พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 132

เบียงก้าอยากจะบอกชายวิปลาสตรงหน้าเสียเหลือเกินว่าสิ่งที่พวกเขาทำกันครั้งก่อนนั้นจะไม่ทำให้เธอท้อง

แต่เพราะปากยังถูกปิดเอาไว้ เธอจึงไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกไปได้

เบียงก้ายังจำได้ว่าลุคเคยหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในอินเทอร์เน็ตนั่นก็ตอบว่าแม้การเล้าโลมนั่นจะมีโอกาสทำให้เธอท้องขึ้นมาได้ แต่ก็โอกาสเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

ถึงจะเป็นโอกาสเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม

แต่เมื่อเบียงก้าคิดถึงเรื่องนั้น เธอก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

หลายวันก่อนเธอเหนื่อยมากจนสมองล้าไปหมด แถมจิตใจก็ยังวุ่นวายอีกต่างหาก เธอจึงจำไม่ได้ว่าครั้งที่แล้ว เธอได้ใช้ยาคุมฉุกเฉินไปหรือไม่

เบียงก้าจำได้แต่เพียงว่าตัวเองซื้อยานั่นมาแล้วเก็บไว้ในกระเป๋า

แต่จำไม่ได้ว่าใช้ไปเมื่อไหร่ หรือไม่ได้ใช้เลยกันแน่

เบียงก้าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมานั่งกังวลเรื่องการตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจเลยสักครั้ง ยิ่งเป็นการตั้งท้องลูกของลุคแล้วล่ะก็ มันคงไม่ต่างอะไรกับการถูกทรมานจิตใจ เป็นเวรเป็นกรรมโดยแท้...

กว่าจะรู้ตัว เธอก็ถูกความโศกเศร้าเข้าครอบงำ

“นี่คุณร้องไห้ทำไม?” ลุคเห็นหยาดน้ำที่เอ่อคลอในดวงตาของเธอ น้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบแก้มเธอไปอย่างเชื่องช้า เพราะไม่อาจทนดูเธอหลั่งน้ำตาได้ เขาจึงเอ่ยถามเธอเสียงอ่อนเสียงหวาน

ความถมึงมึงบนใบหน้าของลุคจางหายไป

เบียงก้ามองลุคตาไม่กะพริบ กระทั่งริมฝีปากของเขาจุมพิตลงบนเปลือกตาของเธออย่างแผ่วเบา

เธอหลับตาลงตามสัญชาตญาณ

เปลือกตาของเธอรู้สึกอุ่นขึ้น เมื่อริมฝีปากบางของลุคเข้ามาสัมผัส เขาจุมพิตที่หยาดน้ำตาของเธอ ก่อนจะพรมจูบลงมาที่พวงแก้ม

น้ำเสียงของลุคเกิดแหบพร่าขึ้นมาในตอนนั้น “คุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ? คุณเข้ามาในชีวิตผม แล้วตอนนี้จะมาจากไป คุณคงไม่คิดว่าผมจะยอมปล่อยคุณไปได้ง่าย ๆ อย่างที่คุณทำหรอกใช่ไหม?”

เบียงก้าพูดไม่ออก เธอทำได้เพียงแค่ร้องไห้อย่างไร้ทางเลือก

“ผมชอบคุณ ชอบมาตั้งแต่ตอนที่อยู่บ้านนอกด้วยกันแล้ว เรื่องตกหลุมรักอะไรนั่นทำอะไรผมไม่ได้หรอก แต่ความรักของผมน่ะมันต่างออกไป ผมไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้รักคุณได้เลย ผมไม่อาจห้ามความรู้สึกที่อยากครอบครองคุณเพราะความรักที่มันเร่งเร้าผมได้เลย”

เบียงก้าก้มหน้าลงอย่างพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเอง

ลุคได้แต่เงียบอยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจ “ช่างมันเถอะ”

หลังจากที่ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เขาก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด

หลังจากหันหลังไปสูบบุหรี่สองสามครั้ง ความเย้ายวนใจของนิโคตินก็ไม่อาจนำพาความรู้สึกที่ดีกว่ามาให้เขาได้ กลับกันแล้ว มันมีแต่จะยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ลง

...

ระหว่างทางกลับบ้าน ระหว่างลุคกับเธอไม่มีใครปริปากเลย

เมื่อพวกเขามาถึงหน้าปากทางเข้าบ้านเช่าของเบียงก้า เธอลงจากรถด้วยดวงตาที่แห้งเหือดและฉายแววเจ็บปวด เบียงก้าบอกกับตัวเองว่าหลังลงจากรถแล้ว เธอจะไม่หันกลับไป

คุณปู่อยู่ที่บ้าน

“บี หลานกลับมาแล้วรึ?”

“ค่ะ” เธอพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

คุณปู่กำลังดูโทรทัศน์อยู่

ก่อนจะออกไปเจอเบรย์เดน เบียงก้าทำอาหารเย็นไว้ให้ปู่ เธอทำสปาเกตตีและผักลวกซึ่งเป็นของโปรดของเขาไว้ให้

เบียงก้าเสิร์ฟอาหารเย็นให้เขา “คุณปู่คะ ตอนนี้ฟันปู่ยังแข็งแรงดี เพราะอย่างนั้นคุณปู่ควรทานลูกชิ้นให้มากกว่านี้นะคะ”

เมื่อชายชราหยิบจานไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอ่อนไหวขึ้นมา “เฮ้อ บางทีปู่ก็อดคิดไม่ได้นะว่าปู่น่ะอยู่มานานเกินไปแล้ว ปู่แก่ขึ้นทุกวัน แล้วก็เป็นภาระของหลานมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย…”

เบียงก้ารีบทำให้ปู่รู้สึกสงบใจ “คุณปู่ไม่ได้เป็นภาระอะไรของหนูเลยนะคะ หนูดีใจมากต่างหากที่มีคุณปู่อยู่ด้วย… โดยเฉพาะตอนที่เรากินอาหารแล้วก็ดูทีวีด้วยกัน หนูรู้สึกดีใจมากที่มีใครสักคนในครอบครัวมาอยู่เป็นเพื่อน

พูดไปก็กลัวว่าปู่จะเห็นดวงตาที่แดงก่ำและมีน้ำตาคลอของตัวเอง เธอจึงรีบหยัดกายขึ้นแล้วเดินไปแอบอยู่ในครัว เบียงก้าเอ่ยปากขณะกำลังเดินตรงไปที่นั่นว่า “หนูคิดว่าหนูลืมปิดพัดลมระบายอากาศ ขอไปดูหน่อยดีกว่า”

...

เบรย์เดนจองสถานที่ที่ค่อนข้างหรูหราเล็กน้อย

เมื่อเบียงก้านั่งลง เธอได้แต่มองไปรอบ ๆ อย่างนึกกังวล

เบรย์เดนที่ดูเหมือนจะมองออกว่าเบียงก้ากำลังคิดอะไรอยู่ก็เอ่ยขึ้น “ไม่เป็นหรอกน่า มันก็แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแหละ เว้นแต่ว่าคุณจะอยากกลับมาอีก ผมแค่อยากให้คุณรู้สึกดีกับการออกเดตเหมือนผู้หญิงคนอื่น แล้วมีความสุขกับสิ่งที่คุณควรได้รับบ้างก็เท่านั้นเอง ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ฟุ่มเฟือยแบบนี้ได้บ่อยนักหรอก”

เบียงก้าไม่คาดคิดว่าเบรย์เดนจะพูดออกมาเช่นนั้น

หลังจากจัดการอาหารจานหลักเสร็จแล้ว พวกเขาจึงสั่งของหวาน ของหวานถือเป็นตัวชูโรงของร้านนี้

แต่เมื่อเบรย์เดนสั่งของหวาน บริกรชายก็เอ่ยปฏิเสธ “ขออภัยครับคุณลูกค้า เชฟขนมหวานของเราเกิดมีปัญหากะทันหันจึงกลับบ้านไปแล้วครับ ดังนั้น ทางร้านจึงไม่มีบริการอาหารหวานในขณะนี้ครับ คุณลูกค้าสนใจจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนไหมครับ?”

หากไม่ได้ลิ้มลองขนมสูตรเฉพาะอย่างที่ตั้งใจไว้ มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันล่ะ?

เดิมที เบรย์เดนไม่ใช่คนโรแมนติกอะไรนัก แต่ตราบใดที่ผู้หญิงคนหนึ่งเต็มใจจะอยู่และร่วมใช้ชีวิตไปกับเขาจนแก่เฒ่าแล้วล่ะก็ เขาย่อมอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอ

เขาคิดไปว่าในตอนที่ทั้งเขาและเธอออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในอนาคต และต้องพูดคุยกันเรื่องขนมที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองแล้วล่ะก็ เบียงก้าที่ตอนนั้นเป็นภรรยาของเขาก็จะสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าสามีของเธอเคยพาเธอไปกินที่นั่นมาก่อนแล้วโดยไม่ต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

“ตอนที่ผมจอง ทางร้านแจ้งผมว่าเชฟขนมหวานพร้อมให้บริการนี่ครับ” เบรย์เดนจินตนาการไม่ออกเลยว่าเชฟขนมหวานของร้านอาหารชั้นสูงจะกลับบ้านปุบปับแบบนี้ได้อย่างไร

กระทั่งเขาเหลือบไปเห็นลูกค้าโต๊ะถัดไปที่พึ่งมาถึงก่อนเขาแค่เล็กน้อยมีของหวานสูตรเฉพาะวางอยู่บนโต๊ะ

ดูเหมือนว่าเชฟขนมจะออกไปในเวลาที่ประจวบเหมาะเสียเหลือเกิน

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สำหรับฉันมันไม่ต่างกันหรอก ยังไง ฉันก็ไม่ค่อยปลื้มพวกขนมหวานอยู่แล้ว” เบียงก้าไม่อยากให้เบรย์เดนรู้สึกไม่สบายใจ เธอจึงตั้งใจพูดออกไปเช่นนั้น

บริกรชายยังคงยืนกรานเช่นเดิม และกล่าวขอโทษเบรย์เดนด้วยรอยยิ้ม

เบรย์เดนไม่มีทางเลือกอื่น จึงทำได้เพียงจำใจเปลี่ยนไปสั่งขนมอย่างอื่นแทน

หลังจากรับประทานเสร็จแล้ว เบรย์เดนก็ขับรถมาส่งเบียงก้าที่บ้าน

พวกเขาเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว

“คุณอยากไปพบพ่อแม่แล้วก็น้องสาวของผมไหม?” เบรย์เดนเอ่ยถามตอนกำลังขับรถ

“คุณควรเป็นฝ่ายตัดสินใจต่างหากค่ะ ถ้าคุณคิดว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสม แล้วอยากให้ฉันไปเจอพวกท่าน ฉันก็จะไปค่ะ” เบียงก้ารู้สึกว่าการไปพบครอบครัวของอีกฝ่าย ไม่จำเป็นต้องแปลว่าจะต้องแต่งงานเสียหน่อย

ดีเสียอีกที่จะได้พบกับพ่อแม่ของอีกฝ่ายแต่เนิ่น ๆ เพราะถ้าหากพวกท่านคิดว่าเธอไม่คู่ควรกับลูกชายของตัวเอง เธอจะได้ถอนตัวได้ทันเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปยุ่มย่ามกับคนเรียบง่ายและแสนดีอย่างเบรย์เดน

พวกเขาพูดคุยกันตลอดทางจนถึงย่านบ้านเช่าของเบียงก้า

เบรย์เดนขับรถมาตามเส้นทางของระบบนำทางและจอดลงที่ประตูของหมู่บ้านในที่สุด เขาเอ่ยอย่างเสียดาย “ถึงแล้วล่ะ”

เบียงก้าปลดเข็มขัดนิรภัยออก เธอเอ่ยปากขอบคุณแล้วลงจากรถไป

“คราวหน้า ผมจะพาคุณไปทานของหวานที่ร้านนั้นอีกให้ได้เลย” เบรย์เดนรู้สึกเสียใจไม่น้อย

เบียงก้าพยักหน้ารับแล้วเดินจากไปไม่ค่อยเรียบร้อยนัก

เมื่อเธอกลับถึงบ้าน เบียงก้าเปิดไฟแล้วเอ่ยเรียกปู่ “ปู่คะ?”

ไม่มีใครตอบกลับมา

“คุณปู่?” เบียงก้าวางกระเป๋าลง แล้วเดินไปหาเขาที่ห้องนอน แต่ไม่มีใครอยู่ในนั้น

หลังจากตามหาจนทั่วทุกมุมห้องแล้ว เธอก็ยังไม่เจอเขาอยู่ดี เบียงก้าพยายามโทรหาเขา แต่ก็มีเพียงเสียงตอบกลับอัตโนมัติดังสวนมาเท่านั้น “ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

ในตอนนั้นเอง เสียงอ่อดหน้าประตูก็ดังขึ้น

เบียงก้าไม่ได้ฉุกคิดอะไรมาก เพราะเดาว่าคงเป็นปู่ที่เพิ่งกลับมาจากการเดินเล่นเท่านั้น

แต่เมื่อเธอเปิดประตูออก กลับปรากฏเพียงชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยชุดยูนิฟอร์มยืนอยู่หน้าประตู

“สวัสดีครับ นี่คือบริการส่งขนมด่วนให้คุณครับ”

ชายหนุ่มยื่นกล่องอาการที่ดูประณีตมาให้อย่างสุภาพ

เบียงก้าได้แต่ตกใจ

‘ของหวานเหรอ? ใครส่งมาล่ะ?’ ชื่อของร้านอาหารที่ปรากฏอยู่บนกล่องขนมนั้นเป็นชื่อเดียวกันกับร้านอาหารที่เธอกับเบรย์เดนเพิ่งไปรับประทานมาด้วยกัน ‘เชฟขนมหวานกลับบ้านไปกะทันหันไม่ใช่รึไง?’

‘แล้วใครเป็นคนทำขนมนี่ล่ะ?’

‘สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ปู่ไปไหน?’

เบียงก้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เธอลงไปด้านล่างเพื่อตามหาปู่ของตนที่อยู่ดี ๆ ก็หายตัวไปแทน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก