พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 125

เบียงก้ามองเงยหน้ามองซาเวียร์และก็รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร

วันที่คุณปู่เกิดอาการไอเป็นเลือดขณะที่อยู่ในคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด คุณปู่จำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น ด้วยเหตุนี้เอง เบียงก้าจึงได้เห็นชายคนนี้และอีวอนน์อยู่ในห้องทำงานอยู่ลุค

เนื่องจากความประทับใจของเบียงก้าที่มีต่ออีวอนน์นั้นค่อนข้างย่ำแย่ เธอจึงตัดสินใจว่าผู้ชายคนนั้นอาจจะเป็นคนไม่ดีด้วย

ในขณะนั้นเองมีคนเดินผ่านมา เบียงก้าเพิกเฉยต่อซาเวียร์และส่งใบปลิวให้คนเดินผ่านไปพร้อมกับพูดว่า "สวัสดีค่ะ ถ้าคุณพอมีเวลา โปรดดูหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ"

ซาเวียร์หันมามองเธอ

เบียงก้าสวมเสื้อยืดผ้าฝ้ายสีดำผูกปมที่ด้านหลังเอว และกางเกงขาสั้นยีนส์พอประมาณ

การแต่งตัวของเธอนั้นทำให้ดูเหมือนนักศึกษาสาวที่ยังไม่จบการศึกษา

“วันนี้ไม่ต้องไปทำงานเหรอครับ?” ซาเวียร์ถามก่อนจะละสายตาจากเอวเล็ก ๆ ที่ใคร ๆ ก็อยากจะโอบกอดออกมา

เบียงก้ายังคงแจกใบปลิวต่อไป ขณะที่เธอมองกลับมาที่เขาและพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า "ไม่ค่ะ"

ความจริงก็คือเธอต้องไปทำงานในวันนี้ และเธอยังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ เนื่องจากวันนั้นไม่จำเป็นต้องตอกบัตรเข้างาน เธอจึงแอบออกไปแจกใบปลิวเพื่อหารายได้พิเศษ

แม้ว่าการแจกใบปลิวไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่รายได้จากการทำงานนี้ประมาณสองสามวัน ก็เพียงพอที่จะซื้อยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดรายเดือนของคุณปู่ได้

สำหรับเงินเดือนของเธอ ไม่เพียงพอสำหรับค่ารักษามะเร็งปอดของพ่อด้วยซ้ำ

เธอออกแบบและร่างภาพงานของ ที คอร์ปอเรชั่นเฉพาะตอนกลางคืนยามเธอกลับบ้าน ดังนั้นเธอจึงสามารถทำงานนอกได้ในเวลากลางวัน

ซาเวียร์ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ถึงแม้มีออร่าอยู่รอบตัวเขา “อีกไม่นาน ผมคิดว่าคุณคงจะลาออกหลังจากเลิกกับลุคสินะ”

ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ชายคนนั้นถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เบียงก้าจึงยื่นใบปลิวอีกใบให้ “ฉันเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะทำอะไรเพื่อแก้แค้นแฟนเก่าหรอกค่ะ”

ซาเวียร์ยิ้มหลังจากได้ฟังที่เบียงก้าพูด

เบียงก้ายังคงแจกใบปลิวต่อไป

ซาเวียร์จากไปอย่างเงียบ ๆ

ไม่กี่นาทีต่อมา ซาเวียร์ที่หายตัวไปก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับขวดน้ำแร่ในมือ เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองทะลุชายคนนั้นไปและรับรู้ถึงความเย่อหยิ่งและไม่ยอมใครง่าย ๆ

“ริมฝีปากของคุณดูแห้งมาก ดื่มนี่ก่อนสิครับ”

เขายื่นขวดน้ำแร่ให้กับเธอ

เบียงก้าส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่หิวค่ะ”

ซาเวียร์ไม่รู้ว่าจะอย่างไรดีถึงจะได้รับความสนใจจากเธอ เขายังคงถือขวดน้ำในมือใหญ่ที่ดูดี ในขณะที่เขายืนนิ่งอยู่ตรงจุดนั้น และหันหน้าเข้าหาเธอ

"เงินค่าแรงจากการแจกใบปลิวเป็นแบบไหนเหรอครับ? เป็นรายชั่วโมงหรือตามจำนวนใบปลิวที่แจกไปอะครับ" ซาเวียร์มองดูกองใบปลิวหนา ๆ ในมือของเธอและเกิดความสงสัย

หญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งเธอมีกระดาษสำหรับป้ายโฆษณาอยู่กับตัว เธอเข้ามาหาพวกเขาและพูดว่า “ตามจำนวนใบปลิวที่แจกจ่าย พอแจกใบปลิวหมดแล้ว เธอสามารถรับเงินค่าจ้างไปได้”

ซาเวียร์พยักหน้าให้หญิงวัยกลางคน

หญิงวัยกลางคนยังคงยืนอยู่ที่จุดของเธอ

ซาเวียร์เริ่มสังเกตอย่างระมัดระวัง เขาพบว่าเบียงก้าค่อนข้างพูดจาตรงไปตรงมา ทุกครั้งที่เธอยื่นใบปลิว เธอจะยื่นให้กับพวกเขาด้วยความจริงใจ ถึงอย่างนั้น มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนแจกใบปลิวบนถนนสายนั้น และผู้สัญจรไปมาก็มีนับไม่ถ้วนที่ได้รับใบปลิว เมื่อผ่านมาถึงเบียงก้า พวกเขาจะรู้สึกรำคาญกับใบปลิวทั้งหมดที่ได้รับมา

คนส่วนใหญ่ปฏิเสธใบปลิวที่เธอพยายามยื่นให้และเดินจะผ่านไป

ถ้าเธอต้องการแจกใบปลิวกองเท่าภูเขานั้นให้หมด บางทีถ้าเธอยืนแจกยันวันพรุ่งนี้ก็คงจะยังไม่เสร็จ

"มานี่ ปล่อยให้ผมจัดเองดีกว่า" ซาเวียร์หยิบกองมากกว่าครึ่งจากมือของเธอ

เบียงก้าตกตะลึง ทันใดนั้น ในมือเธอเหลือใบปลิวเพียงสิบใบ

เธอรู้สึกว่านี่เป็นการหยาบคายมาก อยู่ดี ๆ เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ ถามคำถามอะไรแปลก ๆ กับเธอ ซื้อน้ำให้เธอ และตอนนี้ ยังต้องการแจกใบปลิวแทนเธออีกงั้นเหรอ? เขาพยายามทำอะไรอยู่?

“ขอบคุณมากค่ะ ฉันซาบซึ้งในความช่วยเหลือของคุณนะคะ” เบียงก้ากำลังจะแย่งเอาใบปลิวกลับคืน

ซาเวียร์เป็นคนสูงและขายาว เขาไม่ได้แตกต่างจากลุคมากนัก แต่อารมณ์เขาทั้งสองแตกต่างกัน เมื่อเบียงก้าเผชิญหน้ากับความสูงของซาเวียร์ เธอตระหนักว่าเธอไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงกองใบปลิวที่เขายกขึ้นเหนือศีรษะ แน่นอนว่าเขามีเจตนาชัดเจนว่าไม่ต้องการคืนให้เธอ แม้ว่าเธอจะอยู่บนประชดปลายเท้าแล้วก็ตาม

“ยิ่งคุณแจกใบปลิวเร็วเท่าไหร่ คุณก็จะได้ทานอาหารเย็นเร็วขึ้นเท่านั้น เข้าใจที่ผมพูดไหมเนี้ย?” ซาเวียร์มองลงมาที่เธอ ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขาประกาศกร้าว

เมื่อเด็กหญิงสองคนที่ผ่านไปมาเห็นภาพนั้น ก็เอามือปิดปากจ้องมองด้วยความอิจฉาริษยา พวกเขาพูดขณะเดินไปว่า "อุ๊ย ๆ ดูแฟนเธอคนนั้นสิ เขาดูดีกว่าแฟนรวย ๆ ของแกเป็น 10,000 เท่าเลยแหละ ถ้าเป็นแฟนแก แกคิดว่าแฟนแกจะลดตัวลงมาแจกใบปลิวแทนแกเปล่าล่ะ?"

เนื่องจากเบียงก้าไม่ใช่คนหูหนวก เธอจึงได้ยินทุกสิ่งที่พวกเขาพูด

ในขณะเดียวกัน ซาเวียร์ได้เดินไปข้างหน้าห่างออกไปราวสิบเมตรและแจกใบปลิวให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา เมื่อเทียบกับเบียงก้าแล้วทักษะการแจกใบปลิวของซาเวียร์นั้นแตกต่างออกไปมาก

"ฉันขอใบหนึ่งค่ะ"

ผู้หญิงบางคนถึงกับมาขอใบปลิวจากซาเวียร์อย่างเขินอาย

เพียงครู่เดียว ใบปลิวก็หายไปจากมือเขาในพริบตา

ซาเวียร์ซึ่งมือของเขาว่างเปล่ายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ให้เบียงก้า

ดูเหมือนว่างานแจกใบปลิวของเบียงก้า ในวันนั้นจะเสร็จสิ้นลงแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือให้เธอทำคือประคองร่างกายขึ้นไปหาหัวหน้าเพื่อรับเงินค่าจ้าง

หัวหน้างานเธอเป็นหญิงวัยกลางคนวัย 50 ปี ร่องรอยแห่งความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาปลายปีสามารถมองเห็นได้บนใบหน้าที่จริงจังเกินเหตุของเธอ งานหลักของเธอคือการจับจ้องพวกเขาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบอู้ในเวลางาน

เมื่อเธอยื่นค่าแรงสำหรับวันนั้นให้เบียงก้า หญิงวัยกลางคนกลอกตา “ถ้าเธอมีแฟนที่ขับรถหรูหราขนาดนี้ เธอจะมาแจกใบปลิวทำไม? พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาแล้วนะ งานนี้เหมาะสำหรับคนยากจนที่ต้องการทำงานเท่านั้น!”

เบียงก้ากำลังจะอธิบายความจริง แต่หญิงวัยกลางคนกลับมองไปทางอื่นและลุกเดินหนีเธอไป

เธอตกงานทั้ง ๆ อย่างนั้นเพราะเหตุผลสุดไร้สาระที่หญิงสูงวัยคนนั้นอ้าง

เบียงก้าระงับความโกรธเอาไว้ หลังจากที่เธอได้รับค่าจ้างอันน้อยนิดสำหรับวันนั้น เธอเดินไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้าม ตั้งแต่เช้าเธอไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว

ไม่ใช่ว่าไม่หิว แต่เธอหิวมากเสียจนแสบท้อง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกครั้งที่เธอได้กลิ่นอาหาร เธอจะปิดปากและรู้สึกคลื่นไส้ทันที

หลังจากอยู่ภายใต้แสงแดดจ้าอันร้อนระอุมาเกือบหกชั่วโมง ร่างกายก็รู้สึกอ่อนเพลียเสียจริง อย่างไรก็ตาม เธอบังคับให้ตัวเองรับประทานก๋วยเตี๋ยวชามนี้เพื่อเติมพลังให้เต็ม มิฉะนั้น เธอคงไม่มีเรี่ยวแรงเหลือที่จะมีอารมณ์ไปโกรธใครได้ต่อ

ซาเวียร์เดินข้ามถนนมาตามเธอ

“อย่ามาตามฉันนะ ฉันไม่รู้จักคุณ” ใบหน้าของเบียงก้าฉายแววขุ่นเคืองออกมา

“คุณจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ เราแค่บังเอิญจะไปกินอาหารร้านเดียวกันเฉย ๆ ผมอยากลองร้านก๋วยเตี๋ยวนี้อยู่แล้วด้วย อย่าโกรธผมได้ไหม?” น้ำเสียงที่เขาพูดฟังอ่อนโยนและพยายามเข้าหาเธอ มันฟังดูแล้วมีไม่จริงใจ

“เชิญคุณกินร้านนี้ไปคนเดียวเถอะค่ะ ฉันจะไปกินร้านอื่น” เธอไม่กล้ายั่วยุเขา เธอจึงเลือกที่จะปลีกตัวออกมาแทน

เบียงก้าออกจากร้านไปหลังจากที่พูดเสร็จ

"รอเดี๋ยวคุณ"

ซาเวียร์คว้าแขนเบียงก้าและจ้องมองเธอ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า "ผมไม่ได้จะกินคุณนะ ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณเท่านั้นเอง "

“ขอโทษด้วยนะคะ แต่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ” เบียงก้าไม่ต้องการสร้างปัญหาอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชายผู้มั่งคั่งอย่างเขา หนำซ้ำยังมีความเกี่ยวข้องกับลุคอีก

ซาเวียร์ไม่ยอมปล่อยมือ

เธอพยายามดึงมือกลับแต่ทำไม่ได้! หลังจากดิ้นรนอยู่นาน ร่างกายของเธอก็สั่นอย่างรุนแรงราวกับว่ามันเป็นฟางเส้นสุดท้าย ในที่สุด เธอก็รู้สึกว่าโลกหมุนราวกับลูกข่าง ดวงตาของเธอพร่ามัวขณะมองไปทางพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน เธอรู้สึกเวียนศีรษะจนภาพทุกอย่างดำมืดไป

ซาเวียร์ขมวดคิ้วและคว้าเบียงก้าที่หมดสติไปในทันใด หลังจากจับตัวเธอไว้ได้ เขาก็อุ้มเธอไปที่รถปอร์เช่ คาเยนน์ ซึ่งจอดอยู่ข้างถนน

ในขณะนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

ซาเวียร์ตอบอย่างฉุนเฉียว “นั่นใคร มีอะไรจะพูดก็ว่ามา!”

“คุณลุงครับ คุณปู่ให้ผมถามว่าคุณจะกลับเมื่อไหร่ครับ?” เสียงอันนุ่มนวลและโอหังของบลองช์มาจากปลายสาย เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ถูกบังคับให้โทรหาเขา

เพราะอย่างไรเสีย ชายชราไม่ชอบคุยกับลูกชายไม่ได้เรื่องของตน

ซาเวียร์มองย้อนกลับไปและเห็นเบียงก้านอนหมดสติแน่นิ่งอยู่บนเบาะหลังของรถ เขามองดูคิ้วที่อ่อนนุ่มของเธอและพูดว่า “ลุงจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ ลุงจะพาคุณป้ากลับไปฝากด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก