พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 139

เบียงก้าเข้าไปในรถไฟใต้ดิน

ระหว่างทางจากอพาร์ตเมนต์ของลุคจนถึงสถานีรถไฟใต้ดิน แม้จะไม่ได้หันกลับไปมอง แต่เธอก็รู้ว่าเขาตามมาอย่างเงียบ ๆ อยู่ตลอด เขายังกังวลเรื่องเธออยู่

รถไฟเริ่มเคลื่อนตัว และหลังจากผ่านไปหลายสถานี ในที่สุดก็ถึงที่หมายของเธอ

เบียงก้าออกจากรถไฟแล้วเดินไปที่ทางออก

ณ ระแวกบ้านของเบียงก้า

เธอเห็นเจสันกับตำรวจ

เธอเดินตรงเข้าไปหาเจสัน พอเขาเห็นเธอ เขาก็หยุดสูบบุหรี่แล้วหันมามองที่เธอ ตอนแรกเขาคิดว่าเธอกำลังอยู่กับคุณครอว์ฟอร์ด

“ขอบคุณที่ทำงานอย่างหนักนะคะ คุณดอยล์ กลับไปพักเถอะค่ะ” เบียงก้ากล่าวอย่างซาบซึ้งและตรึงใจ

เจสันรู้ว่างานของเขาคือการทำเพื่อคนอื่น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล่าวขอบคุณเขาเช่นนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินเล็กน้อย “ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณอยากจะขอบคุณใครสักคน ก็ขอบคุณคุณครอว์ฟอร์ดเถอะครับ”

เขาไม่ลืมที่จะให้ความดีความชอบของเจ้านายของตน

“บี!” ซูลงจากรถพร้อมแล็ปท็อปในมือ

เบียงก้าเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังซู

เจสันมองไปยังซูแล้วออกคำสั่ง “ขึ้นไปข้างบนกับเบียงก้าเถอะ”

ซูเข้าใจในความหมายของเจสัน

ตั้งแต่ที่ปู่ของเบียงก้าหายไป มันชัดเจนว่าเธอเป็นกังวล ดังนั้นในฐานะของเพื่อนร่วมงานแสนดีและเพื่อของเบียงก้า ซูรู้ดีว่าเธอควรมาเยี่ยมเบียงก้าบ้าง

แต่เมื่อเธอพบว่าเบียงก้าไม่อยู่บ้าน เพราะไปอยู่กับเจ้านาย แถมเธอยังต้องอยู่ช่วยเจสันอีก

“ไปกันเถอะ ปล่อยให้คุณดอยล์จัดการเรื่องนี้เถอะนะ”

ซูเอ่ยปากเรียกเบียงก้า

พวกเธอขึ้นชั้นบนไปด้วยกัน

เบียงก้าเปิดประตูออก บ้านเช่าของเธอเงียบสงัด

“นั่งก่อนนะ” หลังจากเอ่ยปากเชิญ เบียงก้าเดินเข้าไปในครัวเพื่อต้มน้ำสำหรับดื่ม

ซูยุ่งมาก เธอก้มหน้าก้มตาทำงานแล้วกล่าว “ปู่เธอไม่เป็นไรหรอกน่า อย่ามัวแต่กังวลเรื่องเขามากไปจนปล่อยให้ตัวเองป่วยสิ”

เบียงก้าจ้องไปที่เก้าอี้โยกที่ปู่ชอบนั่ง

หลังจากเซื่องซึมอยู่ทั้งวัน ร่างกายที่ไม่สู้ดีนักของเธอก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง

เมื่อซูทำงานเสร็จและเก็บแล็ปท็อปแล้ว เธอจึงหันไปมองเบียงก้า ก่อนจะพบว่าเบียงก้านอนขดตัวอยู่บนเตียงอย่างกับลูกแมวป่วย เธอดูน่าสงสารเหลือทน

ซูตัดสินใจค้างคืนที่นี่ต่อ

วันต่อมา อาการปวดประจำเดือนของเบียงก้านั้นหายไปหมดแล้ว

เมื่อเธอตื่นขึ้น ก็พบว่าซูยังไม่กลับไป เบียงก้าจึงเดินไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้า

ซูตื่นขึ้นเนื่องจากได้ยินความเคลื่อนไหวภายในบ้าน ก่อนจะมองบรรยากาศที่แปลกตาไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเธอหลับไปในบ้านของเบียงก้า

ในห้องครัว

เบียงก้าตอกไข่สองใบใส่ชาม หลังจากตีจนเข้ากันแล้ว จึงวางชามไข่ลง

เธอหยิบมีดทำครัวขึ้นมาและหั่นผักที่ล้างเอาไว้แล้ว

ในเดือนนี้ อากาศตอนเช้าหนาวจัด และอาจทำให้เป็นหวัดได้หากเสื้อผ้าที่ใส่น้อยชิ้นเกินไป เบียงก้าอดไม่ได้ที่จะกังวลว่าปู่จะเป็นอย่างไรในตอนนี้ เขาใส่เสื้ออุ่นพอรึเปล่า? หรือกำลังหนาวเหน็บอยู่กันนะ?

เธอเอาแต่คิดถึงเรื่องพวกนี้ มีดทำครัวที่กำลังหั่นผักอยู่จึงบาดนิ้วชี้ข้างซ้ายของเธอเขาเพราะความสะเพร่า

กว่าเบียงก้าจะรู้สึกเจ็บก็ใช้เวลาพอสมควร

ซูควานหาอุปกรณ์อาบน้ำออกจากกระเป๋า แล้วนำเข้าห้องอาบน้ำไป ตอนที่เธอผ่านทางเข้าห้องครัว เธอก็บังเอิญเห็นว่านิ้วชี้ข้างซ้ายของเบียงก้านั้นมีเลือดออก

“เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?” ซูทิ้งอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำในมือ แล้วรีบวิ่งเข้ามาในครัว พลางดึงมือของเบียงก้ามาดูและตัวสั่นทันทีที่เห็นเลือด

เบียงก้าก้มศีรษะลงแล้วพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา “ฉันจะไปหาผ้าก๊อซมาก่อนนะ”

“เธอสะเพร่าแบบนี้ได้ยังไง?!” ซูหยิบผ้าก๊อซที่เบียงก้านำมา แล้วนั่งคุกเข่าลงบนพื้นพรม เธอพันแผลให้เบียงก้าด้วยใบหน้าขมวดมุ่น

ขณะพันผ้าก๊อซที่นิ้วของเบียงก้า ซูบ่นอย่างเคืองโกรธ “ฉันเข้าใจว่าเธอรู้สึกไม่ดีที่ยังหาปู่ไม่เจอนะ แต่เธอจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้สิ ปู่น่ะแก่แล้วนะ มนุษย์เราไม่รู้หรอกว่าชะตากรรมแบบไหนที่รอเราอยู่ตอนวาระสุดท้าย ไม่ใช่แค่ปู่เธอหรอกนะ แต่รวมไปถึงพ่อแม่ปู่ย่าตายายของทุกคนด้วย พอโตขึ้น คนหนุ่มสาวทุกคนก็ต้องเจอปัญหาแบบเดียวกันทั้งนั้นแหละ สุดท้ายแล้วเราก็ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียด้วยกันทั้งนั้น”

เบียงก้าพยักหน้า หยาดน้ำตาอุ่นเอ่อขึ้นมาขึ้นครั้ง

ซูมองใบหน้าเธอ และกลัวว่าเธอจะร้องไห้ “เราทำอะไรเรื่องปู่ไม่ได้ในตอนนี้ ดังนั้นเราควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ บางทีถ้าเธอกลับไปที่ทำงานกับฉัน เธออาจยุ่งจนไม่ได้คิดอะไรก็ได้นะ ปู่อาจจะกลับมาตอนที่เราเลิกงานก็ได้นะ”

เบียงก้าพยักหน้า

เธอไม่อาจทิ้งงานไว้เบื้องหลังได้ เพราะพ่อยังอยู่ในโรงพยาบาลเพราะมะเร็งปอด เธอต้องดูแลเขา

เช้าตรู่ ณ บริษัท ที คอร์ปอเรชั่น ทุกคนอยู่ในชุดที่เป็นทางการ

ซูและเบียงก้าเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน ก่อนจะเข้าไปในแผนกออกแบบ

“ตำรวจมาที่นี่ทำไมล่ะ?” ซูสังเกตเห็นตำรวจท่าทางขึงขังสองนายนั่งอยู่บริเวณแผนกต้อนรับ

ทันทีที่เพื่อนร่วมงานตั้งท่าจะล้อมวงเข้ามาจับเข่าคุยกัน หัวหน้าแผนกก็เปิดประตูออกมาแล้วเรียกซู “เข้ามาหน่อย”

ซูไม่มีเวลาได้ฟังเรื่องซุบซิบ และรีบเข้าไป

ในห้องทำงานของหัวหน้าแผนก

หัวหน้าแผนกของพวกเขาดูหงุดหงิดขณะพูดกับซู “จะเป็นอะไรไหมถ้าทีมเธอจะรับหน้าที่ดูแลโครงการที่ฌองและทีมของเขาควบคุมดูแลอยู่ ณ ตอนนี้แทน?”

เมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น เธอก็รู้สึกเบิกบานหัวใจเป็นที่สุด “ไม่มีปัญหาค่ะ ด้วยความยินดีเป็นอย่างสูงเลยค่ะ”

โครงการที่ได้รับต่อมาเป็นโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าหน้าไหน ๆ ในฝ่ายออกแบบแห่งนี้ก็ต้องการรับผลงานชิ้นโตนี้กันทั้งนั้น

หัวหน้าแผนกพยักหน้ารับ “ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็เยี่ยมเลย ในแง่ของการส่งงานต่อ เราต้องรอให้ฝ่ายบริหารจัดการให้เรียบร้อยก่อนนะ”

ซูต้องการเอ่ยถามว่ามีอะไรเกิดขึ้นกันแน่

กระนั้น เธอก็สามารถเอ่ยปากบอกได้เลยว่าตอนนี้หัวหน้าแผนกกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก ดังนั้น อย่าเอ่ยปากถามเรื่องอะไรเลยเป็นดีที่สุด

หลังจากออกมาจากห้องทำงาน ซูก็เหลือบตามองทางโต๊ะฝ่ายต้อนรับ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงนั่งรออยู่ตรงนั้น

ทันใด ฌองก็มาถึงที่บริษัท

เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายเดินประกบเขาในทันที ขณะที่ฌองกำลังวางข้าวของลงบนโต๊ะ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็แสดงตนและใส่กุญแจมือฌองอย่างทันท่วงที

บรรดาเพื่อนร่วมงานตกตะลึง!

เบียงก้าก็หันไปมองทางนั้นเช่นกัน

พวกเขาต่างได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดว่า “ทางเรามีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีวางยาสลบพนักงานสาวคนหนึ่งที่คลับเฮาส์ส่วนตัวครับ ทางเราขออนุญาตนำตัวคุณไปสถานีตำรวจเพื่อสอบสวนเรื่องราวต่อ ได้โปรดให้ความร่วมมือกับเราด้วยครับ”

บรรดาเพื่อนร่วมงานตกตะลึงเมื่อได้ยินข้อกล่าวหา ‘คลับเฮาส์เหรอ? วางยา?’

ทุกคนต่างคาดเดากันว่าเรื่องนี้น่าจะเกิดข้องกับคืนที่แผนกของพวกตนออกไปสังสรรค์ และต่างสงสัยกันว่าเพื่อนร่วมงานสาวคนไหนกันที่โดนฌองวางยาสลบ

สีหน้าของฌองดูย่ำแย่ เขาได้แต่เงียบในตอนนั้น เขาตัดอีวอนน์ออกจากความเป็นไปได้ที่เธอจะเป็นคนแจ้งตำรวจ จากนั้นเขามองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาเกลียดชัง เขาดิ้นจนพ้นจากการจับกุมของตำรวจแล้วเดินตรงไปหาเธอ

ทันทีที่เบียงก้าเงยหน้ามองเขา เธอก็ไม่มีโอกาสให้หลบ มือที่ถูกใส่กุญแจของเขาคว้าเอาแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะยกขึ้นมาแล้วฟาดใส่หน้าของเธอ

“ให้ความร่วมมือกับเราด้วยครับ!” ตำรวจรีบเข้ามากดเขาลงกับพื้น

เพื่อนร่วมงานหญิงตกใจและมองไปที่เบียงก้าด้วยความเห็นใจ เธอมองไปที่ฌองซึ่งถูกตำรวจพาตัวไปแล้วกล่าวว่า “นี่เขาบ้าหรือว่ามีอาการทางจิตอะไรรึเปล่า?”

“เธอเป็นอะไรไหม?” ซูก้าวเข้ามาตบไหล่ของเบียงก้าอย่างต้องการปลอบใจ

ทันทีที่หัวหน้าแผนกเดินมาแล้วเหลือบมองเบียงก้า เธอดูหงุดหงิดยิ่งกว่าเก่า “ซู พาทีมของคุณขึ้นไปชั้นบนสุดที เจ้านายมีเรื่องจะหารือด้วย”

ซูพยักหน้าแล้วหันกลับมากระซิบกับเบียงก้า “มา ๆ ไปประชุมกับเถอะ” ซูหวังว่าเจ้านายของพวกเธอจะให้เวลาปลอบเบียงก้าสักหน่อย

‘การปลอบใจของเพื่อนร่วมงานจะไปสู้เจ้านายได้อย่างไร’

ในยามที่อ่อนแอที่สุด ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็อยากมีไหล่ของชายคนรักไว้แอบอิงด้วยกันทั้งนั้น

เบียงก้าได้แต่กลั้นน้ำตาอันแสนเจ็บปวดของเธอไว้ แล้วนำเอกสารที่เกี่ยวข้องและแล็ปท็อปของตัวเองไปพร้อมกับซูและคนอื่น ๆ

“คุณครอว์ฟอร์ดมาถึงแล้ว” ใครบางคนเอ่ยขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก