พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 141

เมื่อได้ฟังจากน้ำเสียงของซาเวียร์แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดเล่น

เมื่อเบียงก้าเห็นว่าท่าทางของเขาดูจริงจังแค่ไหน เธอก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อที่เย็นยะเยือกที่ปกคลุมไปทั่วร่างกายของเธอในขณะที่เธอจ้องมองไปที่เขา

“คุณเป็นคนที่พาตัวคุณปู่ของฉันไปใช่ไหม?” เบียงก้าถาม

ซาเวียร์มองเข้าไปในดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความเกลียดชัง เขาตอบเธออย่างจริงจังว่า "โธ่ ยังจะมีใครที่กล้าพาคุณปู่ของคุณไปได้อีกล่ะ?”

ทั้งสองคนสบตากัน

เบียงก้าทุบตีเขาเหมือนดั่งคนบ้าพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เธอเริ่มด่าทอ “ไอ้คนน่ารังเกียจ ไร้ยางอาย! คุณกล้าลักพาตัวคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไป! แบบนี้มันเรียกว่าอาชญากรรมกันชัดเจน!”

ซาเวียร์คว้าร่างกายอันบอบบางของเธอด้วยมืออันใหญ่โตของเขา เขาจะไม่ยอมให้เธอทุบตีเขาตามอำเภอใจอีก “คุณรู้อะไรเกี่ยวกับอาชญากรรมบ้างเหรอ แม่สาวน้อย? เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก อย่ามาเป็นรู้ดีไปหน่อยเลยนะ!”

ในขณะที่เธอถูกห้ามไม่ให้ทุบตีเขา ซาเวียร์ก็ยื่นโทรศัพท์ให้เธอมองดูบนจอ

เธอจ้องมองตาไม่กะพริบ

วิดีโอกำลังเล่นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของซาเวียร์ เธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนถ่ายวิดีโอนี้เอาไว้ แต่สิ่งที่เธอได้เห็นก็คือซาเวียร์และคุณปู่

พวกเขาดูสนิทสนมกันมากราวกับคุณปู่และหลานชาย

“คุณปู่ครับ บีไม่อยากให้คุณรู้ว่าเธอหมดสติไปเพราะความเหน็ดเหนื่อย ดังนั้น เมื่อเราไปถึงที่นั่น คุณปู่จะต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้เมื่อเธอตื่นขึ้นมานะครับ” ซาเวียร์พูดกับคุณปู่พร้อมรอยยิ้ม

ในเวลาเดียวกัน ซาเวียร์ก็ช่วยคุณปู่ถือกระเป๋าเดินทางเอาไว้

คุณปู่รู้สึกซาบซึ้งต่อซาเวียร์มาก และเดินออกไปพร้อมเขา

กล้องวงจรปิดภายในละแวกใกล้เคียงนั้นไม่ทำงาน พวกเขาจะติดตั้งหรือซ่อมแซมก็ต่อเมื่อมีเหตุเลวร้ายเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น ดังนั้น ฉากที่ซาเวียร์พาคุณปู่ออกไปจึงไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในกล้องวงจรปิด

หลังจากที่วิดีโอนั้นจบแล้ว ซาเวียร์ก็เปิดวิดีโออื่น

วิดีโอนั้นแสดงให้เห็นว่ามีผ้าผืนหนึ่งปิดปากคุณปู่เอาไว้ คุณปู่กำลังดิ้นรนแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ออกมาจากปากของเขาเลย ถัดจากเขา มีชายหนุ่มที่กำลังถือท่อนเหล็ก จากนั้น เขาก็เคาะท่อนเหล็กลงที่เสาที่คุณปู่ถูกมัดเอาไว้

เสียงดังจากแรงเคาะทำให้คุณปู่ตกใจจนแทบจะหมดสติเพราะความหวาดกลัว

‘คนชราอย่างเขาจะไม่สามารถทนได้...’

“ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ” เบียงก้าแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เธอได้เห็น

เธอส่ายหน้าและร้องไห้ในขณะที่พูดกับซาเวียร์ว่า "ถ้าคุณไม่อยากติดคุก ก็ปล่อยคุณปู่ฉันซะ ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพยายามทำอะไร ทำไมคุณถึงต้องมาตอแยฉันด้วย ถ้าคุณอยากได้ภรรยามากนัก ก็ไปหาคนอื่นเถอะ...”

ซาเวียร์ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเก็บโทรศัพท์ลงและยื่นนาฬิกาข้อมือให้เธอดู

เป็นเวลาห้าโมงสิบนาที

ก่อนจะละสายตาจากนาฬิกาของเขา เธอก็ได้ยินเสียงที่ดังขึ้น เขาโยนโทรศัพท์เครื่องนั้นลงไปตรงกลางถนนในขณะที่มีรถวิ่งผ่านไปมามากมาย

โทรศัพท์พังยับเยินอยู่ภายใต้ท้องรถเหล่านั้น

“อ่าว โทรศัพท์หล่นไปแล้วอะ ตอนนี้ไม่ว่าจะตำรวจหรือคุณก็ไม่สามารถหาหลักฐานสำคัญมามัดตัวผมได้” เมื่อพูดจบ ซาเวียร์ก็ปล่อยเธอ

เขาก็หันกลับมาและพูดกับเธอว่า “นี่ก็ใกล้จะหกโมงแล้ว คุณควรจะคิดให้ดีแล้วตัดสินใจว่า คุณจะรอรับศพคุณปู่กลับไป หรือจดทะเบียนสมรสกับผม”

จากนั้น เขาก็หันหลังไป

เมื่อเขากำลังจุดบุหรี่ เบียงก้าก็ถามด้วยท่าทางที่เป็นกังวล "ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเหรอ?”

เมื่อซาเวียร์ได้ยินเสียงของเธอ เขาก็หันกลับมาอีกครั้ง "กฎหมายเหรอ? กฎหมายถูกกำหนดขึ้นโดยมนุษย์ และคดีก็ถูกสอบสวนโดยมนุษย์ คุณคงจะรู้ดีว่า คนที่อยู่นอกกฎหมายก็มีถมเถไป อีกอย่าง ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ"

“แต่คุณบอกว่าคุณจะทำ!”

“ทำอะไร? จบชีวิตของคุณปู่ของคุณเหรอ?” ซาเวียร์จ้องมองเธอและพูดอย่างจริงจัง “อย่าพูดถึงเรื่องกฎหมายกับผมจะดีกว่า เพราะต่อให้ผมถูกจับได้ แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถหาหลักฐานมามัดตัวผม เรามาคิดเรื่องการเอาชีวิตปู่ของคุณมาเดิมพันกันดีกว่า น่าสนุกกว่าเยอะเลย”

"ไอ้โรคจิต" เบียงก้าโกรธ

ซาเวียร์แสดงท่าทางที่ไม่เห็นด้วยกับคำพูดและความคิดของเธออยู่ครู่หนึ่ง “ผมแน่ใจว่ายังมีคนอื่นบนโลกใบนี้ที่โรคจิตมากกว่าผมอีก คุณไม่เคยเจอใครที่วิตถารมากกว่าผมจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหมายถึงลุค

“ตอนนี้ก็ 5.20” ซาเวียร์เหลือบมองดูนาฬิกาและเอื้อมมืออกไปจับมือที่สั่นเทาของเธอไว้

ณ บริษัทที คอร์ปอเรชั่น

ลุคออกจากบริษัทมา เมื่อมาถึงชั้นใต้ดิน เขาก็ขับรถออกมาพร้อมกับกดหมายเลขโทรออกหาเบียงก้า

“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้..."

เขาโทรหาเธออยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังติดต่อเธอไม่ได้

จากนั้น เขาก็โทรหาเจสัน

เจสันรับสายและกล่าวว่า “ขอโทษครับคุณครอว์ฟอร์ด แต่ผมยังไม่เห็นคุณเบียงก้ากลับมาที่บ้านเลย”

“ขึ้นไปข้างบนแล้วกดกริ่งเรียกเธอ แล้วค่อยโทรหาฉันทีหลัง”

เมื่อลุคพูดจบ เขาก็วางสายไป

รถแลนด์โรเวอร์สีดำขับมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนกวดวิชานอกหลักสูตรของเด็ก ๆ ในบริเวณใกล้เคียง เมื่อบลองช์พาเรนนี่ออกมา เด็กน้อยก็เห็นว่าพ่อของตนกำลังคุยโทรศัพท์และรออยู่

...

ณ โรงแรมเซ็นจูรี่

แดเนียลและภรรยาของเขากล่าวทักทายญาติที่ได้รับเชิญมาโดยไม่ได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า

แดเนียลเหลือบมองภรรยาของเขาและกระซิบว่า “ดูสิว่าคุณทำอะไร ทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมด เราจะรอรับประทานอาหารเย็นร่วมโต๊ะกับพวกเขาตอนสุดสัปดาห์หน้าไม่ได้รึยังไง?”

“ไม่ได้” คุณนายแทนเนอร์จ้องมาที่เขาและกระซิบกับสามีของเธอเบา ๆ ว่า “ฉันรอวันนี้มานานแค่ไหนแล้ว ลูกชายของเราจะได้แต่งงานสักที แล้วคุณจะให้ฉันเก็บความสุขเอาไว้คนเดียวได้ยังไงกัน?”

แดเนียลจึงไม่พูดอะไรอีก เนื่องจากว่าทุกคนได้รับคำเชิญแล้ว ดังนั้นงานเลี้ยงอาหารค่ำก็จะต้องดำเนินต่อไป

อลิสันรีบไปที่โรงแรม เธอลงจากรถแล้วขึ้นไปด้านบน

ณ ทางเข้าห้องโถงส่วนตัว อลิสันกอดพี่สะใภ้และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฉันคิดว่าฉันจะพลาดงานเลี้ยงฉลองของซาเวียร์ไปเสียแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าฉันจะมาร่วมงานได้ในวันนี้ ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันยุ่งมากจริง ๆ”

"ไม่เป็นไรเลย” คุณนายแทนเนอร์ยิ้มตอบ “เมื่อคืนนี้ฉันเพิ่งบอกกับซาเวียร์ไปว่า เธอโกรธแทนฉัน ที่เขาไม่ยอมทำหน้าที่ลูกชาย ฉันน่ะบอกเจ้าลูกชายไปว่าเธอคงจะมางานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ได้แล้วแหละ เพราะว่าอายุอานามก็ปาเข้าไปตั้ง 30 แต่ยังตบแต่งกับใครให้เป็นเรื่องเป็นราวแถมยังไม่มีหลานให้ฉันอุ้มเสียที แต่ใครจะไปคิดว่า จู่ ๆ ซาเวียร์ก็เข้ามาบอกเราว่าเขาจะแต่งงานในวันนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาจะทำตามคำพูดได้จริง ๆ”

เมื่อฟังดูจากน้ำเสียงของเธอแล้ว อลิสันมองออกว่าพี่สะใภ้ของเธอกำลังพยายามพูดจาโอ้อวด แต่เนื่องจากว่าเธอจะต้องแสดงความเคารพต่อพี่ชายของตน ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการโต้แย้งใด ๆ เธอเพียงแค่เดินเข้าไปด้านในและนั่งลง

ทุกคนที่อยู่ภายในห้องโถงนั้นเป็นญาติของเธอ ดังนั้น อลิสันจึงเริ่มการสนทนากับพวกเขาตามประสาคนรู้จักกัน

แดเนียลเดินเข้าไปในห้องโถงในขณะที่เขาเอ่ยเรียกอลิสัน

อลิสันหันหน้ากลับมา

แดเนียลถามเธอว่า “ทำไมลุคไม่มากับเธอด้วยล่ะ? เธอบอกว่าจะพาเขามาด้วยไม่ใช่เหรอ?”

“คุณปู่…”

ในขณะที่แดเนียลถามจบ เขาก็ได้ยินเสียงของเด็ก ๆ ที่ไม่ได้สนใจพ่อของพวกเขากำลังวิ่งเข้าไปในห้องโถงด้วยกัน

ทันใดนั้น เด็กทั้งสองคนก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนที่อยู่ภายในห้องโถง

ณ บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมเซ็นจูรี่

ซาเวียร์เดินเข้าไปในโรงแรมพร้อมกับใบทะเบียนสมรสสองใบที่เขาถือเอาไว้ในมือซ้าย และว่าที่ภรรยาที่มือขวาของเขาประคองอยู่

เบียงก้าเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ต้องร้องขอความเมตตาจากซาเวียร์

ภายในลิฟต์ เสียงอันแผ่วเบาของซาเวียร์ดังขึ้น “อย่าทำหน้าเศร้าอย่างนั้นสิ คุณปู่ของคุณถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้ว เมื่อจบงานเลี้ยงนี้ ผมจะพาคุณไปพบคุณปู่ของคุณเอง”

เมื่อซาเวียร์พูดจบ เขาก็หันมาลูบผมของเบียงก้าและจัดแจงทรงผมให้เธอให้ดูเรียบร้อย ในขณะที่เขาจ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ อันสวยงามนั้น...

ประตูลิฟต์เปิดออก

เขาจับมือเบียงก้าเดินออกไป เธอกำลังถูกบังคับให้เดินไปยังห้องโถงส่วนตัวที่ถูกจองเอาไว้

เมื่อประตูห้องโถงผลักเปิดออก ลมเย็นของเครื่องปรับอากาศก็พัดเข้ามาที่ใบหน้าก่อนที่เธอจะได้เงยหน้าขึ้นมองทุกคนที่อยู่ภายใน เธอได้ยินเสียงซาเวียร์วางทะเบียนสมรสสองใบเอาไว้บนโต๊ะกลมในขณะที่มือของเขาโอบรอบเอวพร้อมกับเสียงประกาศและแนะนำตัวเธอให้กับทุกคนได้รู้จัก "นี่คือเบียงก้า ภรรยาของผมครับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก