พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 150

เบียงก้าขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อไปยังบริษัทของเธอ ในระหว่างทางเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดโทรหาลุค

เธอต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากปากของชายผู้โดยเร็ว

“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้"

"..."

'ทำไมเขาถึงปิดโทรศัพท์?'

เบียงก้าขมวดคิ้ว เธอไม่ยอมแพ้และยังคงกดโทรหาเขาอีกครั้ง

แต่แล้ว เธอก็ได้ยินเสียงตอบรับเช่นเดียวกัน

หมายเลขที่เธอโทรออกคือหมายเลขส่วนตัวของลุค มีเพียงครอบครัวและคนสนิทของเขาเท่านั้นที่เขาจะบอกหมายเลขนี้

และเขาก็เป็นคนเดียวเท่านั้นที่ตัดสินใจได้ว่า เขาจะเปิดใช้หรือไม่

แต่เบียงก้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ ลุคเคยบอกกับเธอเป็นการส่วนตัวครั้งหนึ่งว่าโทรศัพท์ของเขาจะเปิดอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น เธอจึงโทรหาเขาได้ทุกเวลา

เมื่อคิดเช่นนั้น เธอก็รู้สึกมั่นใจว่าทำไมโทรศัพท์ส่วนตัวของลุคจึงถูกปิด

ก่อนหน้านี้ ริมฝีปากอันยั่วเย้าของเขากดแนบชิดเข้ากับแก้มของเธอและเลื่อนไปที่ใบหู เมื่อจุมพิตเธอแล้ว เขาก็บอกกับเธอว่า เธอสามารถตามหาเขาเจอได้ทุกเวลา เมื่อเขาพูดกับเธอเช่นนั้น พวกเขาก็ตกหลุมรักกันจนโงหัวไม่ขึ้นเลย…

ช่วงเวลาแห่งความรักของพวกเขานั้นสั้นเพียงแค่สองวัน

ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

เขาเคยมีความปรารถนาในตัวเธอ และหลังจากนั้น เขาก็หายไป

รถไฟแล่นจากชานเมืองที่ห่างไกลไปยังใจกลางเมือง

โชคดีที่เบียงก้ามีที่นั่งตลอดทาง ในขณะที่ถือกระเป๋าแล็ปท็อปในมือ เธอก็ตรวจพบหมายเลขที่ทำงานของลุค

เธอรู้ว่าลุคไม่เคยรับสายจากหมายเลขของที่ทำงาน

เจสันจะเป็นผู้รับสายและรอคำสั่งของเจ้านายเพิ่มเติม

เจสันจะโอนสายให้เขา ก็ต่อเมื่อเขาต้องการรับสายเท่านั้น

เธอตัดสินใจโทรไปยังหมายเลขที่ทำงาน

เมื่อโทรครั้งแรก เธอไม่ได้รับการตอบรับจากปลายสาย

จากนั้นเมื่อลองโทรไปอีกครั้ง ในที่สุด เธอก็ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย

เสียงของเจสันดังขึ้น “สวัสดีครับ เจสันพูดสาย”

หลายปีที่ผ่านมา ทุกบริษัทและบุคคลที่ติดต่อกับบริษัท ที คอร์ปอเรชั่นรู้ดีว่าเจสัน ดอยล์คือใคร เช่นเดียวกับในสมัยโบราณที่ผู้คนจะรู้ว่าที่ปรึกษาของพระราชาคือใคร

"สวัสดีค่ะ เบียงก้า เรย์นจากฝ่ายออกแบบค่ะ" เบียงก้าไม่ต้องการให้คนในรถไฟใต้ดินได้ยินการสนทนา เธอจึงกระซิบเบา ๆ

“คุณเรย์น?” เจสันรู้สึกประหลาดใจ เธอกลับมาทำงานปกติแล้วไม่ใช่เหรอ? “มีธุระอะไรเหรอครับ?”

“ฉันต้องการพบคุณครอว์ฟอร์ดค่ะ”

เธอไม่กล้าเรียก ’ลุค’ ต่อหน้าเจสัน

เมื่อเจสันได้ยินเช่นนั้น เขาก็พูดเบา ๆ ว่า “คุณครอว์ฟอร์ดไม่อยู่ครับ คุณลองโทรเบอร์ส่วนตัวของเขาดูรึยังครับ?” ในฐานะลูกน้อง เขาจึงไม่กล้าเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย

“ฉันโทรไปแล้ว แต่โทรศัพท์ของเขาปิดเครื่องน่ะค่ะ” เบียงก้ากล่าว

เจสันรู้สึกประหลาดใจที่โทรศัพท์ส่วนตัวของเจ้านายปิดอยู่

เจ้านายของเขาทำตัวผิดปกติมากในวันนี้

“เอ่อ คือว่า คุณครอว์ฟอร์ดออกจากบริษัทไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วครับ ผมไม่รู้ว่าเขาไปไหน นอกจากตารางงานของบริษัทแล้ว ผมไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของเขาเลย...” เจสันตอบเธออย่างตรงไปตรงมา

เขาช่วยเธอไม่ได้จริง ๆ เพราะเขาเองก็ไม่มีเครื่องติดตามอยู่บนตัวเจ้านายของเขา ดังนั้น เจสันจึงไม่รู้ว่าเขาออกไปไหน เขาเพียงแค่หวังว่าเบียงก้าจะไม่ตำหนิเขา

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะคุณดอยล์...” น้ำเสียงของเบียงก้าดูผิดหวังเล็กน้อย

“ด้วยความยิ่งดีเป็นอย่างยิ่งครับ”

เจสันวางสายไป

...

ภายในรถไฟใต้ดิน

เธอยังคงตรวจสอบประวัติการโทรในโทรศัพท์ของเธอ เพื่อต้องการหาหมายเลขโทรศัพท์บ้านของครอว์ฟอร์ด

ก่อนหน้านี้ พี่เลี้ยงของบ้านครอว์ฟอร์ดเคยใช้หมายเลขโทรศัพท์บ้านโทรหาเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง

โชคดีที่เธอยังไม่ได้ลบหมายเลขนั่นทิ้งไป

“สวัสดีค่ะ ลุ…คุณพ่อของลานี่อยู่บ้านรึเปล่าคะ?” เธอไม่ต้องการเปิดเผยว่าเธอเป็นใคร ดังนั้นเธอจึงเรียกเขาอย่างสุภาพ

เธอหวังว่าพี่เลี้ยงจะจำเสียงของเธอไม่ได้ เพราะมีคนโทรหาพวกเขาที่หมายเลขโทรศัพท์บ้านมากมายทุกวัน

พี่เลี้ยงตอบอย่างสุภาพ “คุณเบียงก้าใช่รึเปล่าคะ? นายท่านลุคไม่อยู่บ้านค่ะ เขาออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าและยังไม่กลับมาเลยค่ะ"

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะ” เวียงกล้าวางสายด้วยความอ่อนล้า

เธอเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงและหลับตา เธอเพียงแค่รู้สึกว่าเธออยากให้รถไฟเคลื่อนที่เร็วกว่านี้

ท่ามกลางผู้คนมากมายภายในเมืองที่เจริญรุ่งเรือง เธอรู้สึกเหมือนเป็นฝุ่นผงที่ถูกลมพัดลอยไปลอยมา ราวกับว่าเธอจะไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ถ้าหากเธอไม่ได้รับคำตอบจากปากของลุค

ก่อนกลับไปยังบริษัท เบียงก้าก็คิดจะตรงไปยังอพาร์ตเมนต์ของลุค

'หรือบางทีเขาอาจจะกลับไปที่อพาร์ตเมนต์เพื่อพักผ่อนก็ได้มั้ง?'

เมื่อเธอมาถึงที่แผนกต้อนรับ พนักงานบริการจำได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อยู่คุณคอร์วฟอร์ดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

“ขออภัยค่ะ คุณครอว์ฟอร์ดไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว” เจ้าหน้าที่กล่าวกับเบียงก้าด้วยรอยยิ้ม

"ขอบคุณค่ะ” เบียงก้าพยักหน้า

หลังจากนั้น เธอก็หันหลังกลับและจากไปด้วยความผิดหวัง

บริษัทอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์มากนัก

เบียงก้าเดินกลับไปบริษัท

เจสันกำลังจะออกไปข้างนอก เขาจึงสั่งให้พนักงานขับรถมาจอดตรงทางเข้าหลัก

“คุณดอยล์ครับ นี่ครับ" พนักงานยื่นกุญแจรถให้เจสัน

เมื่อเจสันกำลังจะขึ้นรถ เขาก็เหลือบมองไปเห็นเบียงก้า

เจสันพยักหน้าให้เบียงก้าด้วยความเคารพ และกำลังจะขึ้นรถเพื่อออกเดินทางไป

“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณดอยล์ ฉันมีเรื่องจะถาม!” เบียงก้าตะโกนเรียกเขา

เธอไม่พบลุค ดังนั้นเธอจึงจะต้องใช้ทางเลือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ในมือ

เจสันหันกลับมามองที่เบียงก้า เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอมีท่าทางแปลก ๆ เขาถามเธอว่า “มีอะไรรึเปล่าครับ?”

“คุณรู้จักเฟย์ โทมัสใช่ไหม? เมื่อเช้านี้ฉันเห็นเธอมาที่นี่และพาลูก ๆ ของคุณครอว์ฟอร์ดออกไป” เบียงก้าไม่รู้จะถามเขาว่าอย่างไร เพราะกลัวว่าเจสันจะป้องกันตัวและปกปิดบางอย่างจากเธอ

เจสันตกตะลึงกับคำถาม

อันที่จริง เรื่องส่วนตัวที่เฟย์จัดการให้กับเจ้านายของเขาในอดีตนั้นสำคัญมาก ก่อนหน้านี้ เฟย์และชาร์ลส์ทั้งคู่ได้เกษียณอายุก่อนกำหนดเพื่อกุมความลับบางอย่างเอาไว้เพราะกลัวว่าสักวันความลับนี้จะถูกเปิดเผย

เมื่อเบียงก้าถามคำถามนี้ เจสันเองก็ตกใจและไม่รู้ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องนี้ดีไหม

แต่ถึงแม้ว่าเขาอยากจะบอกเธอ เขาควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อน?

เขากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นหากเธอเข้าไปยุ่งเกี่ยว

ดูเหมือนว่า ไม่ว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี

เบียงก้าจ้องมองเจสันที่มีใบหน้าที่เป็นกังวล เธอคาดเดาอะไรบางอย่างจากสายตาของเขาและถามเขาว่า “ฉันไม่ต้องการอะไรมาก ฉันต้องการรู้เพียงแค่ข้อเดียว เมื่อก่อน คุณเฟย์ โทมัสเคยทำงานให้กับคุณครอว์ฟอร์ดใช่ไหมคะ?”

เจสันพยักหน้าเบา ๆ และกล่าวว่า "ผมไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องส่วนตัวของคุณครอว์ฟอร์ดนะครับ คุณเบียงก้าผมหวังว่าคุณคงจะเข้าใจว่าผมเป็นเพียงแค่ลูกน้องของคุณครอว์ฟอร์ดเท่านั้น แต่ผมบอกคุณได้ว่าเธอเคยทำงานให้กับคุณครอว์ฟอร์ด และเธอก็เกษียณไปเมื่อห้าปีก่อนแล้วครับ”

ดวงตาของเบียงก้าเบิกกว้าง

เจสันบอกว่าเมื่อห้าปีก่อน นั่นเท่ากับว่าเขาได้ให้คำตอบกับเธอแล้ว...

สำหรับสาเหตุที่เฟย์เกษียณอายุเมื่อห้าปีก่อนและหยุดทำงานไป มันอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า ครอว์ฟอร์ดต้องการกลบฝังความจริงทั้งหมดไปเสีย

“ขอบคุณค่ะ คุณดอยล์” เมื่อเบียงก้าได้รับคำตอบแล้ว เธอก็เดินเข้าไปภายในบริษัท

หลังจากเดินเข้าไปในลิฟต์ไป ใบหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดูของลานี่และเรนนี่ก็ผุดขึ้นภายในใจตลอดเวลา...

เด็กทั้งสองเป็นลูกของเธอ...

เธอยืนอยู่ด้านในสุดของลิฟต์ เธอก้มหน้าลงช้า ๆ เมื่อเธอไม่สามารถอดกลั้นทุกอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมาได้อีกแล้ว ฉับพลัน น้ำตาของเธอก็ค่อย ๆ ไหลรินลงมา

สิบนาทีที่แล้ว เธอมองหาลุคอย่างบ้าคลั่งในทุกที่ที่นึกขึ้นมาได้ แต่ในตอนนี้ คำตอบของเจสันก่อนหน้านี้ได้คลายความสงสัยที่อยู่ภายในใจของเธอทั้งหมดแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก