พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 151

เมื่อกลับมาถึงแผนกออกแบบ เบียงก้าเปิดแล็ปท็อปและมองรูปโฉมปัจจุบันของเมืองที่กำลังจะมีการพัฒนา

ลุคต้องการพัฒนาเมืองเล็ก ๆ ที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ตามคำบอกเล่าของคนในละแวกเมืองนั้น การพัฒนาของเมืองนี้ดูเหมือนจะดำเนินการมาหลายปีแล้ว

บ้านหลายหลังในเขตการดำเนินงานเตรียมจะถูกรื้อถอนในเร็ววัน

'ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? งานเป็นไง ไปได้สวยเลยใช่รึเปล่า?' ซูส่งข้อความถามเบียงก้า

เบียงก้าตอบว่า 'ก็สบายดีนะ'

แม้ว่าเบียงก้าจะบอกว่าเธอสบายดี แต่ความจริงคือ เธอยังคงฟุ้งซ่านและไม่สามารถจดจ่อกับงานได้

หลังจากทำงานเพียงไม่กี่นาที เธอก็เริ่มคิดถึงเด็กตัวน้อยแสนน่ารักทั้งสอง ใบหน้าของเรนนี่และลานี่มักจะลอยเข้ามาในจิตใจอยู่เสมอ

หลังจากร่างแบบแปลนมาได้ครึ่งชั่วโมง เบียงก้าก็ลุกไปหยิบน้ำดื่ม เธอเริ่มคิดถึงนิสัยแปลก ๆ ของลุคอีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ เธอไม่สามารถบอกได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร เมื่อวานเขาทั้งคู่อยู่ในโรงพยาบาล เขาทำให้เธออับอายขายหน้าด้วยคำพูดเช่นนั้น หรือไม่อาจเพราะเขากำลังอารมณ์เสียอยู่ก็เป็นได้

เธอไม่แน่ใจว่าตอนที่ทั้งสองได้พบหน้ากัน เขาจะอารมณ์ดีขึ้นรึยัง เธอสงสัยว่าเขาจะยังคงทำให้เธออับอายขายหน้าต่อไปหรือไม่

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เบียงก้าก็เริ่มรู้สึกหดหู่

เธอแค่หวังว่าเขาจะไม่ทำตัวเย่อหยิ่งหรือใจร้อนเกินไป เพราะเธอเต็มใจจะแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้เพราะเห็นแก่ลูกน้อยทั้งสอง

แก้มอมชมพูและรอยยิ้มอันสดใสของเด็กน้อยทั้งสองทำให้จิตใจเธอกลับมาเบิกบานได้อีกครั้ง และบดบังใบหน้าอันขุ่นมัวของลุคจนมิด

ขณะดื่มน้ำ เบียงก้าอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ เธอรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่เด็กน้อยทั้งสองชอบและอยากใกล้ชิดกับเธอ

อาจเป็นเพราะแม่กับลูกก็คงมีอะไรเชื่อมต่อกัน เลือดเนื้อเชื้อไขนั้นไม่มีวันแยกจากไปเด็ดขาด เมื่อพวกเขามาเจอกันพร้อมหน้า เพียงพริบตาเดียวก็สามารถจำความรู้สึกที่ดีต่อกันได้

“ทำไมดูเธอมีความสุขออกนอกหน้าขนาดนั้น? ฉันดีใจที่เธอยิ้มได้นะ ก็มีอยู่บางครั้งที่ฉันคิดว่าเธอจะไม่ยิ้มอีกต่อไปแล้ว” นีน่ามาชงกาแฟและใช้นิ้วถูขมับ “ฉันคิดว่าเมื่อวานฉันคงดื่มเหล้าปลอมไปแน่ ๆ ฉันปวดหัวจนแทบจะระเบิดอยู่แล้วเนี้ย”

เบียงก้าไม่ได้บอกว่าทำไมเธอถึงยิ้ม เธอไม่กล้าแบ่งปันความสุขในใจเพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อ

ทุกอย่างยังคงรู้สึกเหมือนฝันสำหรับเธอ

พ่อเธอเป็นมะเร็งปอด และคุณปู่เธอซึ่งอายุมากแล้วเพิ่งถูกลักพาตัวไป อีกทั้งยังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน เธอถูกบังคับให้แต่งงานกับซาเวียร์ ชีวิตสีเทาของเธอดูเหมือนจะหม่นได้มากกว่าเดิมนัก กระนั้น มันเหมือนกับว่าพระอาทิตย์ท่อประกายแสง และดินแดนมืดกลับสว่างไสวมวลหมู่ดอกไม้ผลิบานและโอนอ่อนตามสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดพริ้วลิ่วไปตามทิศทางสายลมนั้น

ลานี่และเรนนี่เป็นดั่งดวงตะวัน ดอกไม้ และสายลมฤดูใบไม้ผลิของเธอ

แม้ว่าลุคจะอารมณ์ร้ายและอาจยังโกรธเธออยู่ แต่เธอก็ยังไม่หมดหวังที่จะได้คำตอบจากพ่อลูก

ก่อนจะเลิกงาน เบียงก้าโทรหาเขาอีกครั้ง

"ขออภัย หมายเลขที่คุณโทรไม่สามารถใช้ได้ในขณะนี้ โปรดลองอีกครั้งในภายหลัง"

หลังจากเลิกงาน เธอเดินออกจากบริษัท

ภายใต้แสงสลัวยามพลบค่ำ เบียงก้าไปเดินลงไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน

เมื่อเธอไปถึงโรงพยาบาล สิ่งแรกที่เธอทำคือเอ่ยถามคุณหมอถึงเรื่องอาการของคุณพ่อเธอ จากนั้น เธอก็ไปหาพ่อที่วอร์ดและวางวิตามินที่เธอซื้อไว้ข้างเตียง

พี่เลี้ยงก็มาถึงแล้วเช่นกัน เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนวัย 40 ปี

ขณะที่เควินนอนอยู่โรงพยาบาล เขาพูดเบา ๆ ว่า “ลูกจ้างคนมาดูแลพ่อเหรอ? ต้องใช้เงินมากแน่ ๆ…”

เบียงก้าปลอบพ่อและพูดว่า "ก็ไม่ได้แพงมากมายอะไรเลยค่ะ คุณพ่อ เราไม่มีญาติที่นี่ ถึงเราจะขอ พวกเขาก็มาดูแลคุณพ่อที่โรงพยาบาลทุกวันไม่ได้อยู่แล้ว จ้างคนมาดูแลพ่อแบบนี้มันก็น่าจะดีแล้วแหละค่ะ ไม่งั้นถ้าหนูมาที่นี่ทุกวัน ก็คงไม่มีใครหาเงินน่ะสิ”

ทั้งที่เธอยืนกรานว่าจะไม่ให้คนแปลกหน้ามาดูแลพ่อ แต่อย่างไรก็ต้องมองดูความจริงเสียหน่อย ถ้าไม่จ้างคนมาดูแล เธอก็ต้องลาออกและเดินทางมาดูแลพ่อด้วยตนเอง

แต่ถ้าเธอลาออก เธอก็จะไม่สามารถหาเงินมาช่วยเหลือพ่อในโรงพยาบาลได้อีก

เธอเป็นพนักงานใหม่ในบริษัท ที คอร์ปอเรชั่น ซึ่งผ่านช่วงทดลองงานและได้เป็นพนักงานประจำ บริษัทจ่ายเงินให้พนักงานตรงเวลาทุกเดือน เงินเดือนของเธอจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคาร

การจ่ายเงินสำหรับโครงการจะได้รับหลังจากโครงการใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เท่านั้น

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้ลุคกับเธอจะทะเลาะกัน เธอยังไม่สามารถออกจากงานตอนนี้ได้ ถ้าขืนลาออก เธอก็จะไม่สามารถรับเงินจากโครงการนี้

นี่เป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงถึงหมื่นดอลลาร์เลยทีเดียว

นั่นเป็นเงินสำหรับค่ารักษาพยาบาลของพ่อและของคุณปู่ ค่าอาหาร และค่าเช่าบ้านของเธอ

“ช่วงนี้ แม่ลูก... มาหาบ้างรึเปล่า?” เควินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา

ดูเหมือนว่าจะเป็นคำถามที่กระทบกระจิตใจของเบียงก้าไม่น้อย

เธอจ้องดวงตาของเขา “พ่อคะ หนูเป็นลูกสาวของผู้หญิงที่ชื่ออลิสันนั่นจริง ๆ เหรอคะ?”

เควินคิดว่าลูกสาวยังไม่สามารถยอมรับความจริงนั้นได้

“พ่อจะกุเรื่องขึ้นมาทำไมกันเล่า? ก็จริงแหละที่แม่ของลูกเธอเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่... ยังไงเธอเป็นแม่นะ... อดทนเอาไว้ เมื่อพ่อไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว คงจะดีถ้าลูกยังมีคนให้พึ่งพาได้ในภายภาคหน้า”

เบียงก้าก้มหน้าลง

เธออยากจะบอกว่าเธอไม่ต้องการพึ่งพิงใครหรือแม้กระทั่งคนเช่นนั้น เธอต้องการจะยืนหยัดด้วยลำแข้งของเธอเอง อย่างไรเสีย เธอได้เอาชนะช่วงที่เลวร้ายที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตโดยไม่มีเธอเคียงข้าง

ตอนนี้เธออยู่ในวัยที่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ เธอไม่ต้องการแม่อีกต่อไป

นอกจากนี้ สำหรับเรื่องนี้ เธอเคยเห็นอลิสันเป็นแม่คนด้วยเหรอ?

ขณะคุยกับพ่อ เบียงก้าหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วค้นหาคำว่า 'พี่น้องต่างบิดาสามารถให้กำเนิดลูกที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้ใช่ไหม?'

คำตอบที่เธอพบคือไม่ได้

เธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับประเด็นด้านศีลธรรมและจริยธรรม เธอแค่กังวลว่าจะเกิดปัญหาใด ๆ ต่อสุขภาพของเด็ก ๆ หรือไม่เท่านั้น

เธอมั่นใจว่าระหว่างลุคกับตัวเธอ หนึ่งในนั้นจะต้องไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของอลิสัน

ครอว์ฟอร์ดไม่ใช่ตระกูลที่ร่ำรวยทั่วไป พวกเขาเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ หากครอบครัวต้องการเรียกตัวเด็กนอกกฎหมายกลับคืนสู่วงศ์ตระกูลอีกครั้ง พวกเขาจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก และต้องทดสอบดีเอ็นเออย่างละเอียดถี่ถ้วน

ดังนั้น หลังจากคิดเรื่องนี้ได้ เบียงก้าก็รู้สึกว่า ไม่แน่ เธออาจไม่ใช่ลูกของอลิสัน

เนื่องจากพ่อสุขภาพไม่ดี เบียงก้าจึงไม่อยากเผชิญหน้ากับปัญหาดังกล่าว เธอพักอยู่สักพักก่อนจะออกไปหาคุณปู่

หลังจากเบียงก้าไปรับประทานอาหารเย็นกับคุณปู่ เธอวางแล็ปท็อปทิ้งไว้ที่นั่นและไปตามที่อยู่ที่เพื่อนร่วมชั้นให้เธอไว้สำหรับงานพาร์ทไทม์ตอนกลางคืน

ณ สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง

“ฉันว่าเธอคงไม่ค่อยได้นอนดึกนักใช่มั้ย? ดื่มกาแฟสักแก้วสิ เผื่อว่าเธอจะรู้สึกง่วงขึ้นมา” เพื่อนร่วมชั้นหญิงยื่นกาแฟให้เธอ

เบียงก้ารับแก้วกาแฟมาขณะจ้องมองกองถุงยางอนามัยตรงหน้า...

หลังจากเบียงก้าทำความคุ้นเคยกับถุงยางอนามัยแล้ว เพื่อนร่วมชั้นหญิงก็เดินนำไปตามทางเดินของคลับเพื่อเริ่มดำเนินงานขายในห้องส่วนตัวของแขก แล้วแต่ว่าแบกท่านนั้นจะสนใจสินค้าหรือไม่

เบียงก้าเข้าไปในห้องส่วนตัว และทันทีที่เธอพูด แขกหยิบถุงยางอนามัยจากกระเป๋าเดินทางของเธอแล้วมองดู "อะไรล่ะเนี้ย? นี่มันเลียนแบบดูเร็กซ์เลยนะ ละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่เหรอ?"

“ขอโทษนะคะ ฉันเลือกผิดอันค่ะ” เจ้านายเธอกล่าวออกไปเมื่อแขกคนนั้นตอกกลับเช่นนั้น พวกเขาทำได้เพียงเก็บสินค้าเข้ากระเป๋าดังเดิมและเดินหนีออกมา

เบียงก้าออกจากห้องส่วนตัว

ขณะยืนอยู่ตรงทางเดิน เธอเห็นห้องวีไอพีอยู่ไกล ๆ เธอรับผิดชอบส่วนนี้ และให้เพื่อนร่วมชั้นหญิงของเธอเดินไปอีกทางหนึ่ง

ขณะถือกระเป๋าเดินทางพร้อมกับถุงยางอนามัยปลอม เบียงก้าก็รู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย งานนอกเวลาแต่ละงานนั้นทำให้ร่างกายทรุดโทรมเพราะการยืนตากแดดหลายชั่วโมง และงานประเภทนี้ก็ทำให้เธอต้องขายสิ่งที่รบกวนจิตสำนึกอยู่ตลอด

เงินก็หาได้ยากขึ้นทุกวัน

เธอรวบรวมความกล้าและเดินไปที่ห้องวีไอพี และผลักประตูเปิดออก

แสงไฟในห้องส่วนตัวก็สลัว เธอมองไปรอบ ๆ บางคนกำลังเล่นโป๊กเกอร์ในขณะที่บางคนกำลังร้องเพลงคาราโอเกะ สองสามคนคุยกันพลางดื่มเครื่องดื่มไปด้วย

ผู้ชายเหล่านี้สวมชุดสูทและรองเท้าหนัง บางคนสวมเสื้อผ้าลำลองแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า พวกเขาดูเป็นคนรวยมาก ไม่ใช่คนชนชั้นธรรมดาเป็นแน่

เบียงก้าหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมเดินเข้าไป และเริ่มโฆษณา "สวัสดีค่ะทุกท่าน มีใครต้องการผลิตภัณฑ์คุมกำเนิดรึเปล่าคะ?"

เมื่อชายคนหนึ่งได้ยินเสียงขี้กลัวของหญิงผู้นี้ เขาซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาสีแดงเลือด ณ มุมหนึ่ง เขานั่งไขว่ห้างพร้อมเงยหน้าขึ้นมามองต้นเสียงทันที

"คุณขายอะไรเหรอครับ?" ชายคนนั้นถาม

เบียงก้ารู้สึกได้ว่าในที่สุด ก็มีคนสังเกตเห็นเธอ จากนั้นเธอจึงมองตามต้นเสียงไป

เธอกล่าวว่า “ฉันมาขายผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยคุมกำเนิดค่ะ คุณสนใจไหมคะ?” แต่เมื่อเธอเห็นลุคจุดบุหรี่ด้วยใบหน้ามืดมนและควันลอยลอดผ่านเขาไป เธอก็ค่อย ๆ กลืนประโยคนั้นกลับเข้าไป...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก