พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 114

เบียงก้าคิดว่าเขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ

เขาจะต้องเป็นเจ้าโรคจิตที่กู่ไม่กลับแล้วแน่!

พวกเขาอยู่ที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด และคุณปู่ของเขาก็อาจจะกลับมาได้ทุกเมื่อ

นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ และพี่เลี้ยงที่สามารถมาปรากฏตัวได้ทุกเมื่อเพื่อเป็นพยานในเหตุการณ์นี้

แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากที่สุดคือการที่เธอถูกจูบจาก...ลูกชายแท้ ๆ ของอลิสัน

เขาเป็นพี่…

'ไม่ เธอจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้

'มันยุ่งเหยิงเกินไป’

“ปล่อย! ปล่อยฉันนะ!” เบียงก้าดิ้นรน เธอพยายามดันร่างของเขาออกไป

ลุคพยายามดันริมฝีปากและลิ้นของเขาเข้าไปในปากของเธอเมื่อเธอพยายามจะพูด เขาฉวยโอกาสที่เธอพูด ดันลิ้นลงลึกขึ้นและสัมผัสไปทั่วทั้งปากที่อ่อนหวานของเธอ

ลมหายใจของผู้ชายที่เร่าร้อนพัดผ่านใบหน้าของเธอจนทำให้ขนบนผิวหนังลุกขึ้น มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย

ชายผู้นั้นจูบและบีบมือเธอเข้ากับกำแพงในขณะที่เธอดิ้นรนต่อสู้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เธออ่อนแอเกินไปและไม่สามารถเอาชนะความแข็งแรงของลุคได้ ใบหน้าที่คมเข้มก้มลงที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง จนทำให้เธอหายใจติดขัด เธอดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่มันกลับทำให้ชายผู้นั้นรู้สึกโกรธเคืองมากขึ้น

ในขณะที่เขากัดริมฝีปากอันบอบบางของเธอ มืออีกข้างหนึ่งที่กำลังถือบุหรี่เอาไว้ก็ถูกกดลงกับผนังเพราะความดิ้นรนของเธอ ประกายไฟและก้นบุหรี่ที่ยังไม่ดับสนิทก็ร่วงลงบนพื้น

ลุครีบแก้เน็กไทออกด้วยมือข้างหนึ่ง

ในขณะที่ริมฝีปากและลิ้นของเธอกำลังอดทนต่อต่อความบ้าคลั่งอันรุนแรง เธอก็รู้สึกได้ว่ามือของเธอถูกเขาตรึงเอาไว้แน่น

วินาทีต่อมา เบียงก้าเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก

"คุณกำลังทำอะไร?!"

ชายผู้นั้นมัดมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ด้วยเน็กไทของเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาทำตัวราวกับผู้ชายโรคจิต

มือทั้งสองข้างของเธอจึงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

ปฏิกิริยาแรกของเธอคือการวิ่งหนี

แต่แล้วชายผู้นั้นก็อุ้มร่างกายของเธอขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนของเขา

เธอพยายามสุดแรงเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้

ลุคอุ้มเธอขึ้นราวกับปีศาจและเดินเข้าไปในห้องนอนของเขาในขณะที่เบียงก้าพยายามตะโกนเรียกเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก่อนที่เธอจะได้ส่งเสียงร้องไปมากกว่านั้น เขาก็ก้มหน้าลงจูบที่ริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงอีกครั้ง

เขากัดลิ้นที่ดื้อรั้นของเธอ

เมื่อลุคพาเบียงก้าเข้ามาในห้องนอน เขาก็โยนเธอลงบนเตียง

เธอถูกโยนลงบนเตียงที่หรูหรา แขนทั้งสองข้างของเธออ่อนล้าเกินกว่าที่จะดันตัวเองขึ้นมาได้ ลุคเดินออกไปไม่กี่ก้าวหลังจากที่โยนเธอลงบนเตียง จากนั้นเขาก็ล็อกประตู

เธอรู้ว่าเขาต้องการอะไร

“ถ้าคุณคิดจะทำอะไรบ้า ๆ กับฉัน ฉันสาบานได้ว่าฉันจะฟ้องร้องคุณในข้อหาข่มขืน” เบียงก้าดิ้นรนและพยายามลุกออกจากเตียง

เมื่อชายผู้นั้นล็อกประตูแล้ว เธอเห็นว่าเขายืนหันหลังอยู่ เธอจึงต้องการหนีออกไป ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่า โอกาสในการหลบหนีของเธอนั้นเป็นศูนย์ก็ตาม แต่อย่างน้อย เธอก็ต้องพยายามออกไปจากที่นี่ให้ได้

เมื่อเขาหันกลับมา เธอก็ได้เห็นดวงตาที่ลึกล้ำของเขา เขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อของเขาที่ละเม็ดด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งดึงเธอเข้ามาไว้อ้อมแขน จากนั้นร่างของเธอก็ถูกกดลงบนเตียง

“...”

เบียงก้าเป็นดั่งปลาบนเขียงที่รอเวลาถูกฆ่า

ลุคก็กดเธอเอาไว้ใต้ร่างของเขาจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก หน้าของทั้งสองอยู่ในระยะประชิด

ชายผู้นั้นจ้องมองดวงตาที่เปื้อนน้ำตาของเธอ เขาดันตัวขึ้นเล็กน้อย จากนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นความโหดร้ายอย่างกะทันหัน ด้วยร่างกายของเธอที่ยังคงดื้อรั้นและไม่ยอมเชื่อฟังเขา เขาจึงดึงเสื้อของเธอขึ้นไปจนสุดที่หัวไหล่

เธอรู้สึกได้ถึงลมเย็นของเครื่องปรับอากาศที่พัดผ่านร่างกายส่วนบนของเธอจนทำให้หนาวสั่น

“ไม่ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้” เธอหวาดกลัวและรู้สึกเสียวซ่านจนไปถึงกระดูกสันหลัง

ลุคกดใบหน้าของเขาลงบนร่างกายของเธอ เธออ้าปากค้างและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง

“เอ่อ...อ่า...” เสียงคร่ำครวญที่ทนไม่ไหวออกจากปากของเธออย่างแผ่วเบา

จากนั้น ความรู้สึกอับอายก็เกิดขึ้นภายในใจของเบียงก้าถึงร้อยพันเท่า

ลุคไม่แยแสต่อเสียงกรีดร้องของเธอ

ในเวลานี้ ไม่มีใครอยู่ในคฤหาสน์ และพวกเด็ก ๆ ก็หลับไปแล้ว ห้องนอนของลุคก็เป็นห้องเก็บเสียง และเมื่อหน้าต่างถูกปิด จึงไม่มีใครจะสามารถได้ยินเสียงร้องของเธอได้

แต่ถ้าหากว่ามีใครกลับมาและได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอจริง ๆ พวกเขาจะรู้ได้ทันทีว่าลุคกำลังทำเรื่องส่วนตัวอยู่ ดังนั้น พวกเขาก็จะไม่เข้ามาวุ่นวาย แต่อาจจะเกิดการนินทาขึ้นเล็กน้อย

เบียงก้าเหลือบไปเห็นมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่บนตู้

ในช่วงเวลาที่คุณปู่พักฟื้นอยู่ในห้องนอน เธอได้ขอมีดปอกผลไม้จากพี่เลี้ยง เพื่อนำมาปอกผลไม้ให้กับคุณปู่ และเธอก็ไม่คิดว่ามันจะยังอยู่ในห้องนอนของเขา

ลุคปล่อยริมฝีปากสีแดงสดของเธอออก จนเธอสามารถหายใจได้สะดวกในที่สุด ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาเธอรู้สึกเจ็บปวดและสิ้นหวัง “คุณเห็นฉันเป็นอะไร? ฉันเป็นของเล่นของคุณอย่างนั้นเหรอ? ฉันเป็นที่ระบายอารมณ์ของคุณรึยังไงกัน?”

หลังจากที่พูดเช่นนั้น เธอก็เริ่มร้องไห้หนักขึ้น

การดิ้นรนต่อสู้กับเขาจะไม่เป็นผล ดังนั้น เธอจึงปล่อยตัวเองให้อ่อนแอลง

ลุคยกนิ้วขึ้นมาและปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธออย่างระมัดระวัง

เขาลุกขึ้นยืนที่ข้างเตียง จากนั้น เขาก็ดึงเธอขึ้นมากอด เขากดหน้าผากของเขาลงบนใบหน้าของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “คุณไม่มีความสุขที่ผมสัมผัสคุณอย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่ ฉันไม่มีความสุข” เธอตอบโดยไม่ลังเล

“คุณสนุกกับมันมากที่โรงแรมก่อนหน้านี้ หรือคุณจะบอกว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นของปลอมกันล่ะ?” ลุคจูบที่ริมฝีปากที่บอบบางของเธอเบา ๆ และกระซิบข้างหูของเธอว่า “ผมยังจำเสียงครวญครางของคุณได้อยู่เลย”

เบียงก้าหายใจติดขัด ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว ในขณะที่ลิ้นของเธอถูกบังคับให้พูดโกหก "ฉันรู้สึกสนุกมากกว่าถ้าได้อยู่ภายใต้ร่างของฌอง ... "

ก่อนที่จะได้พูดอะไรอีก เธอก็สัมผัสได้ถึงความหึงหวงและความโกรธที่ปะทุออกมาจากร่างของชายผู้นั้น

ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเสียใจที่เธอทำให้เขาโกรธ เมื่อร่างของเธอถูกดึงขึ้นจากเตียง จากนั้น เขาก็พลิกตัวของเธอเข้ากับกำแพงและกดเธอลงอย่างไร้ความปรานี เธอตระหนักได้ว่า เธอควรจะทำตัวนุ่มนวลต่อไปและเกลี้ยกล่อมเขาด้วยคำพูดที่ไพเราะ…

ใบหน้าอันซีดเซียวของเธอถูกกดลงบนกำแพง เธอทำได้เพียงก้มหน้าลงกับผนังและมองดูร่างของตัวเอง มือก็ถูกมัดด้วยเน็กไทจนไม่สามารถต่อต้านเขาได้

ลุคหายใจหอบหนักในขณะที่แนบร่างกำยำไว้ที่ด้านหลังของเธอ

เขาไม่สามารถควบคุมความโกรธตัวเองได้ แขนของเขาโอบรอบเอวอันบอบบางของเธอ เขากดริมฝีปากแนบกับใบหูของเธอแล้วพูดอย่างแผ่วเบา “แสดงให้ผมเห็นสิ ว่าคุณครางโดนผู้ชายคนนั้นขึ้นคร่อมยังไง”

“ลุค คุณปู่ของคุณรู้ไหมว่าคุณมันโรคจิตขนาดไหน?! ลูกชายและลูกสาวของคุณรู้ไหมว่าคุณมันไร้ยางอายมากแค่ไหน?!” เบียงก้าที่ถูกกดเข้ากับกำแพงกล่าวด้วยความขุ่นเคือง ใบหน้าของเธอถูกห้อมล้อมไปด้วยลมหายใจของเขา เสื้อเธอถูกดึงขึ้นอย่างยุ่งเหยิงในขณะที่กระโปรงของเธอก็ดูไม่เรียบร้อย

ริมฝีปากอันยั่วเย้าของลุคแตะที่ใบหูส่วนล่างของเธอ เขากระซิบว่า “ผมยอมให้คุณเป็นคนเดียวที่รู้ว่า ผมเลวทรามและไร้ยางอายมากแค่ไหนก็พอ”

"อืม..." ลมหายใจที่มีกลิ่นของยาสูบเล็กน้อยของลุคไหลผ่านใบหูของเธอเข้าไปในสมอง

เธอไม่สามารถควบคุมอาการสั่นสะท้านที่ไหลผ่านร่างกายของเธอได้

ลุคเอื้อมมือไปจับที่แก้มอันซีดเซียวและร้อนผ่าวของเธอเบา ๆ "ถ้าหากว่าคุณไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มากนัก คุณจะต้องร้องออกมาว่าเจ็บใช่ไหม?"

ในขณะที่พูดเช่นนั้นเขา ลุคก็ยกนิ้วขึ้นมาและสัมผัสที่ริมฝีปากอันบอบบางของเธอ เขาใช้นิ้วโป้งลูบที่ริมฝีปากสีแดงอันร้อนรุ่มและพูดว่า "ผมพนันได้เลยว่าริมฝีปากเล็ก ๆ ของคุณ จะต้องไม่เคยเอ่ยคำลามกและขอร้องให้ผู้ชายมอบความเร่าร้อนให้กับคุณมากกว่านี้..."

ฉับพลัน เขาก็นึกถึงฉากเมื่อห้าปีที่แล้วขึ้นมาได้

เบียงก้าทำได้เพียงกัดริมฝีปากและหลับตาลง เธอแทบจะหายใจไม่ออก มันเป็นความจริงที่เธอไม่เคยสบถคำเหล่านั้นใส่ผู้ชายมาก่อน และแม้แต่ตอนที่เธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่เธอทำข้อตกลงที่จะคลอดลูกให้ก็ตาม...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก