พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 136

เบียงก้าร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของลุคเป็นเวลานาน จนกระทั่งเสียงจิ้งหรีดที่ร้องอยู่รอบกายทั้งสองเงียบลง เบียงก้าเหนื่อยอ่อนจากการร้องไห้ ทั้งยังรู้สึกปวดตุบที่ส่วนล่างของท้องน้อยและด้านล่างของแผ่นหลัง

เป็นความเจ็บปวดที่เธอต้องสัมผัสเดือนละครั้งเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว

แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะเร็วกว่ากำหนด

ยามที่ร่างกายของผู้หญิงไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วล่ะก็ ร่างกายจะตอบสนองอย่างผิดปกติ อาการประจำเดือนมาไม่ปกติเองก็รวมอยู่ในนั้นด้วย

เบียงก้าถอนตัวออกจากอ้อมกอดของลุค เธอทั้งเขินอายและกังวลไปพร้อม ๆ กัน เธอปาดน้ำตาอุ่น ๆ ออกจากดวงตา

ทันทีที่หน้าอกของลุคนั้นว่างเปล่าลง แววตาเศร้าของเขามองไปที่เธอ และเอ่ยถาม “เราจะอยู่ดูลาดเลาแถว ๆ นี้ต่อ หรือจะกลับไปเมืองเอดีล่ะ? ปู่ของคุณมีญาติอยู่เมืองนี้บ้างรึเปล่า?”

เขาจะเคารพทุกการตัดสินใจของเธอ

“ปู่ไม่มีญาติอยู่ที่นี่หรอก…”

ทันใดนั้น เบียงก้าก็เกิดความคิดที่ว่าถ้าหากปู่คิดจะหนีออกจากบ้านไปจริง ๆ เขาจะไม่กลับมาที่นี่อีก

เมื่อคิดไปอย่างนั้น เธอก็เริ่มกังวลว่าปู่อาจจะตกอยู่ในอันตราย

ภาพน่าหวาดกลัวมากมายถาโถมเข้ามาในความคิดของเธอ

ดูราวกับลุคจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เขาก้าวไปด้านหน้า แล้วยกมือขึ้นสางผมที่ไม่เป็นทรงของเธอในขณะที่เธอร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขา “ไม่มีข่าวคราวอะไรน่ะดีแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้น คงมีคนไปแจ้งตำรวจแล้วล่ะ

เบียงก้าเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอเชื่อในสิ่งที่เขาพูดแม้ว่าจะไม่มีเหตุผลใดมารองรับ

เธอฝากหัวใจทั้งดวงไว้กับเขาโดยไม่รู้ตัว

“จริง ๆ นะ เชื่อผมเถอะ” แววตานุ่มลึกมองไปยังดวงตาแสนบอบบางของเธอ

เบียงก้าพยักหน้า ‘มันต้องไม่เป็นไร ปู่ต้องไม่เป็นไร’

ราวกับการที่เบียงก้าบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้แล้ว จะทำให้ปู่ของเธอปลอดภัย...

“ขึ้นรถเถอะ เราจะกลับไปเมืองเอกัน” ลุควางมือใหญ่โตของเขาบนหัวไหล่ข้างซ้ายของเบียงก้า แล้วพาเธอไปที่รถ

ทันใดนั้นเบียงก้าก็หยุดลงและคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “รอที่นี่นะคะ ฉันต้องไปซื้ออะไรบางอย่าง ห้ามตามมาด้วย”

หลังจากพูดจบ เธอก็จากไป

ที่นี่มืดไปหมด แถมยังไม่มีแสงไฟข้างถนนเสียด้วย แสงเดียวที่ยังส่องสว่างอยู่ที่นี่มีเพียงแสงของดวงจันทร์เท่านั้น

เบียงก้าไม่กล้าที่จะขึ้นรถของลุคเพราะเกรงว่าเธอจะทำให้เบาะของเขาเปื้อน เธอรู้ดีว่าประจำเดือนของเธอจะต้องมามากขึ้นเรื่อย ๆ...

ลุคยืนตัวตรงเต็มความสูงที่ประตูราวกับอัศวินรัตติกาลที่เพิ่งจุติลงมาบนพื้นโลก

เบื้องหน้าของเขาคือรถเคนโรเจอร์สีดำที่จอดทิ้งไว้

ลุคจ้องมองไปยังร่างที่ผอมบางของเบียงก้าที่กำลังเดินไปร้านสะดวกซื้อ เขาไม่รีรอแล้วเดินตามเธอไป

บ้านเก่าของพ่อเฒ่าเรย์นนั้นห่างจากร้านสะดวกซื้อไปเพียงเล็กน้อย แต่เนื่องจากเธอไม่ได้กลับมาเหยียบเมืองเล็ก ๆ นี่เป็นเวลานานแล้ว จึงไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่แม้ว่าที่นี่จะเป็นบ้านเกิดของตัวเองก็ตามที

ลุคไม่อาจปล่อยให้ร่างของเธออยู่ละสายตา

เมื่อไปถึงร้านสะดวกซื้อ เบียงก้าหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดไฟฉายเพื่อมองหากริ่งประตูของร้าน

ในมณฑลเล็ก ๆ อย่างเจียงซี ปกติแล้วร้านสะดวกซื้อมักปิดหลังสามทุ่ม

ไม่มีใครมาหลังจากเวลานั้น เว้นเสียแต่จะมีเรื่องด่วน

“ทำไมไม่มีกริ่งประตูล่ะ?” เบียงก้าพึมพำอย่ากังวลพลางคลำหาจนทั่ว

ลุคปรากฏตัวขึ้น เขายื่นมือออกไปเคาะประตู

“มีใครอยู่ไหมครับ?”

เสียงของชายหนุ่มนั้นน่าดึงดูด ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงเจ้าของร้านตอบกลับมาจากข้างใน “ดึกดื่นเที่ยงคืนขนาดนี้ ใครมากัน?

“พวกเรามาซื้อของน่ะค่ะ เปิดประตูให้เราหน่อยค่ะ…” เบียงก้าพูดขึ้นก่อน

น้ำเสียงเย็นชาและกระดากหูของลุคปลุกให้เจ้าของร้านตื่น แต่เขาก็คงไม่กล้าที่จะเปิดประตูให้เจ้าของเสียงที่ฟังดูน่ากลัวเช่นนี้หรอก

เมื่อเจ้าของร้านได้ยินเสียงของผู้หญิงด้วย เขาก็สวมเสื้อคลุมแล้วเปิดประตูออกให้

เจ้าของร้านเป็นหญิงวัยกลางคน เธอมองไปที่ผู้มาเยือนทั้งสองที่อยู่นอกประตู

“พวกคุณดูไม่เหมือนคนแถวนี้เลยนะ” เจ้าของร้านรู้สึกลังเลว่าจะปิดประตูดีหรือไม่

“ฉันจำเป็นต้องซื้อของบางอย่างค่ะ” เบียงก้ากล่าว แล้วหันกลับมามองที่ลุค “รอฉันอยู่ข้างนอกนี่นะคะ ไม่ต้องตามเข้ามา”

ลุคไม่เข้าไป

เบียงก้านำเงินออกมา และซื้อผ้าอนามัยหนึ่งห่อ

หลังจากที่หญิงวัยกลางคนได้รับเงินแล้ว ก็พาเบียงก้าออกไป นี่มันดึกมากแล้ว และพวกเขาก็ไม่ใช่ชาวบ้านแถวนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเด็กสาวคนนี้จะสวยและดูไม่มีพิษมีภัยก็ตามแต่ อย่างไรเธอก็ต้องระวังตัวไว้

“ขอโทษนะคะ ฉันขอให้ห้องน้ำได้รึเปล่า?” เบียงก้าขอความช่วยเหลือ

“ห้องน้ำเหรอ?” เจ้าของร้านปฏิเสธเสียงดัง “ไม่ได้! ไปหาที่อื่นเถอะ!”

หลังจากพูดจบ เธอก็พาเบียงก้าออกมา

เบียงก้าไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงออกจากร้านสะดวกซื้อมา

ถึงแม้เธอจะหาซื้อผ้าอนามัยมาได้ แต่ก็หาที่ใส่ไม่ได้อยู่ดี...

ลุคยืนสูบบุหรี่อยู่ด้านนอก เขาพ่นลมหายใจแล้วหันมามองเธอ “เกิดอะไรขึ้น?” เขาถาม

เบียงก้ามองไปรอบกาย นอกจากเกสต์เฮาส์แล้วไม่มีที่ไหนที่เปิดไฟทิ้งไว้เลย

“เกิดอะไรขึ้น?” ลุคเริ่มกลับมาจริงจังทั้งยังพบว่าเบียงก้าทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ตั้งแต่ไปที่ร้านสะดวกซื้อนั่นแล้ว เขารู้สึกราวกับว่าเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างจากเขา

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราไปที่เกสต์เฮาส์กันเถอะค่ะ” เบียงก้ากล่าวพลางยัดผ้าอนามัยลงกระเป๋าของตัวเองไป

ลุคคว้าข้อมือของเธอไว้ แล้วดึงเธอมาอยู่ตรงหน้า เขาใช้อีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาสั้นของเบียงก้าเพื่อหยิบของสิ่งนั้นออกมาดู

มันคือผ้าอนามัยแบบบางเฉียบสำหรับกลางวัน

เขาหลี่ตามองเธอโดยที่มีบุหรี่คาบอยู่ในปาก “คุณมีประจำเดือนเหรอ?”

“ฉัน…” พวงแก้มของเบียงก้าขึ้นสี เธอได้แต่ก้มหน้าลง

‘เขารู้ไปหมดทุกอย่างได้ยังไง?’

‘แถมยังพูดออกมาโต้ง ๆ อีก’

ลุคคืนผ้าอนามัยให้เธอ แล้วพูดอย่างหน้าตาเฉยไม่ต่างจากคำสั่ง “ในช่วงเวลาที่พิเศษแบบนี้ ผมหวังว่าคุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่ถ้าคุณยังเอาแต่วิ่งไปนู่นมานี่มากเกินไปล่ะก็ คุณนั่นแหละที่จะทำร้ายตัวเอง”

เขาดึงมือเธอให้เดินตามตัวเองไปยังเกสต์เฮาส์

เพราะว่าที่นี่เป็นเมืองเล็ก จึงมีเกสต์เฮาส์อยู่เพียงที่เดียว

หลังจากเช็กอินแล้ว เบียงก้าวางผ้าอนามัยของตัวเองไว้ในห้องน้ำ ขณะที่เขารออยู่ด้านนอก ลุคยืนรออยู่นอกห้องน้ำเพราะกังวลว่าแขกจากห้องอื่นจะเข้ามาแล้วทำให้เบียงก้าตกใจ

“เราค้างที่นี่กันสักคืนเถอะ เจสันจัดการส่งคนไปคอยดูแถวละแวกบ้านคุณแล้ว พวกเขาจะจัดการให้เอง ถ้าได้เรื่องอะไรแล้ว พวกเขาก็จะแจ้งเรามาทันทีแน่นอน” ลุคบอกกับเธอในขณะที่เธอยังอยู่ในห้องน้ำ และเพราะเขาห่วงว่าเธอจะไม่ได้พักอย่างที่ควร จึงโกหกเธอออกไปว่า “แล้วผมก็คิดว่าตัวเองคงขับรถต่อไม่ไหวแล้วล่ะ ผมไม่อยากทำให้เราสองคนต้องประสบอุบัติเหตุเพราะผมขับรถไม่ไหวหรอกนะ

เบียงก้าไม่มีข้อหักล้างใด ๆ เธอจึงตกปากรับคำเขาค้างคืนที่นี่เสียเลย

หลังจากที่ลุคพาเบียงก้าไปส่งที่ห้องของพวกเขาแล้ว ลุคก็ออกไปขอให้เจ้าของเกสต์เฮาส์เอาอุปกรณ์อาบน้ำไปส่งที่ห้องให้ด้วย ขณะเธออาบน้ำ ลุคก็ขอให้เจ้าของทำอาหารเย็นอุ่น ๆ มาให้เธอเช่นกัน

เพื่อหารายได้ เจ้าของเกสต์เฮาส์วางเกมโป๊กเกอร์บนมือถือลง แล้ววิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อทำโจ๊กอย่างมีความสุข

“มีอะไรที่ภรรยาคุณรับประทานไม่ได้ไหมคะ?” หญิงเจ้าของเกสต์เฮาส์เดินออกมาถาม

ลุคครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงคมเข้ม “เธอเป็นประจำเดือนน่ะครับ เพราะงั้นอยากให้เลี่ยงของที่เธอไม่ควรทานช่วงนี้ให้ด้วย”

หญิงเจ้าของเกสต์เฮาส์อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง”

ลุคพยักหน้ารับ “ขอบคุณครับ”

ผ่านไปครู่หนึ่ง สามีของหญิงเจ้าของเกสต์เฮาส์ก็เข้ามาในครัว ขณะที่เตรียมทำโจ๊กที่อุดมไปด้วยสารอาหาร เขาก็กระซิบกับสามี “ดูสิ เขาทั้งเป็นสุภาพบุรุษแสนสุภาพ รู้จักเอาใจภรรยาของเขาขนาดไหน แต่คุณน่ะมันไม่มีความสามารถ แถมยังขี้บ่นทั้งวี่ทั้งวันอีก”

หลังจากได้รับประทานโจ๊กร้อน ๆ ท้องของเบียงก้าก็รู้สึกดีขึ้น

แม้ว่าจะเหลือห้องพักเพียงห้องเดียว และทั้งสองคนต้องอยู่ร่วมเตียงเดียวกัน เบียงก้าก็เชื่อว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอที่ยังหาปู่ไม่พบ

ดังนั้น เธอจึงกล้าหลับตาลงอย่างสงบใจ ในที่สุด เธอก็ได้พักผ่อนอย่างที่ปรารถนาเสียที

เวลาประมาณตีสาม เบียงก้าจึงหลับลง

ร่างกายอันร้อนแรงของลุคโอบกอดเธอเอาไว้ และคว้าเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน

เนื่องจากเธอเพิ่งเริ่มมีประจำเดือน ร่างกายของเบียงก้าจึงทั้งเย็นเฉียบและอ่อนแอ ก่อนจะรู้ตัวร่างกายของเธอก็โผเข้าหาความอบอุ่นโดยอัตโนมัติ ซึ่งหมายความว่าเธอโอบกอดเขากลับนั่นเอง

ลุคไม่ยอมหลับยอมนอนด้วยความเป็นห่วง มือซ้ายที่ทั้งอบอุ่นแล้วหยาบกระด้างของเขาล้วงเข้าไปในเสื้อของเธอหวังจะอุ่นหน้าท้องส่วนล่างให้ เขาอยากช่วยให้เธออบอุ่นและหลับให้สบาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก