เบียงก้าหลับไปจนเจ็ดโมงเช้า
บรรยากาศยามเช้าของเมืองนี้ไม่ได้ดีไปกว่าเมืองเอเลย มันหนวกหูเสียเหลือเกิน เนื่องจากเกสต์เฮาส์อยู่ห่างจากถนนสายหลักไปไม่กี่เมตรเท่านั้น
เสียงของพ่อค้าแม่ขายตามถนนลอยเข้าหูเบียงก้าตั้งแต่ฟ้าสาง
หลังจากเธอตื่นขึ้นอย่างช้า ๆ เบียงก้าเห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องเล็ก ๆ ของเกสต์เฮาส์นอกจากเตียงที่เธอนอนอยู่นี้ก็แทบจะไม่มีอะไรเลย หน้าต่างของห้องเปิดทิ้งไว้ ในขณะที่เครื่องปรับอากาศยังคงปิดอยู่
แม้ว่าเบียงก้าจะรู้สึกไม่สบายตัวเพราะเป็นประจำเดือน แต่ก็สามารถนอนหลับได้อย่างสงบสุขที่สุดในช่วงหลายวันมานี้
เบียงก้าลุกขึ้น เธอคว้าเอาโทรศัพท์ที่อยู่ข้างหมอนขึ้นมาดูเวลา เป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว
ลุคไปไหนล่ะ?
ในตอนที่เบียงก้าออกจากห้องไปเพื่อเปลี่ยนผ้าอนามัย หญิงเจ้าของเกสต์เฮาส์เดินผ่านเบียงก้าแล้วเอ่ยปากกับเธอ “คุณตื่นเช้าจังนะคะ สามีของคุณยืนสูบบุหรี่อยู่ด้านนอกนู่นน่ะค่ะ”
เบียงก้าพยักหน้าด้วยความว่างเปล่า
เป็นที่แน่ชัดว่าสามีที่เจ้าของเกสต์เฮาส์หมายถึงคือลุค
หลังจากที่เบียงก้าเข้าไปอาบน้ำ เธอตั้งใจจะรับประทานอาหารเช้ากับลุคก่อนกลับเมืองเอ
ในเมื่อปู่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาก็คงไม่คิดจะกลับมาเร็ว ๆ นี้แน่
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่สับสนวุ่นวายและอับจนหนทางมาเมื่อวาน เบียงก้าจึงได้คิดอย่างมีเหตุผลได้ว่า ปู่คงไม่ได้หนีออกจากบ้านหรอก
ถ้าปู่จะหนีออกจากบ้านจริง ๆ จุดประสงค์ของการหนีออกจากบ้านก็คงไม่พ้นเรื่องที่ปู่อยากจะลดภาระของเธอ
อย่างไรก็ดี ทำไมปู่ต้องอยากแบ่งเบาภาระของหลานสาวด้วยล่ะ? คำตอบก็คงเป็นเพราะปู่รู้สึกแย่ที่ต้องทนเห็นหลานสาวต้องอยู่อย่างยากลำบาก แต่การที่ปู่ห่วงหลานสาวมากเกินไปถึงขนาดจากไปโดยไม่ร่ำลา ปู่เองก็คงรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นมีแต่จะทำให้หลานสาวยิ่งเป็นกังวล
ด้วยเหตุนี้ เบียงก้าจึงมั่นใจว่าปู่คงไม่ได้หนีออกจากบ้านจริง ๆ
บางทีเขาอาจจะแค่หลงทาง หาทางกลับบ้านไม่ถูก หรืออาจเป็นเหตุผลอื่น...
เธอไม่กล้าจินตนาการต่อ...
เป็นอย่างที่ลุคว่าไว้เมื่อคืน “ไม่มีข่าวคราวอะไรน่ะดีแล้ว”
ลุคที่เพิ่งสูบบุหรี่เสร็จเดินกลับเข้ามาด้านใน
เบียงก้าเช็กเอาต์ออกจากเกสต์เฮาส์พร้อมกับลุค ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปหาอะไรรับประทานเป็นมื้อเช้าที่ร้านอาหารใกล้ ๆ
หลังจากเบียงก้านั่งลง ลุคสั่งน้ำเต้าหู้และโดนัท “ขอน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลแก้วหนึ่ง แล้วก็น้ำเต้าหู้ใส่น้ำตาลสองช้อนอีกหนึ่งแก้วครับ”
“ได้เลย!” เจ้าของร้านตอบอย่างชอบใจ
ลุคนั่งลงตรงข้ามกับเบียงก้า
ผู้คนที่เดินขวักไขว่กับอยู่แถวตลาดเช้า มักประกอบไปด้วยพวกผู้ใหญ่ที่ตื่นเช้าแต่ไม่รู้จะทำอะไรดี คนชราและคนวัยกลางคน นักเรียนประถมจากโรงเรียนใกล้ ๆ และนักเรียนมัธยมทั้งหลายแหล่
ทั้งลุคและรถของเขานั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
เมืองนี้ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ดังนั้นการที่มีชายใส่สูทผูกไทแถมยังหน้าตาหล่อเหลาเอาการพวกนี้ ส่วนใหญ่มักจะปรากฏตัวบนหน้าหนังสือพิมพ์เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกชาวบ้านยังเห็นคนพวกนี้จากหนังสือพิมพ์จากต่างเมืองต่าง ๆ ไหนจะนิตยสารที่มักนำเสนอดาราชายหน้าตาดี แต่งตัวดีจากฮอลลีวูดอีกแล้ว ไม่ว่าเจ้าหน้าหล่อเหล่านั้นจะทำอะไร ก็ยังคงดูมาดแมนสมชายอยู่ดี
ในตอนที่ชายที่ดูเป็นผู้ใหญ่นั่งลงที่ตลาดเช้า ทุกคนในบริเวณนั้นอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามาทำอะไรที่เมืองเล็ก ๆ นี่
ไม่ว่าจะถูกพวกเขาจ้องมองอย่างไร เบียงก้าก้มหน้าลง เธอได้แต่กัดหลอดของตัวเองและดื่มน้ำเต้าหู้ตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ
ตอนยังเด็ก เธอมักจะรับประทานโดนัทกับปู่ที่นี่เสมอ ย้อนกลับไปตอนนั้น มีคู่สามีภรรยาเป็นเจ้าของร้านนี้ ซึ่งเป็นพ่อแม่ของเจ้าของร้านคนปัจจุบัน
รสชาติยังคงเหมือนเดิม
ตั้งแต่นั้นมา เบียงก้าดื่มน้ำเต้าหู้กับน้ำตาลสองช้อนเสมอ
ลุคสั่งน้ำเต้าหู้ใส่น้ำตาลสองช้อนให้เธอโดยไม่ต้องถาม เบียงก้าจึงอยากรู้นักว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรืออย่างไร
“คุณกินหมดไหม?” ลุคเอ่ยถามเรื่องโดนัทที่อยู่ตรงหน้าเธอ
เบียงก้าเงยหน้ามองแล้วส่ายศีรษะ
ลุคหยิบโดนัทที่วางอยู่ตรงหน้าเธอรับประทานจนหมดแทน
ขณะดื่มน้ำเต้าหู้อยู่นั้น เบียงก้าได้แต่คิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ถ้าเธอได้อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับลุคตั้งแต่เด็ก เธอจะเป็นเช่นไร? ไม่ว่าจะต้องอยู่กับครอบครัวที่ยากจนข้นแค้นอย่างเรย์น หรือครอบครัวของมหาเศรษฐีอย่างครอว์ฟอร์ด หรือแม้แต่บ้านเด็กกำพร้า เธอได้แต่สงสัยว่าชะตากรรมของเธอกับพี่ชายเช่นลุคจะเป็นอย่างไร?
ถ้าเธอมีพี่ชายที่หล่อเช่นนี้ ผู้หญิงทั้งหลายรอบตัวเขาคงอยากจะมาเป็นพี่สะใภ้ของเธอแน่นอน
แล้วถ้าเป็นเธอที่มีแต่คนห้อมล้อมล่ะ เธออยากรู้ว่าพี่ชายอย่างลุคจะเข้มงวดกับการเลือกผู้ชายให้เธอรึเปล่าหรือเขาจะเลือกผู้ชายที่ดีที่สุดให้เธอหรือไม่
“คุณคิดอะไรอยู่น่ะ?” ลุครับประทานอาหาร แต่ไม่ละสายตาไปจากเธอ
“ฉันกำลังคิดว่าถ้าคุณเป็นพี่ชายของฉัน…” เบียงก้าเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เธอมองเขาด้วยแรงปรารถนาและจินตนาการ
แต่ก่อนที่เธอจะพูดจนจบ ลุคขมวดคิ้วแล้วกล่าวขัดคอ “คุณจะบังคับให้ผมร่วมประเวณีกับน้องสาวตัวเองงั้นเหรอ?”
"..."
เบียงก้าไม่อาจพูดอะไรต่อได้อีก
ดวงตาของลุคฉายแววหม่นหมอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเอาแต่ยืนกรานจะถือให้เขาเป็นพี่ชายอยู่อย่างนั้น เขาได้แต่สงสัยว่าเป็นความคิดประหลาดอย่างไหน หรือเธอมีอาการผิดปกติอะไรที่ไม่มีใครรู้...
ในทันใดนั้นเอง คู่สามีภรรยาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะถัดไปอุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมแขน
เมื่อผู้หญิงนั่งลง ฝ่ายชายก็เดินไปหยิบชามพุดดิ้งและโดนัทให้เธอ
“เร็วหน่อยสิคุณ ฉันอุ้มลูกต่อไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวพยายามอุ้มเด็กทารกที่เอาแต่ขยับไปมา
ชายคนนั้นหยิบจานพุดดิ้งและโดนัทขึ้นมาขณะมองไปที่ลุคและเบียงก้าเป็นระยะ ๆ ขณะที่เขายังไม่เลิกมอง ภรรยาของเขาก็สังเกตเห็น
ภรรยาคนนั้นคิดว่าสามีของเธอกำลังมองสาวสวยคนอื่น เธอจึงหันไปมองบ้างก่อนจะจบลงที่ถูกสามีของหญิงสาวคนนั้นจ้องมองกลับมา
เด็กทารกในมือของเธอเกือบจะกลิ้งตกลงไป ก่อนที่ฝ่ายภรรยาจะได้สติแล้วอุทานออกมา “ลูกแม่ บอกมาตรง ๆ เลยนะว่าลูกเป็นปลาใช่ไหม? ทำไมถึงดิ้นไม่ยอมหยุดเลย?”
ในตอนที่สามีกลับมานั่ง เขายังไม่ละสายตาไปจากโต๊ะข้าง ๆ
เขาคิดว่าทั้งสองคนดูคุ้นตา แต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่แน่ใจ
กระทั่ง หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาใกล้ เธอเป็นเพื่อนบ้านของเบียงก้าซึ่งได้พบกับเธอเมื่อตอนที่เบียงก้ามารับปู่ครั้งก่อน
“นั่นบี บ้านเรย์นใช่ไหม? เธอกลับมาที่นี่ทำไม?” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถาม
คู่สามีภรรยาที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ มองหน้ากัน เดิมทีชายคนนั้นคิดว่าผู้ชายโต๊ะข้าง ๆ คือลุค ครอว์ฟอร์ด เพื่อนร่วมชั้นเก่าของตน แต่เพราะเวลาผ่านไปนานมากแล้ว รูปร่างหน้าตาของเขาจึงเปลี่ยนไป เขาสูงขึ้น และมีรังสีอันทรงพลังจนสะกดคนอื่นได้ เขาคงไม่กล้าที่จะทักหรือเอ่ยถามว่าเขาคือลุคที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของตนรึเปล่า?
‘แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นคือเบียงก้า เรย์น นั่นก็หมายความว่าชายคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็คือลุค ครอว์ฟอร์ดน่ะสิ...’
“นายจำฉันได้ไหม? ที่นายเคยให้ลูกบาสฉันสมัยมัธยมไง” สามีอุ้มเด็กมาทักทายลุค
ลุคและเบียงก้ามองเขาเป็นตาเดียว
...
20 นาทีต่อมา
ที่สนามหญ้าของโรงเรียนในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ เบียงก้ายืนอยู่บนสนามหญ้าของโรงเรียน ขณะมองข้ามกำแพงที่แยกโรงเรียนมัธยมต้นและปลายออกจากกัน เมื่อได้มองกำแพงนี้แล้วเบียงก้าก็จำอะไรขึ้นมาได้หลายอย่าง
เธอยังจำทุกการกระโดดและการดังค์ลูกบาสที่สนามของลุคได้ดี
“ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นนายรึเปล่า แค่รู้สึกคุ้น ๆ หน้าเท่านั้นแหละ แต่พอได้ยินป้าเรียกเบียงก้า ฉันถึงมั่นใจว่านายต้องเป็นเพื่อนร่วมชั้นตอนมัธยมปลายแน่ พวกนายสองคนแต่งงานกันรึยัง?” พ่อของเด็กยิ้มอย่างจริงใจ เขาทั้งตื่นเต้นและเอียงอายไม่น้อยเมื่อต้องหวนคิดถึงอดีตกับเพื่อนร่วมชั้นเก่าที่ร่ำรวย
“จริงด้วย พวกคุณแต่งงานกันรึยัง?” แม่ของเด็กเอ่ยถามซ้ำ เมื่อรู้ว่าลุค ครอว์ฟอร์ดตกหลุมรักเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมต้นของเธอ เธออยากรู้เรื่องที่เขาหายตัวไปทั้งที่บอกว่าจะรอให้เบียงก้าเติบโต
ลุคพยักหน้า “อื้ม พวกเราแต่งงานกันแล้วล่ะ เบียงก้ากับฉันมีลูกด้วยกันสองคนแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก