เบียงก้าตามหาปู่อยู่ร่วมชั่วโมง
แต่ก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยของเขา
เบียงก้าเริ่มตระหนก
หลังจากที่เธอกลับขึ้นไปชั้นบน และมองไปรอบ ๆ ห้องเช่าที่ว่างเปล่า เธอพบว่าปู่ของเธอหายไปโดยสมบูรณ์แบบ
แม้กระทั่งไม้เท้าของปู่ก็ไม่อยู่ที่นี่ ‘เป็นไปได้ไหมว่าปู่ของเธออาจลงไปข้างล่างพร้อมกับไม้เท้าคู่ใจ?’
กระนั้น เบียงก้ารู้ดีว่าปู่ของเธอมักจะไม่ใช้ไม้เท้า ถ้าหากไม่ได้ต้องเดินทางไกล หรือต้องการความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง
เบียงก้าเดินเข้าไปในห้องของปู่ด้วยความท้อใจ
เธอจำได้ว่าก่อนที่เธอจะไปเดตกับเบรย์เดน ปู่ยังคงสบายดีอยู่
แต่ตอนมื้อเย็น ปู่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “บางทีปู่ก็อดคิดไม่ได้นะว่าปู่น่ะอยู่มานานเกินไปแล้ว ปู่แก่ขึ้นทุกวัน แล้วก็เป็นภาระของหลานมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย…”
‘เป็นไปได้ไหมว่าปู่อาจจะหนีออกจากบ้าน?’
เบียงก้าส่ายศีรษะ ปู่ไม่มีวันทำแบบนั้นหรอก
เบียงก้าเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก เธอพยายามสังเกตหาความผิดปกติ แต่เธอไม่แน่ใจว่าปู่เอาเสื้อผ้ามาที่เมืองเอด้วยกี่ชุด เธอจึงบอกไม่ได้ว่ามีเสื้อผ้าตัวไหนหายไปบ้างหรือไม่
แต่ตู้เสื้อผ้าก็ดูเหมือนจะผิดปกติเล็กน้อย
‘หรือปู่จะเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้านไปจริง ๆ...’
เบียงก้าไม่อาจสงบใจได้เลย เธอจึงโทรศัพท์ไปหาป้าที่ขาดการติดต่อไปนานแสนนานทันที
แต่ถึงปู่จะหนีออกจากบ้านจริง ๆ ปู่ก็คงไม่ไปหาป้าหรอก
“ขอโทษค่ะ หมายเลขนี้ยังไม่เปิดให้บริการ…”
หมายเลขนี้ไม่ได้ถูกใช้งานต่อไปอีกแล้ว
หมายเลขโทรศัพท์ของป้าเธอปิดให้บริการไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าป้าคงไม่ได้ใช้มานานแล้ว
เบียงก้าโทรหาพ่อของเธอ
เควินเพียงแค่พูดคุยกับเธอนิดหน่อยด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นปกติ เขาบอกเธอว่าเขาสบายดี และขอให้เธออย่ากังวลมากนัก แถมยังอวยพรให้พรุ่งนี้เธอเจอแต่เรื่องดี ๆ อย่างที่พ่อชอบพูดตามปกติ
เมื่อเบียงก้าได้ยินเช่นนั้น เธอก็รู้ดีว่าพ่อไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการหายตัวไปของปู่อย่างแน่นอน
สาเหตุที่ดูเป็นไปได้มากที่สุดที่ปู่จะหนีออกจากบ้านก็คงเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากเป็นภาระให้หลานสาวของตัวเอง...
เบียงก้าได้แต่ขมวดคิ้วเป็นปมเพราะความวิตกกังวลที่ก่อตัวขึ้น ทันใดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นกล่องอาหารที่ถูกวางอยู่ข้างทางเข้าบ้าน เธอเดินไปนั่งลงแล้วเปิดกล่องนั้นออก มันมีการ์ดอยู่ด้านในด้วย
ภาพที่พิมพ์ลงบนการ์ดนั้นทั้งโรแมนติกและอบอุ่น
แต่ไม่ปรากฏรายชื่อของผู้ที่ส่งมา
หัวใจของเบียงก้าได้แต่เต้นระรัวยิ่งกว่าเดิม
เธอเม้มริมฝีปากแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างไม่ง่ายนัก เธอเงียบไปเป็นนาทีขณะจ้องมองขนมที่วางอยู่บนพื้นอีกครั้ง ในตอนนั้นเอง เธอเกิดจำได้ขึ้นมาว่าตอนที่กำลังจะกลับเข้ามาในเมือง ลุคขัดขวางเธอระหว่างทางกลับมาจากคฤหาสน์ของซาเวียร์
บางที ลุคอาจจะเห็นข้อความที่เบรย์เดนส่งมาหาเธอเรื่องร้านอาหารที่สาว ๆ ชอบก็เป็นได้
ปฏิกิริยาของลุคเป็นอย่างไรนะ?
ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาดูเย็นชาและไม่แยแสมันด้วยซ้ำ
แต่ถ้าด้านที่ไม่รู้จักโตของเขาก่อตัวขึ้นแล้วล่ะก็ มันน่ากลัวยิ่งกว่าความรักในวัยเรียนอะไรเทือกนั้นเสียอีก เขาจะเอาแต่ใจและใจแคบไปเสียทุกเรื่อง
เบียงก้าแทบไม่ต้องเดาด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนส่งขนมพวกนี้มา
ในขณะที่เธอโทรหาลุค เบียงก้าหยิบกระเป๋าและเปิดประตูแล้วออกจากบ้านไป
ในตอนที่เธอเดินลงไปถึงชั้นล่าง ลุคก็ยังไม่รับสายเธอ
หลังจากโทรหาลุคอยู่หลายสาย ในที่สุด ปลายทางก็ปิดเครื่องหนีไป
เมื่อเบียงก้ายืนอยู่หน้าลิฟต์ สติของเธอก็ล่องลอยออกไป ‘ลุคต้องส่งคนมาพาปู่ไปแน่ มันเป็นไปไม่ได้ที่ปู่จะหายไปเอง ตอนนี้ปู่คงกำลังจิบชาเล่นหมากรุกกับผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดอยู่แน่ ๆ’
ครั้งที่แล้ว ลุคพาปู่ไปที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด
ตอนนั้น ปู่บอกกับเธอว่าเขาเดินอยู่แถวละแวกบ้าน ตอนที่ถูกพวกอันธพาลล้อมเอาไว้ ปู่ยังบอกว่าเขาโชคดีที่ลุคเข้ามาจัดการคนพวกนั้นได้ทัน
นั่นเป็นเหตุผลที่ลุคพาปู่ไปที่บ้านของเขา
เมื่อเบียงก้าออกจากบ้านได้ เธอจึงเรียกแท็กซี่
ขณะที่เบียงก้าอยู่บนแท็กซี่ และเหม่อมองความพร่างพรายของบรรยากาศในเมือง เธอได้แต่คิดอย่างตรอมตรมว่าลุคนั้นเป็นชายที่เอาใจใส่เสียเหลือเกิน หญิงใดที่ได้ไปครอบครองก็คงจะคิดว่าเขาคือคนรักที่สมบูรณ์แบบและเป็นสามีที่ยอดเยี่ยมที่สุด
แต่ในชีวิตนี้ ไม่ว่าเธอกับเขาจะรักกันมากแค่ไหน ทั้งสองคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเคียงคู่กัน
…
ตลอดเส้นทางไปคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดด้วยรถแท็กซี่ เบียงก้ายังไม่สามารถติดต่อลุคได้
เธอคิดว่าเขาคงจะอยู่ที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดไม่ผิดแน่
ทันที่เธอถึงคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด เบียงก้าลงจากแท็กซี่แล้วหันกลับไปพูดกับคนขับ “คุณช่วยรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนได้ไหมคะ?”
คนขับแท็กซี่พยักหน้ารับ
เบียงก้าเดินตรงไปยังประตูของคฤหาสน์ แล้วกดกริ่งที่หน้าประตูนั้น เธอคิดเอาไว้แล้วว่าเธอจะพาปู่กลับทันทีที่เจอเขา
ไม่นานนัก พ่อบ้านก็เดินมาเปิดประตู
“คุณเรย์น ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ครับ?” พ่อบ้านคนนั้นดูประหลาดใจ
“ฉันมาตามหาปู่น่ะค่ะ” เบียงก้ามองไปยังพ่อบ้าน แล้วเอ่ยถามด้วยความสุภาพ “คุณปู่ฉันอยู่ที่นี่ไหมคะ?”
คำตอบของพ่อบ้านนั้นทำให้หัวใจที่เพิ่งสงบลงของเบียงก้ากลับมาตื่นตระหนกอีกครั้ง
“คุณปู่ของคุณไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ”
“ไม่อยู่เหรอคะ?” เบียงก้ามองไปที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ซึ่งเงียบงันเหลือเกิน “แล้วลุคอยู่ที่นี่รึเปล่าคะ?”
เบียงก้ามั่นใจว่าลุคเป็นคนส่งขนมหวานพวกนั้นมาให้เธอ
“ไม่ว่าจะคุณครอว์ฟอร์ด หรือคุณหนูลานี่คุณหนูเรนนี่ก็ตามแต่ ก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่หรอกครับ” พ่อบ้านกล่าว
ในตอนนั้นเอง อลิสันก้าวออกมาจากคฤหาสน์
ทันทีที่เธอเห็นว่าคนที่อยู่ตรงประตูคือเบียงก้า อลิสันก็เดินมา เธอโบกมือไล่ให้พ่อบ้านกลับเข้าไปด้านใน
พ่อบ้านคนนั้นพยักหน้าให้เบียงก้า ก่อนจะถอยออกไป
เมื่อตรงประตูเหลือพวกเขาแค่สองคน อลิสันมองเบียงก้าด้วยสายตาเย็นชา “เธอมาทำอะไรที่นี่มิทราบ?”
“ไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณค่ะ” เบียงก้าปิดประตูแล้วหันหลังกลับ
เธอไม่อยากจะได้ยินอะไรจากปากของอลิสันอีก
อลิสันที่ยืนอยู่ตรงประตูยิ้มเยาะใส่เบียงก้าที่กำลังขึ้นแท็กซี่ อลิสันกลับไปมองพ่อบ้านที่เพิ่งออกไปแล้วตะโกนเรียกเขา “เดี๋ยว”
พ่อบ้านหยุดฝีเท้าลง
“เมื่อกี้เธอพูดอะไรด้วย?” อลิสันเอ่ยถาม
“ตอนแรก คุณเรย์นบอกว่าจะมารับปู่ของเธอกลับครับ ผมก็เลยบอกเธอไปว่าคุณปู่ของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วเธอก็ถามหานายท่านครอว์ฟอร์ด ผมตอบเธอไปว่าทั้งนายท่าน นายน้อยลานี่และคุณหนูเรนนี่ทั้งสามต่างก็ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน” พ่อบ้านกล่าวตามจริง
อลิสันก้มลงและเริ่มใช้ความคิด ‘ปู่ของเบียงก้าไปไหนไม่บอกอย่างนั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมหลานสาวจะต้องออกตามหาเขาด้วยล่ะ? เธอตามหาเขามานานแค่ไหนแล้วก่อนจะมาถึงที่นี่?
...
เบียงก้าขอให้คนขับแท็กซี่ไปส่งเธอที่ใจกลางเมือง
ในเมื่อบลองช์และเรนนี่ไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ พวกเขาก็น่าจะอยู่กับพ่อของตัวเองแน่ บางทีพวกเขาอาจค้างที่อพาร์ตเมนต์ใจกลางเมืองแห่งนี้ก็เป็นได้
เธอยังคงติดต่อลุคไม่ได้เช่นเดิม
เมื่อเธอมาถึงที่อพาร์ทเมนต์ของลุคแล้ว เบียงก้าที่ไม่มีคีย์การ์ดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน
สุดท้าย เบียงก้าจึงเอ่ยว่า “ฉันรู้หมายเลขห้องค่ะ ถ้าฉันกดกริ่งหน้าประตู เจ้าของห้องจะต้องให้ฉันเข้าไปข้างในแน่”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า
เบียงก้ากดไปที่อินเทอร์คอมที่อยู่ตรงโต๊ะบริการ
เจ้าหน้าที่ที่โต๊ะบริการอนุญาตให้เธอได้ใช้อินเทอร์คอมเป็นกรณียกเว้น เนื่องจากเธออ้างว่าปู่ของเธอหายไปและกำลังตกอยู่ในอันตราย
ตามปกติแล้ว พวกเขาจะไม่อนุญาตให้ใครใช้ เพราะไม่ต้องการรบกวนผู้ที่พักอาศัยอยู่ที่นี่
ทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่มีรายได้มหาศาลกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกดาราดังกันทั้งนั้น
ในตอนที่กริ่งของอินเทอร์คอมดังขึ้น เบียงก้าพร้อมกับเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปบนลิฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ฉันเบียงก้าเองค่ะ ขอฉันเข้าไปข้างในได้ไหม?” น้ำเสียงของเบียงก้าต่ำลง ทันทีที่อินเทอร์คอมถูกเชื่อมต่อ เบียงก้าก็รีบพูดก่อนที่ลุคจะได้เอ่ยปาก
“เข้ามาสิ” ลุคนิ่งไปสองสามวินาที ก่อนจะตอบกลับมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก