พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 142

“น้าบี...”

เมื่อเบียงก้าได้ยินเช่นนั้น เธอจึงรีบเงยหน้าขึ้น

เด็กชายลานี่นั่นเอง

ตระกูลแทนเนอร์ได้เชิญตระกูลคอร์วฟอร์ดมาด้วย...

การออกแบบภายในของห้องโถงส่วนตัวนั้นหรูหรามาก มีโต๊ะกลมอยู่เต็มห้อง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะและไวน์ชื่อดัง เธอรู้จักแค่เพียงบางคนในขณะที่หลายคนเป็นคนแปลกหน้า

ใบหน้าอวบอ้วนสีชมพูของเรนนี่โผล่ออก

จากนั้น ดวงตาของเธอก็เหลือบมองไปยังใบหน้าที่มืดมิดของชายผู้นั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทันใดนั้น เบียงก้าก็รู้สึกราวกับว่าเมฆดำได้เข้าปกคลุมร่างของเธอ เธอก้มหน้าลงและพยายามดึงมือของซาเวียร์ออก

ซาเวียร์ไม่ปล่อยเธอไป เขาดึงเก้าอี้ออกมาและจับมือของเธอเอาไว้และพูดว่า "นั่งลงข้าง ๆ แม่ฉันสิ"

สีของทะเบียนสมรสทั้งสองใบนั้นเจิดจ้า สีแดงของมันราวกับเลือดในแอ่งใหญ่

“จากนี้ไปเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ หนูบี หนูไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะเป็นเหมือนแม่ของหนูเอง”

แม่ของซาเวียร์พูดคำเหล่านั้นเพื่อลูกชายของเธอ และเธอก็หวังว่าลูกชายของเธอจะไม่รังแกบี ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังพูดคำนั้นเพราะลุคอีกด้วย ในฐานะเจ้านายของบี เธอต้องการบ่งบอกเขาว่า บีจะไม่ใช่แค่ลูกน้องของเขาอีก แต่เธอต้องการให้เขาคิดกับบีเหมือนดั่งลูกพี่ลูกน้องในอนาคต

เขาจะต้องเคารพต่อเธอในฐานะลูกพี่ลูกน้องเท่านั้น

ที่บนโต๊ะกลมขนาดใหญ่ คนอื่น ๆ กล่าวเพียงไม่กี่คำ เพราะพวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก…

บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

“ฉันขอตัวไปห้องน้ำ"

หลังจากที่เบียงก้าพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นและออกจากห้องโถงไป

เธอรู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก

แต่เมื่อครอบครัวของลุคยังคงแสดงความห่วงใยกับเธออยู่บ้าง เธอก็จำใจต้องอดทน เพราะความปลอดภัยของคุณปู่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เธอได้เห็นวิดีโอที่ซาเวียร์ได้แสดงให้เธอเห็นก่อนหน้านี้ แต่ในตอนนี้คุณปู่ที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว

แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าโรงพยาบาลใด

และการตามหาเขาในโรงพยาบาลทุกแห่งนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้

ถึงแม้ว่าการแต่งงานกับปีศาจจะต้องทำให้ชีวิตของเธอน่าอนาถ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว...

...

ภายในห้องโถงส่วนตัว

อลิสันมองเห็นนิ้วมือที่เลอะเทอะของเรนนี่ เธอจึงพูดขึ้นว่า “เรนนี่ ดูสิ นิ้วมือหลานเลอะเทอะหมดแล้ว มานี่ เดี๋ยวย่าจะพาไปล้างมือเองนะ”

นิ้วมือเล็ก ๆ ของเรนนี่เต็มไปด้วยคราบขนม

เมื่อพวกเธอเดินออกมาจากห้องโถงส่วนตัว เธอก็พาหลานสาวของเธอไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด

ภายในห้องน้ำ

เบียงก้ารู้สึกประหม่าเมื่อเธอได้เห็นอลิสันพาเรนนี่เข้ามา

“เรนนี่ มาล้างมือเร็วเข้า” อลิสันล้างมือให้เด็กหญิงในขณะที่เธอเอ่ยถามเบียงก้าว่า “เธอจะแต่งงานกับซาเวียร์จริง ๆ รึเปล่า?”

"ใช่"

เบียงก้ามองเห็นความตกใจและความโกรธบนใบหน้าของอลิสัน

แต่อลิสันไม่สามารถพูดอะไรต่อหน้าเด็กได้

มันเป็นความจริงที่เธอบอกให้เบียงก้าทิ้งลูกชายของเธอ แต่เธอไม่เคยต้องการให้เบียงก้าเข้ามาใกล้ชิดกับญาติของเธอเลย!

เธออธิษฐานทุกวันทุกคืนให้เบียงก้าได้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้อยู่รอบกายเธอ และก็คงจะดีที่สุดถ้าหากว่าเธอได้แต่งงานกับชาวต่างชาติสักคนหนึ่ง และถ้าหากว่าเธอไม่สามารถมองหาคนที่เธอจะแต่งงานด้วยได้ มันก็คงจะดีกว่าถ้าหากว่าเธอประสบอุบัติเหตุและหายไปจากโลกนี้เสีย!

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเบียงก้าเลิกยุ่งกับตระกูลคอร์วฟอร์ดไป แต่เธอกลับเข้าหาตระกูลแทนเนอร์แทน

มันควรจะไกลออกไป แต่เธอกลับเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก

จากนั้น อลิสันก็พาหลานสาวกลับไปยังห้องโถงส่วนตัว

เบียงก้ารู้ว่าเธอไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ต่อไป เธอจึงกลับมาที่ห้องโถงส่วนตัวและต้องการให้งานเลี้ยงจบลงให้เร็วที่สุดเพื่อที่เธอจะได้ไปพบกับคุณปู่

เมื่อเธอกลับไปที่ห้องโถงส่วนตัว เธอก็เดินชนกับลานี่ที่กำลังสะพายกระเป๋าเป้ เด็กชายบอกกับน้องสาวของเขาว่า“เรนนี่ เราต้องไปแล้ว”

“น้าบี…น่าบีไปกับเราได้ไหมและ…”

เรนนี่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

เธอต้องการจะพูดว่า 'และคืนนี้คุณมาพักที่อพาร์ตเมนต์ของคุณพ่อได้ไหม?'

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะได้พูดประโยคหลัง มือใหญ่ของพ่อก็ปิดปากเธอเอาไว้

“เศษขนมปังเต็มไปหมด ดูสิ” ลุคจับมือลูกสาวข้างหนึ่งในขณะที่เขาขมวดคิ้ว เขาใช้นิ้วมือเช็ดเศษอาหารออกจากปากให้ลูกสาว

ป้าของเขาพูดว่า “ลุค ถ้านายยุ่ง ก็กลับไปก่อนก็ได้นะ!” เธอรู้ดีว่าหลานชายคนนี้เป็นคนเย็นชายิ่งนัก และถ้าเขาจากไปเร็วเท่าไหร่ บีก็จะยิ่งรู้สึกสบายใจมากขึ้นเท่านั้น

ซาเวียร์พาเบียงก้ามานั่งก่อนจะพูดว่า "เดี๋ยวผมออกไปส่งพวกเขา"

ในไม่ช้า ครอว์ฟอร์ดทั้งสามก็หายไปจากห้องโถงส่วนตัว

เบียงก้ารู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย

ภายนอกโรงแรม

ซาเวียร์เปิดประตูรถและลูบหัวลานี่และพูดว่า "เจ้าหนู นายดูแลน้องสาวของนายได้ดีทีเดียว"

บลองช์พาน้องสาวมาที่รถแล้วถามว่า “ทำไมคุณถึงเรียกน้าบีว่าภรรยาล่ะครับ?”

“เธอจะเป็นป้าของนายในอนาคต ป้าเบียงก้า แทนเนอร์ไง” ซาเวียร์อธิบายกับเด็กน้อย หลังจากที่เขาอธิบาย เขาก็มองไปยังเด็ก ๆ ที่ดูคล้ายคลึงกับเบียงก้าอีกครั้ง

ณ ล็อบบี้ของโรงแรม เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเหลือบไปเห็นลุค เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาลุคและทักทาย จากนั้น เขาก็เริ่มพูดคุยในขณะที่ลุคยืนฟังอยู่อย่างนิ่งเฉย เขาพูดถึงเรื่องอสังหาริมทรัพย์ในเมืองเอที่เพิ่งจะออกสู่ตลาดเมื่อเร็ว ๆ นี้

เห็นได้ชัดว่าลุคไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยเรื่องธุรกิจในตอนนี้ สมองของเขายังคงสับสนกับความคิดบางอย่าง

ซาเวียร์ที่พูดคุยกับเด็กน้อยไร้เดียงสาทั้งสองอยู่ด้านนอกเห็นว่าลุคยุ่งอยู่ เขาจึงกลับขึ้นไปด้านบน

ลุคขับรถกลับไปที่คฤหาสน์ เขาไม่ได้กลับไปที่อพาร์ตเมนต์

เขาส่งเด็กทั้งสองคนไปหาคุณปู่ทวดและพี่เลี้ยงของพวกเขา

เมื่อลุคหยิบเสื้อสูทและกำลังจะจากไป บลองช์ก็ถามขึ้นด้วยความงุนงง “คุณพ่อครับ คุณลุงซาเวียร์บอกผมว่า ต่อไปเราจะต้องเรียกน้าบีว่า ป้าเบียงก้า แทนเนอร์ใช่ไหมครับ?"

ลุคหยุดไปชั่วขณะ จากนั้น เขาก็ออกไปจากคฤหาสน์โดยที่ไม่ตอบคำถามของเด็กชาย

ทั้งคุณปู่ทวดและพี่เลี้ยงในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ต่างก็ตกใจ

พี่เลี้ยงรีบเดินเข้ามารับและหยิบกระเป๋าของนายน้อยลานี่และคุณหนูเรนนี่ ริมฝีปากของเธอถูกปิดผนึกโดยไม่กล้าพูดอะไร 'คุณบีเข้ากันได้ดีกับเจ้านายของเธอทั้งสามคน แต่ทำไมจู่ ๆ เธอถึงได้…’

ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดเลิกคิ้วในขณะที่เขาเรียกหลานชายตัวน้อย “มานี่ บอกปู่มาว่าเกิดอะไรขึ้น?”

จากนั้น บลองช์ก็เล่าทุกอย่างที่ได้ยินมาให้เขาฟัง

เด็กชายรู้สึกสงสารพ่อของเขา...

...

เวลาสี่ทุ่มมาเยือน ซาเวียร์พาเบียงก้าไปหาคุณปู่ของเธอ

คุณปู่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยแต่เขาก็ยังไม่ฟื้น สภาพจิตใจของเขาคงจะย่ำแย่มาก

เบียงก้าไม่รู้ว่าซาเวียร์ออกไปเมื่อไหร่

แต่เธอเพียงแค่หวังว่า ซาเวียร์จะออกไปให้พ้นจากเธอ

เธออยู่เฝ้าคุณปู่ที่โรงพยาบาล ในเช้าวันรุ่งขึ้น เบียงก้าก็โทรหาซูเพื่อบอกว่า เธอจะขอลาหยุดสักระยะหนึ่ง ในขณะที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าการลาหยุดของเธอจะได้รับการอนุมัติรึเปล่า

เมื่อซูได้ยินว่าเธอขอลาหยุด ซูก็พูดทันทีว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะบี ดูแลคุณปู่ก่อนเถอะ โครงการนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการส่งมอบต่อ เธอไม่จำเป็นต้องเร่งรีบกลับมาทำงานก็ได้นะ”

“ขอบคุณค่ะ”

เบียงก้ารู้สึกซาบซึ้งสำหรับความช่วยเหลือของซูเป็นอย่างมาก

หลังจากที่อยู่เฝ้าคุณปู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เธอก็มีโอกาสได้ไปพบพ่อของเธอในระหว่างนั้นเพื่อเซ็นชื่อและชำระค่าใช้จ่ายให้เขา

ในตอนบ่าย เบียงก้าเช็กดูยอดเงินในบัญชีธนาคารซึ่งเหลืออยู่เพียงไม่กี่หลัก เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องกระตุ้นตัวเองและกลับไปทำงาน

ณ ฝ่ายออกแบบ

“บีกลับมาแล้วเหรอ?” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งมองมาที่เธอและพูดว่า “ทีมเธอขึ้นไปประชุมที่ชั้นบนสุด ถ้าขึ้นไปตอนนี้ ก็ยังฟังบทสรุปได้ทันนะ”

เบียงก้าพยักหน้าและขอบคุณ เธอไม่มีเวลาจัดระเบียบสิ่งของของเธอ เธอรีบหยิบแล็ปท็อปและขึ้นไปชั้นบนทันที

เมื่อเธอขึ้นไปยังชั้นบนสุด เพื่อนร่วมทีมของเธอก็ประชุมกันจนเสร็จสิ้นและลงไปข้างล่างโดยลิฟต์ตัวหนึ่งในขณะที่เธอใช้ลิฟต์อีกตัวหนึ่ง เมื่อขึ้นมาถึง เธอจึงเคาะประตูห้องแต่ไร้การตอบรับใด ๆ เธอจึงค่อย ๆ ผลักประตูเข้าไปแต่พบว่าไม่มีใครอยู่ด้านในเลย

เบียงก้ารู้ว่าโปรเจกต์นี้ได้รับการส่งมอบต่อเมื่อไม่กี่วันก่อน และในที่ประชุมวันนี้ก็จะต้องมีการพูดเรื่องที่สำคัญเป็นแน่

เธอไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงภายในทีม ดังนั้นเธอจึงเปิดเครื่องบันทึกในห้องประชุมเพื่อดูการประชุมย้อนหลัง

เธอเดินเข้าไปภายในห้องพร้อมกับแล็ปท็อปที่อยู่ในมือเพื่อไปเปิดเครื่องบันทึก แต่เมื่อเดินเข้าไป เธอก็เห็นลุคที่แสดงท่าทางแสนเคร่งขรึมกำลังสูบบุหรี่อย่างไม่ปริปากอะไรอยู่ตรงโต๊ะใหญ่ภายในห้องประชุม

ดวงตาสุดเคร่งขรึมของชายผู้นั้นจ้องมองมายังเบียงก้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก