รถยนต์สองคันแล่นออกจากโรงแรมชื่อดัง จากนั้นมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมที่พวกเขาพักอยู่
เมื่อพวกเขามาถึงที่หมาย เบียงก้าก้าวออกจากรถ
ซูก้าวตามลงมา
ที่หน้าประตูทางเข้า พวกเขาพบว่าเจสัน ดอยล์กำลังรออยู่ก่อนแล้ว เขาสวมชุดสูทที่ดูสง่าเข้าคู่กับรองเท้าหนังเป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะ คุณดอยล์” เบียงก้าทักทายเจสันเหมือนอย่างที่ซูและคนอื่น ๆ ทำ
เจสันพยักหน้ารับคำทักทายของเบียงก้า หากแต่สายตาที่จ้องมองเธอเขม็งนั้นแตกต่างจากคนอื่น
หลังจากที่เบียงก้าเดินเข้าไปถึงล็อบบี้ของโรงแรม เจสันก็ยังคงจ้องตามเธอไปอย่างนั้น
เมื่อลุคลงมาจากรถ เขาก็สังเกตได้ถึงปฏิกิริยาที่ผิดปกติของเจสัน
ลุคจ้องมองไปยังเจสัน กระทั่งเมื่อเจสันรู้สึกถึงความผิดปกตินั้นแล้ว เขาจึงหันกลับมามองเจ้านายอย่างแนบเนียน
เขายืนตรงอย่างสูงสง่า ลุคสาวเท้าเข้าไปในโรงแรม น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขึ้น “คุณกำลังมองเธออยู่”
ลุคพูดกับเจสันที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา
เจสันใคร่ครวญอยู่ในใจว่าตัวเองควรจะตอบอะไรกลับไปหรือไม่ ไม่นานนักเขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บงำสิ่งเหล่านั้นไว้กับตัวเอง “เปล่าครับ ผมเปล่า”
แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ !
ลุคมองเจสันด้วยสายตาเคลือบแคลงมากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นเอง ฌองลงจากรถแล้วเดินเข้ามาในโรงแรม เขาเหน็บแล็ปท็อปไว้กับแขนข้างหนึ่ง เขาเห็นเจ้านายของตนกับผู้ช่วยพิเศษดอยล์ยืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์ เขาได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ อย่างไรก็ต้องทักทายพวกเขาอย่างไม่มีทางเลือก “สวัสดีครับ คุณดอยล์ คุณครอว์ฟอร์ด”
ลุคส่งสายตาคมปราดไปยังผู้มาใหม่
“ผมฌอง แลงดอน เป็นพนักงานใหม่ของฝ่ายออกแบบครับ” ฌองแนะนำตัวเอง “ผมไม่ได้ตั้งใจจะขวางทางคุณครับ คุณครอว์ฟอร์ด เพราะงั้นผมจะขึ้นไปชั้นบนเดี๋ยวนี้เลย”
สายตาของลุคยังคงเป็นเช่นเดิม แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนทั่วทั้งร่างของเขากำลังถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งเย็นยะเยือกจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
เมื่อกลับขึ้นมาที่ห้องชั้นบน ลุคปลดกระดุมที่ถูกออกแบบอย่างประณีตบรรจงออก ขณะที่เหลือบมองไปยังเด็กน้อยทั้งสองที่หลับอยู่บนเตียงเพราะเหนื่อยอ่อนจากการเล่นมาทั้งวัน
เขาเดินมุ่งหน้าไปยังบาร์ในห้องสวีทสุดหรู จากนั้นเปิดขวดไวน์แดงออกแล้วรินมันใส่แก้ว
ใบหน้าของเขายังคงบึ้งตึงอยู่ ก่อนจะกระดกไวน์ในแก้วขึ้นดื่ม ปล่อยให้ของเหลวเย็นเฉียบไหลลงคอ
หลังจากนั้นไม่นานนัก เด็กทั้งสองก็ตื่นขึ้น
พี่ชายนั้นเป็นคนตื่นขึ้นก่อน เขาแปรงฟันและล้างหน้า หลังจากนั้นจึงกลับมาที่ห้องแล้วช่วยน้องสาวเลือกชุดเจ้าหญิงของเธอ
“เกิดอะไรขึ้นกับพ่อรึเปล่าคะ พี่ชาย”
พี่ชายของเธอส่ายศีรษะ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของพวกเขาเช่นกัน แต่เขาก็รู้ว่า “เด็กไม่ควรยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่นะ”
...
ณ ชั้นล่าง
ฌองวางกระเป๋าแล็ปท็อปลงแล้วเข้าไปสวมกอดเบียงก้า
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” เบียงก้าเอ่ยถามเพราะไม่คุ้นชินกับกอดที่กระทันหันนี้
เขาทั้งคู่คบกันอย่างเปิดเผยมาเป็นปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ค่อยสนิทกันเท่าที่ควร
เบียงก้าไม่ชอบการถูกสัมผัสทางร่างกาย และฌองเองก็เข้าใจในสิ่งนั้น เขาไม่เคยทำอะไรเกินขอบเขต
แม้ว่าคราวนี้ ท่าทางของฌองจะดูแปลกไปก็ตาม
“ไม่มีอะไรนี่ พี่ก็แค่คิดถึงเธอ ก็เลยอยากกอดเธอเท่านั้นเอง” ฌองตอบอย่างเอือยเฉือย
เบียงก้าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
คืนนั้น พวกเขาสองคนรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
หลังจากนั้น ฌองแนะนำว่าพวกเขาควรจะไปหาซื้อเสื้อผ้า เนื่องจากมีเวลาอันน้อยนิด ทำให้เขาไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย
ตอนสามทุ่มครึ่งของคืนนั้น หลังจากที่ได้ทุกอย่างที่จำเป็นแล้ว พวกเขาจึงมุ่งหน้ากลับโรงแรม
“ผมต้องการหนึ่งห้องครับ ขอบคุณ” ฌองหยิบบัตรประชาชนออกมาแล้วยื่นให้พนักงานต้อนรับ
เบียงก้ารอเขาอยู่ด้านนอก เธอพลันนึกได้ว่าเมื่อคืนพนักงานต้อนรับบอกว่าไม่มีห้องพักว่างเหลือเลย
พนักงานต้อนรับค้นหาห้องว่างจากฐานข้อมูล เป็นอย่างที่เบียงก้าคิด พนักงานต้อนรับเงยหน้าขึ้นและกล่าว “ขออภัยค่ะ ตอนนี้เราไม่มีห้องว่างเหลืออยู่เลย”
ฌองขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก ก่อนจะหันมามองเบียงก้า
ทั้งสองคนขึ้นลิฟต์มุ่งหน้าไปยังชั้นบน
ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องของเบียงก้า ฌองก็เอ่ยปากขึ้น “พี่ขอนอนห้องเธอได้รึเปล่า? เธอนอนที่เตียงได้เลยนะ พี่จะนอนที่โซฟาเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก