมวดคิ้วและถามเสียงดัง

สาวใช้ส่ายศีรษะ “ไม่มีเลยค่ะ พอคุณไป ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดก็ออกไปดื่มชากับเพื่อนเก่า ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงติดต่อพวกเขาไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นคือนายน้อยต้องการพบคุณคนเดียวเท่านั้นค่ะคุณเบียงก้า”

“ส่งโทรศัพท์ให้เขาทีค่ะ ฉันจะคุยกับเขาเอง” เบียงก้าประนีประนอม

เมื่อเบียงก้าเข้ามาในห้องของลานี่ เธอเห็นเรนนี่คุกเข่าอยู่ตรงขอบเตียง แขนเล็ก ๆ ของเธอโอบรอบตัวพี่ชาย เธอหน้ามุ่ยด้วยปากเล็กๆ ขณะที่ดวงตาของเธอแดงและใบหน้าก็เต็มไปด้วยน้ำตา

เธอดูเศร้าสร้อยราวกับว่าเธอเพิ่งร้องไห้ไปไม่นาน

“หมอบอกว่าอะไรเหรอจ้ะ?” เบียงก้าเดินไปที่เตียงและเห็นว่าขาข้างหนึ่งของลานี่ถูกหุ้มด้วยปูนปลาสเตอร์ เบียงก้ารู้สึกผิดจนไม่กล้าสบตาเด็กน้อย

ถ้าเธอยอมมาตั้งแต่แรก เด็กน้อยคนนี้ก็คงจะไม่โวยวายแล้วหล่นลงมา

“น้าบีคะ...” เรนนี่คลายกอดจากพี่ชายของตัวเอง แล้วเดินไปหาเบียงก้า

เบียงก้าอุ้มเรนนี่ที่เศร้าโศกขึ้นมาแล้วลูบศีรษะของเธอ เสียงของเธอละล่ำละลักออกมา “อย่าร้องไห้นะจ๊ะ มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันขอโทษนะ”

บลองช์ต้องการปลุกเร้าความรู้สึกผิดขอน้าบีให้มากกว่านี้ แต่เมื่อเขาเห็นว่าน้าบีละล่ำละลักออกมาเพราะการแสร้งร้องไห้ของเรนนี่ เมื่อเห็นอย่างนั้นหัวใจของเขาก็อ่อนยวบลง เขาพูดด้วยความอิจฉา “ผมคือคนเจ็บต่างหากนะครับ น้าบีชอบเรนนี่มากกว่าผมใช่ไหมครับ?”

เธอคิดไว้แล้วว่าเด็กชายตัวน้อยคงจะโกรธที่เธอมาช้าเกินไป แต่เขากลับทำตัวน่ารักกับเธอแทน

ดังนั้น เมื่อเบียงก้ามองไปที่ลานี่ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ

“ผมหิวแล้วครับ น้าบี… ผมอยากกินมักกะโรนีแม็คแอนด์ชีสเพิ่มชีสที่คุณทำเอง” บลองช์ไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ ในร่างกาย พอเห็นว่าน้าบีมาก็รู้สึกอิ่มใจ หากแต่ท้องร้องด้วยความหิวโหย

"พวกคุณมีแม็คแอนด์ชีสสักกล่องไหมคะ?" เบียงก้าถามสาวใช้

สาวใช้ยิ้มและพยักหน้า เธอตอบ “มีค่ะ คุณครอว์ฟอร์ดมักจะไม่ยอมให้คุณหนูกับนายน้อยรับประทาน เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ฉันซ่อนไว้หลายห่อเลย เพราะโดยปกติแล้วเมื่อทั้งสองคนชอบทานมากค่ะ”

เบียงก้าไปที่ครัวกับเรนนี่

เด็กชายตัวน้อยที่แกล้งทำเป็นขาหักอยู่บนเตียงยื่นมือของเขาและแตะมือกับพี่เลี้ยง

เบียงก้ามีสูตรการทำแม็คแอนด์ชีสของตัวเอง

กลิ่นของชีสนั้นหอมหวนและอบอวลไปทั้งห้อง ในตอนนั้นเองที่เบียงก้าสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพี่เลี้ยง ในตอนเธอคนนั้นเข้ามาในครัว เธอกล่าวด้วยความเกรง "คุณเบียงก้าคะ พอนายท่านครอว์ฟอร์ดกลับมา ถ้าเกิดเขารู้ว่าฉันซ่อนแม็คแอนด์ชีสไว้ให้เด็ก ๆ ฉันเกรงว่าฉันคงจะตกงานแน่เลยค่ะ...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก