พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 140

มีรอยแดงจาง ๆ บนใบหน้าของเบียงก้า ซึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษ

ซูนั่งอยู่ด้านหน้า แล้วไม่ไกลจากเจ้านาย เธอถือปากกาสำหรับเซ็นชื่อเอาไว้และไม่กล้าสบตาเขามากกว่าปกติ

เครื่องปรับอากาศในห้องประชุมนั้นดังสนั่น แต่เมื่อใบหน้าของเจ้านายหม่นลง อุณหภูมิภายในห้องก็ดูเย็นลงราวกับอากาศได้รวมกันเป็นชั้นน้ำแข็งที่มองไม่เห็นและแช่แข็งใบหน้าของทุกคน

“หน้าคุณไปโดนอะไรมา?”

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด จู่ ๆ เจ้านายก็เอ่ยถามอย่างใจเย็น

ไม่มีใครกล้าตอบคำถามนั้น

เนื่องจากหัวหน้าแผนกยังมาไม่ถึง ในฐานะหัวหน้าทีม ซูจึงจำใจต้องบอกแก่เขาไปด้วยสีหน้าหนักใจ “เพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งเกิดคลุ้มคลั่งแล้วก็คว้าแฟ้มกองหนึ่งปาใส่หน้าเบียงก้าค่ะ”

การประชุมที่แสนจริงจังนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเสียหน่อย เบียงก้าเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าว “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง คุณครอว์ฟอร์ด”

เมื่อซูได้ยินดังนั้น ใจทั้งดวงของเธอก็แตกสลาย

เบียงก้าแสดงท่าทีห่างเหินเกินไป

ซูเหลือบมองหน้าเจ้านายของพวกเธออย่างระวัง เธอสัมผัสได้ถึงความโกรธขึงจากเจ้านายหน้าคมแสนหล่อเหลา… และเดือดดาล...

“ฌองเหรอ?”

หลังจากจมอยู่กับความเงียบนานแสนนาน ซูก็ได้ยินเจ้านายของเธอเอ่ยชื่อเขา

ทุกคนทำได้เพียงพยักหน้า

วินาทีต่อจากนั้น พวกเขาเห็นว่าสีหน้าของเจ้านายของเจ้านายดำมืดลงอีก คุณครอว์ฟอร์ดกล่าวกับทุกคนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้ามีใครคิดฉวยโอกาสระหว่างที่คนในแผนกรวมตัวกันวางยาเพื่อนร่วมงานหญิงอีก แน่นอนว่าใครคนนั้นต้องได้รับบทลงโทษ!”

เพื่อนร่วมงานหญิงนั้นยังมีสีหน้าเป็นปกติ ในขณะที่เพื่อนร่วมงานชายผู้ซึ่งไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้นเสียวสันหลังวาบ...

และหนึ่งบุคคลในกรณีนี้คือ ฌอง ที่ทำให้เพื่อนร่วมงานชายคนอื่น ๆ เดือดร้อน

ลุคสำรวจพนักงานชายของเขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ถ้าใครอยากเข้าคุก ก็ลองทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นในบริษัทของผมดูสิ”

ซูถอนหายใจอย่างโล่งอก

ดูเหมือนคุณครอว์ฟอร์ดได้ปลดปล่อยเบียงก้าให้เป็นอิสระเสียที

...

การประชุมนั้นไม่ได้ยาวนานเลย

ที่ผ่านมา ท่านประธานไม่เคยเรียกประชุมกับพนักงานแผนกออกแบบโดยตรงเลย บางครั้งอาจเป็นหัวหน้าแผนกที่ต้องเข้าพบเจ้านาย หลาย ๆ ครั้ง หัวหน้าแผนกต้องเป็นคนแบกหน้ารับความผิดแทนลูกน้องในแผนกเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาทำให้เจ้านายโกรธ

ซูสรุปเอาเองว่าตั้งแต่เบียงก้าเข้ามาทำงานในแผนกออกแบบ ก็ดูเหมือนว่าแผนกออกแบบทั้งแผนกจะกลายเป็นแผนกยอดนิยมของบริษัทไปเสียแล้ว พวกเขาจะมีโอกาสได้พบกับเจ้านายที่พวกเขาเคารพทุกเมื่อเชื่อวัน

การประชุมจบลงในที่สุด

เมื่อทีมของเพื่อนร่วมงานถูกยุบไป ทีมอื่น ๆ ต่างพากันเดินคอตกเพราะความเศร้าสร้อย

เจ้านายต้องการระบายโทสะกับอะไรสักอย่าง

แม้ว่าฌองจะเป็นคนเดียวในทีมที่ทำผิด แต่เขาก็ดึงคนทั้งกลุ่มให้ลงนรกไปด้วยกัน เป็นความผิดที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน!

ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามถึงความโกรธเกรี้ยวของเจ้านาย ทุกคนก้มหน้าลงแล้วสาปแช่งฌองในใจ เจ้าสารเลวนั่นวางยาเพื่อนร่วมงานได้ยังไง? หมอนั่นสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ให้บริษัท และทำให้ทุกคนถูกเจ้านายว่ากล่าวอย่างรุนแรงรายบุคคล

สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ พวกเขาเป็นกลุ่มชายชราที่สามารถเป็นปู่ของใครบางคนได้แล้วแท้ ๆ พวกเขาต้องมาโดนเจ้านายดุแบบไร้คำหยาบ อย่างกับปู่ดุหลานชายตัวเอง แถมพวกเขายังแย้งอะไรไม่ได้อีกต่างหาก

พวกเขาได้ยินมาบ้างว่าพวกเศรษฐีน่ะมีปัญหาทางจิต ดังนั้นผู้ชายที่ร่ำรวย มีอำนาจและยังโสดอย่างคุณครอว์ฟอร์ดก็คงจะมีจิตใจที่บิดเบี้ยวและมีปัญหามากที่สุด

เพราะอย่างนั้น พวกเขาจึงคิดว่าการไม่ยุ่งกับคนอย่างเขาน่าจะดีกว่า ไม่เช่นนั้น พวกเขาคงจะถูกเพ่งเล็งเป็นแน่

...

ในตอนที่เบียงก้าเตรียมจะลงไปชั้นล่าง ก็มีใครบางคนเข้ามาขวางทางเธอ

เจสันหยุดเธอไว้ตรงหน้าประตูห้องประชุม เขาได้รับมอบหมายภารกิจหนึ่งอย่างมา และถ้าหากเขาพาเธอขึ้นไปด้วยไม่ได้ เขาก็จะไม่สามารถรายงานผลได้

ซูสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าเหตุการณ์ตรงหน้าคืออะไร เธอจึงผละตัวออกจากเบียงผู้น่าสงสารอย่างว่องไว เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแม่หนูน้อยผู้น่าสงสารคนนี้จะโผเข้าสู่อ้อมแขนของเจ้านายผู้แสนดีคนนั้นเพื่อที่เธอจะได้รับการปลอบประโลมเป็นอย่างดี และลองคิดดูสิ ถ้าทั้งคู่ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เขาจะไม่แบกเธอขึ้นเสลี่ยงหรือแม้แต่เก็บเธอไว้ในตู้นิรภัยอย่างดีเลยหรืออย่างไร

เขาจะทำอะไรกับเธอที่เพิ่งเป็นประจำเดือนครั้งที่สอง…?

เมื่อเบียงก้าคิดไปถึงเรื่องนั้น เธอพยักหน้าแล้วเดินตามเจสันไป

หลังจากที่เจสันพาเธอไปส่งที่นั่น เขาเตรียมเครื่องมือปฐมพยาบาลไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากจัดเครื่องมือต่าง ๆ เสร็จ เขาก็เดินจากไป

ลุคดึงเบียงก้าที่ไม่ขยับเขยื้อนเข้ามาในอ้อมแขน

เบียงก้ายืนขึ้นด้วยความตกตะลึง “ฉันคิดว่าคุณต้องการคุยเรื่องงานกับฉันจริง ๆ เสียอีก…”

“ผู้หญิงเปราะบางแบบนี้เสมอเหรอ?” ลุคลุกขึ้นยืนพลางหยิบขวดน้ำยาฆ่าเชื้อและสำลีแบบก้านขึ้นมาชุบน้ำยานั่นแล้วดึงเธอมาทายาลงบนรอยแดงบนแก้มนวลอย่างเบามือ

ในตอนที่ซับแผลให้เธอ เขาก็เป่าลงไปบนนั่นอย่างแผ่วเบาด้วย

ไอเย็นพวยพุ่งใส่ใบหน้าของเธอ ก่อนที่ความรู้สึกร้อนวูบวาบของรอยแดงนั่นจะถูกแทนที่ด้วยความเย็นยะเยือก

เธอสงบลงในทันที แล้วปล่อยให้เขาทายาบนผิวของเธอ

ในห้องทำงานของเขา มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่เท่านั้น ลุคก้มศีรษะลงแล้วเอ่ยถาม “ทำไมจู่ ๆ ถึงเลิกดื้อแล้วล่ะ? คุณคิดว่าผมเป็นพี่ชายของคุณอีกแล้วเหรอ?”

เบียงก้าหน้าแดงอย่างหนัก

“บอกผมหน่อยสิว่าคุณมีความบกพร่องอะไรรึเปล่า? หรือคุณเป็นพวกชอบ… ความรู้สึกของการหลุดพ้นออกจากศีลธรรมอะไรแบบนั้น?” มือที่ว่างของลุคกดลงบนเอวคอดกิ่วของเธอ ในขณะที่เธอยังอึ้งอยู่ เขาก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาหลับตาลงแล้วก้มหน้าลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเบียงก้าลมหายใจของเขาหนักหน่วง ขณะสูดหายใจหมดเต็มปอด เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ผมเป็นพี่ชายให้คุณได้นะ…”

เบียงก้าส่ายศีรษะ ‘ไม่ใช่แบบนี้...’

เธอไม่เคยต้องการให้มันเป็นเช่นนี้...

พี่ชายที่เธอหมายถึง คือพี่ชายจริง ๆ พี่ชายที่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด...

ไม่ใช่ความวิปริต หรือรสนิยมอย่างที่เขาเข้าใจ

“ฉันเจ็บหน้าค่ะ ต้องขอโทษด้วย…” เบียงก้าไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งมีแต่จะแย่ลง เธอแค่อยากจะหนีให้พ้นจากอ้อมกอดและการจูบของเขาเท่านั้น

ที่แผนกออกแบบ ซูอดไม่ได้ที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาตอนที่เห็นเบียงก้ากลับมาและยังก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อได้

ซูคิดว่าเจ้านายของเธอน่ะแน่มาก บีไปหาเขาด้วยใบหน้าสิ้นหวัง แต่กลับมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ แถมริมฝีปากของทั้งแดงและบวมด้วย

เบียงก้าพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะจดจ่อกับงานตรงหน้าจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานเลยทีเดียว

เธอรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นพนักงานคนแรก ๆ ที่ออกมา ก่อนถึงชั่วโมงเร่งด่วย เธอข้ามถนนไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน

โทรศัพท์ของเธอดังอยู่นานกว่าที่จะได้ยิน

หลังจากรับสายจากหมายเลขที่เธอไม่รู้จัก เบียงก้าก็นั่งไป

เธอมองไปรอบตัวด้วยความตระหนก ก่อนที่ในที่สุด เธอจะเห็นรถปอร์เช่ คาเยนน์เข้ามาใกล้ ปลายสายจึงวางไป

ซาเวียร์เลื่อนกระจกรถลง แล้วมองมาที่เธอ “ขึ้นรถสิ บางที ผมอาจจะช่วยคุณหาปู่เจอก็ได้”

ร่างกายของเบียงก้ามึนงง และสมองก็ไม่ยอมสั่งการไปขณะหนึ่ง

น้ำเสียงของซาเวียร์ดูมั่นใจเหลือเกินว่าเขารู้ที่อยู่ของปู่ แต่อย่างไรเสียเขาก็พูดว่า ‘อาจจะ’...

“ถ้าคุณเบื่อมากก็ไปหาเพื่อนเล่นที่อื่นเถอะ” เบียงก้าพยายามตั้งสติ เธอกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น

ซาเวียร์เงียบไปอึดใจหนึ่ง ขณะกำพวงมาลัยของรถคาเยนน์ด้วยมืออันใหญ่โตข้างหนึ่ง หลังจากนั้น ซาเวียร์เงยหน้าและมองมาที่เธอพร้อมคิ้วขมวดเป็นปม เขาหยิบหนังสือเดินทางสองเล่มขึ้นมาชูไว้ “เล่มหนึ่งเป็นของคุณ อีกเล่มเป็นของผม ถ้าผมบอกคุณว่าผมได้มาจากปู่ของคุณล่ะ คุณจะเชื่อผมไหม?”

ทันทีที่เห็นหนังสือเดินทาง มือที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็เกิดสั่นขึ้นมา

ซาเวียร์เปิดหนังสือเดินทางแล้วเอาให้เธอดู

มันเป็นหนังสือเดินทางของเธอจริง ๆ

“ถึงแม้ว่าผมจะมีคนรู้จักอยู่ที่สำนักงานกิจการพลเมืองก็เถอะ แต่ผมก็อยากแน่ใจว่าเราจะไปถึงก่อนพวกเขาจะเลิกงาน เพื่อไม่ให้เพื่อนผมต้องลำบากใจ” ซาเวียร์กล่าวก่อนจะก้าวขายาว ๆ ลงมาจากรถ เขาโอบกอดเธอราวกับเป็นสามีที่ดูแลภรรยาอย่างดี เขาเตือนเธออย่างไม่น่ารักและห่างเหินที่ข้างหู “ถ้าคุณไม่เชื่อฟังคนที่เพิ่งออกมาจากคุกอย่างผม คุณจะสูญเสียปู่ที่เลี้ยงคุณมาไปแน่”

เบียงก้าแอบกัดฟัน และพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเขา เธอมองเขาด้วยสายตาแบบเดียวกับที่มองปีศาจร้าย

ซาเวียร์ไม่คลายอ้อมแขนที่รัดเธอจนแน่น “ผมต้องการเมียสักคน และเวลาก็กำลังจะหมดแล้วด้วย คุณจะจดทะเบียนสมรสกับผมก่อนหกโมงเย็น หรือคุณอยากจะรอรับศพปู่ของคุณ ก็เลือกเอาได้เลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก