พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 121

เมื่อมองไปที่แก้วน้ำ เบียงก้าก็รู้สึกกระหายน้ำเพราะอะไรก็ไม่ทราบได้

หลังจากที่ลุคจูบเธอเกือบทั้งคืน ริมฝีปากของเธอก็แห้งเหือดและบวมแดง

เธอคว้าแก้วน้ำนั้นมาดับกระหาย จากนั้นจึงวางแก้วลงก่อนจะลุกออกจากเตียง เมื่อเดินไปที่ห้องน้ำ ดูเหมือนเธอจะจำอะไรบางอย่างได้ ฉับพลัน เธอก็หันกลับมามอง กระนั้น ก่อนที่เธอจะได้มีโอกาสถามว่าเสื้อผ้าของตนอยู่ที่ไหน ชายคนนั้นดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่มือใหญ่อีกข้างโอบเอวของเธอไว้แน่น และเขาโน้มตัวจุมพิตเธอด้วยไฟตัณหาอันร้อนแรง

เธอใช้กำลังทั้งหมดเพื่อต้านแรงเขา ขณะที่กำลังพยายามคว้าแขนที่แข็งแรงของเขา เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เหนียวเหนอะหนะ…

เมื่อเธอหันไปมองบริเวณมือ ปรากฏว่าแขนเสื้อชุดนอนของเขากลับเปื้อนเลือดเต็มไปหมด เนื่องจากสีชุดคลุมเป็นสีเข้ม เธอจึงแทบจะมองไม่ออกว่านั่นคือเลือด

เมื่อจูบอันร้อนแรงเลื่อนผ่านแก้มลงไปยังริมฝีปากอันแห้งผากของเธอ จากนั้นไล่ลงไปยังซอกคอ เธอเห็นว่านิ้วมือเปื้อนเลือดจากบาดแผลบริเวณแขนของเขาไปหมดแล้ว…

ทันใดนั้น เบียงก้าก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กไปเสียแล้ว

เขาเป็นคนบ้า บ้าอย่างไร้หนทางเยียวยาจริง ๆ

เขายังคงจูบเธอและเริ่มรุกล้ำไปทั่วทุกตารางนิ้วบนร่างกายเธอ

ขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองยังคงสอดประสานกันอยู่ เขาก็ผลักเธอลงบนเตียง

เมื่อล้มตัวลงนอน เบียงก้าลืมตาขึ้นด้วยความสิ้นหวัง แล้วเธอจ้องไปยังร่างที่คร่อมเธอเอาไว้ นัยน์ตาแฝงไปด้วยร่องรอยแห่งความระทมอย่างชัดเจน

"ทำไมถึงหยุดล่ะ? แค่นี้ก็พอใจแล้วเหรอ?" เธอเอ่ยปากถามชายที่จ้องมองเธอพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเป็นปม

ลุคหายใจหอบ ดวงตาเย็นชา เขาคุกเข่าลงบนเตียงและจ้องมองหญิงสาวด้านใต้เป็นเวลานานก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมจะรู้สึกพอใจในตัวคุณได้ยังไง?” จากนั้น มือใหญ่ของชายคนนั้นก็จับข้อเท้าเธอไว้

ชายคนนั้นยกขาของเธอขึ้นสูง และดันขาทั้งสองข้างขึ้นไปในระดับศีรษะของเธอ

“โอ๊ย!” เบียงก้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ด้วยท่าทางและสถานะเช่นนี้ทำให้เธอเขินอายไม่น้อย แต่เธอก็ไม่สามารถทางวิ่งหนีไปไหนได้

สายรัดบนชุดคลุมของลุคคลาย จากเขากระตุกปมของสายรัดออก

เบียงก้าเฝ้าดูสิ่งที่น่าหวาดหวั่นของเขาถูกปลดออกมาจากโซ่ที่ล่ามเอาไว้

“อยากได้ขนาดนั้นเลยเหรอ? เมื่อคืน ฌองทำให้คุณผิดหวังมา คุณก็เลยอยากจะลองทำอะไรสนุก ๆ กับเขาอีกรอบวันนี้แทนงั้นเหรอ? ตอนนี้คุณก็เลยจะมายั่วยวนผมเพราะอยากจะแก้แค้นเขาอีกครั้งเหรอ?” ลุคพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมกับสอดใส่ของรักของเขาเข้าไปในร่างกายเธอส่วนหนึ่ง

เบียงก้ากัดฟันด้วยความเจ็บปวด เธอตัวสั่นสะท้านและคิ้วขมวดพลางส่ายหน้า “อยากทำอะไรก็รีบทำ ยังไง คนที่จะมีความสุขก็มีแต่คุณคนเดียวเท่านั้น”

เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นผู้ครอบครองร่างกายเธอแต่เพียงผู้เดียว และแน่นอนเขาได้ในสิ่งที่เขาอยากได้เสมอ

เมื่อคืน เธอแน่ใจว่าเธอถูกวางยา หลังจากเหตุการณ์นั้น เธอระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเมื่อเวลาออกไปข้างนอก เธอไม่เคยแตะต้องอะไรจากฌองอีกเลย ถ้าฌองมาใกล้เธอมากกว่าหนึ่งเมตร เธอจะเดินหนีไปด้วยความตื่นตกใจ

ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอยังคงพลาดเรื่องการป้องกันตัวเอง

ชีวิตเช่นนี้มันเหนื่อยล้าเหลือเกิน

เธอแค่อยากให้พ่อหายดี อยากให้คุณปู่มีความสุข และใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนคนปกติทั่วไป แต่ทุกอย่างกลับดูเหมือนว่า แค่ต้องการแสวงหาชีวิตที่เรียบง่ายก็ยังไม่สามารถทำได้

เธอไม่เคยคิดอยากตายมากขนาดนี้มากก่อนเลยในชีวิต

เธอยอมกัดฟันอดทนกับความทุกข์ยากและความเลวร้ายทั้งหมดด้วยตัวของเธอเอง

ถ้าเธอตาย เธอจะเป็นอิสระจากทุกสิ่ง ทันทีที่ดวงตาทั้งสองหลับลง เธอก็รู้สึกถึงความสงบสุขที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอลิสันอาจทำให้เธอต้องตกนรกหลังจากที่ตายไปแล้ว เธอสงสัยว่าเธอจะต้องทุกข์ทรมานแบบไหนกันเมื่อต้องเดินทางอยู่ในนรกขุมนั้น ๆ

"ออกไป" ทันใดนั้น เสียงที่ต่ำและแหบแห้งดังมาจากด้านบนร่างกายเธอ ร่างกายรู้สึกเบาสบายขึ้น ชายคร่อมร่างกายเธออยู่ลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องน้ำ เขาเน้นย้ำคำพูดนั้นว่า "ผมไม่อยากจะเจอหน้าคุณอีก"

ลุคยืนอยู่ในห้องน้ำด้วยใบหน้ามืดมนพลางจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ คิ้วขมวดเป็นปมและหลับคู่งามของเขาลง ปากที่กำลังคาบบุหรี่พ่นควันสีขาวออกมา

ภาพในหัววาดฝันถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ โดยเฉพาะบริเวณเนินหน้าอกของเธอที่มือใหญ่ทั้งสองข้างของเขาขยำเล่น

ตอนที่เธอหลับใหล เธอนั้นแสดงท่าทีว่าง่ายกว่าตอนที่ลืมตาตื่นมากนัก

ในขณะนั้น ลุคก็เข้าใจความจริงในท้ายที่สุด สิ่งที่ได้มาครองโดยไม่ได้รับความยินยอมย่อมปราศรสชาติอันโอชะใด ๆ

เขาอยากให้เธอต้องการร่างกายของเขาจากก้นบึกของจิตใจ

...

เบียงก้าคิดว่าเธอจะไม่สามารถออกจากที่นั่นได้ในเช้าวันนั้น อย่างไรเสีย ตอนนี้ราวกับว่าเขาคนนั้นกำลังจะเสียสติไปอีกครั้ง

ลุคเข้าไปในห้องน้ำและออกมาอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปที่ระเบียงโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ

เธอไปเข้าห้องน้ำเพื่อมองหาเสื้อผ้าของตน แต่ เมื่อเธอหยิบเสื้อผ้ากองโตขึ้นมา เธอพบว่าไม่มีตัวไหนเลยที่เธอสามารถใส่ได้เพราะเปียกไปหมดแล้ว เธอมองไปรอบ ๆ และพบกับกระเป๋าใบหนึ่ง

เธอใส่เสื้อผ้าลงในกระเป๋าและติดกระดุมชุดนอนที่สวมอยู่รวมทั้งผูกเชือกของชุดคลุมไว้อย่างเหมาะสม จากนั้น เธอจึงออกด้านนอกทั้ง ๆ ที่อยู่ในสภาพเช่นนั้น

ไม่ว่าชุดที่เธอสวมใส่จะเป็นชุดแบบไหนมันก็ไม่สำคัญ เธอเพียงต้องการปกปิดสิ่งสงวนเอาไว้เป็นพอ เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าตัวอื่น ๆ ชุดคลุมอาบน้ำก็คลุมเธอไว้ได้มิดชิดเป็นอย่างดี เธอหิ้วข้าวของและรีบไปที่โถงทางเข้าเพื่อไปหยิบรองเท้า

ปัง!

บลองช์ลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงปิดประตูนั้น

“น้าบี?” บลองช์ก็พลันลืมตาและลุกจากเตียงอย่างกะทันหัน เขาเห็นพ่อยืนอยู่ที่ระเบียงมือทั้งสองจับบนราวบันไดและมองลงมา

ทุกครั้งที่พ่อยืนแบบนั้น แสดงว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี

บลองช์จำได้ว่าปู่ทวดบอกว่าตอนที่คุณปู่จากโลกนี้ไป คุณพ่อไม่เคยแม้แต่จะแสดงน้ำตาออกมาสักหยดเดียวเพราะคุณปู่เป็นคนเห็นแก่ได้ ท่านเป็นคนที่จับปลาสองมือมีภรรยาถึงสองคน ตั้งแต่เขาพาผู้หญิงทั้งสองคนกลับมา บลองช์ก็มีคุณย่าถึงสองคน คุณย่าอลิสันและคุณย่าซูซาน

แน่นอน เด็กน้อยรู้ว่าคุณย่าอลิสันเป็นเพียงภรรยาเก็บเท่านั้น

และภรรยาเก็บคนนี้ก็ให้กำเนิดคุณพ่อ

บลองช์ยังเด็กและไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก แต่หลังจากการปลูกฝังและการสั่งสอนของปู่ทวด เขาก็เข้าใจว่าพ่อทั้งรักและเกลียดคุณปู่ในเวลาเดียวกัน ช่างเป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันจนยุ่งเหยิง

อย่างไรก็ดี คุณปู่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พ่อได้มีชีวิตเกิดมา

ปู่ทวดเป็นคนพูดจาขวานผ่าซาก ท่านบอกกับอาหลุยส์ว่าอย่าได้โกรธเกลียดอะไรคุณพ่อเลยนะเพราะว่าตั้งแต่ลืมตาดูโลก คุณพ่อน่ะไม่ได้เลือกให้แม่ของตนเป็นภรรยาเก็บเช่นนี้

บลองช์มักจะได้ยินพวกผู้ใหญ่มีปากมีเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง

มีอยู่วันหนึ่ง คุณปู่ทวดต่อว่าคุณย่าซูซานอย่างหนัก “หากไม่มีลุค บริษัทเกือบ 100 แห่งจะต้องล้มละลายเพราะน้ำมือของเธอ ฉันรู้ หลุยส์เป็นคนจิตใจดี แต่เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเจิดจรัสในโลกของธุรกิจนิ"

คุณย่าซูซานกล่าวอย่างไม่พอใจว่า "พ่อไม่จำเป็นต้องมาแก้ตัวให้ความลำเอียงของตัวเองหรอกค่ะ ไม่ว่าหน้าไหน ๆ ในตระกูลครอว์ฟอร์ดก็เป็นหนี้ฉันทั้งนั้น โดยเฉพาะนางอลิสันและลูกชายของมัน!"

“ลุคไม่ได้เป็นหนี้อะไรเธอทั้งนั้น!” ปู่ทวดตะเบ็งเสียงขึ้นอีก “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอทำอะไรลงไปบ้างนะ! ตอนนั้น ลุคเข้าเรียนมัธยมปลาย เราส่งเขาไปเรียนที่เมืองเล็ก ๆ แค่นี้เธอก็ยังไม่พอใจอีกใช่ไหม? เธอเลยต้องส่งคนไปฆ่าเขา เธอคงไม่รู้หรอกนะว่าคนที่เธอส่งไปฆ่าลุค เขาบอกอลิสันทั้งหมดแล้ว อลิสันก็เลยเตือนลุคให้ระวังตัวเป็นพิเศษ ลุคถึงกับตัดสินใจว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ใต้เงามืดมาเพียงพอแล้ว ในฐานะลูกชายของเมียเก็บ เขาตัดสินใจว่าหากเขาถูกฆ่า เขาสามารถไถ่บาปของแม่ และกลับชาติมาเกิดเป็นเด็กชายในครอบครัวธรรมดา ๆ ทั่วไป ฉันต้องรู้สึกขอบคุณที่พระเจ้ายอมให้หลานชายของฉันมีชีวิตอยู่ต่อ"

บลองช์เก็บซ่อนความลับของผู้ใหญ่ไว้ในใจ ขณะที่เขาฉลาดขึ้นทุกวัน เขาก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจกับพ่อมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาหวังว่าพ่อจะแต่งงานกับน้าบี เพื่อไม่ให้พ่อต้องรับประทานข้าวคนเดียว สูบบุหรี่คนเดียว หรือแม้นั่งดูข่าวคนเดียว

ชีวิตที่อ้างว้างของพ่อช่างจำเจและน่าเบื่อเหลือเกิน

...

เมื่อลุคกลับมาจากระเบียง เขาเหลือบมองลูกชายของตน

“พ่อครับ ผมรู้นะครับว่าน้าบีไปแล้ว” เด็กน้อยพยายามปลอบพ่อด้วยเสียงอันแผ่วเบา เขากังวลว่าพ่อจะรู้สึกเศร้าเกินไป เขาจึงตามร่างใหญ่โตของพ่อเข้าไปในห้องนอน

ลุคไปเข้าห้องน้ำ ปิดประตู และตัดขาดจากบทการสนทนาทั้งหมด

เด็กน้อยช่างพูดยังคงจ้ออยู่ แต่มีบางอย่างดึงดูดความสนใจของเขา เขาเห็นกล่องเล็ก ๆ อยู่บนพื้น เขาก้มลงไปหยิบขึ้นมา สายตาของเข้าเพ่งมองแล้วพึมพำ "เล-โว-นอร์-เกส-เตรล? ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน..."

เด็กน้อยช่างพูดเกาหัวและเปิดประตูห้องน้ำ เขายืนกล่องยาที่ยังไม่เปิดและถามว่า “กล่องนี้เป็นของคุณพ่อหรือของน้าบีครับ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก