พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 159

หลังจากนั้นไม่นาน มาลีรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะตายเนื่องจากความเจ็บปวด

มันเป็นเพียงการมีเพศสัมพันธ์กันแบบปกติทั่วไป แต่ซาเวียร์ก็ก้าวร้าวเหมือนกับคนที่กินไวอาก้ามา

"ไม่นะ... มันเจ็บค่ะ... เจ็บค่ะ..."

มาลีเสียใจและคิดว่าเธอกำลังจะตายที่นั่นแล้ว

“เป็นอะไรไป นี่ไม่ใช่คือสิ่งที่คุณต้องการเหรอ?” ซาเวียร์ไม่ได้หยุดระบายอารมณ์กับเธอเลย เขาคิดว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เคยใส่ใจทำตามอย่างที่พูดได้เลย และสมควรที่จะถูกลงโทษ!

มาลีดิ้นรนอย่างอ่อนแรงและส่ายศีรษะไปมา “ฉันไม่อยากได้แล้ว ไม่อยากได้อีกแล้ว...”

ไม่มีใครอยู่ในซอยนี้เลยเพราะพนักงานในบาร์เห็นเจ้านายเข้าไปในซอยกับผู้หญิงคนหนึ่ง

พวกเขาตัดสินใจว่าอย่ารบกวนเขาเลยน่าจะดีกว่า

เผื่อว่าทั้งสองคนนั้นจะ…

มาลีรู้สึกปวดแสบปวดร้อนทั่วร่างกายราวกับว่าเธอถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เธอทรุดตัวลงในตรอกบนทางเท้าหินแกรนิตและขดตัวราวกับลูกบอล

ธนบัตรบนพื้นนั้นสะดุดตามาก

น้ำตาที่นองอยู่แห้งเหือดไปและเครื่องสำอางราคาถูกละลายไปกับใบหน้าที่เปียกปอน เธอดึงเล็บที่หักออกจากผนัง มือเธอสั่นระรัวขณะก้มหยิบเงินบนพื้นทีละใบ ๆ

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง

มาลีนั่งแท็กซี่กลับบ้าน

เมื่อเธอหยิบกุญแจออกมากำลังเปิดประตู แล้วประตูก็เปิดจากด้านใน

“ลูกไปไหนมา? ลูกอยู่บ้านคนเดียวเหรอ?” เจนนิเฟอร์ยืนอยู่ที่ประตูและตะคอกใส่เธอว่า “ลูกกำท้องกำลังไส้แต่เดินไปตามถนนกลางดึกแบบนี้เหรอ? ลูกตั้งใจจะฆ่าลูกในท้องรึไง?! ถ้าพวกตระกูลแลงดอนรู้ ลูกจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?”

มาลีมองไปยังแม่ของเธอที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอมีใบหน้าที่แย่มาก “หนูคิดว่าแม่ตายแล้วเสียอีก”

เจนนิเฟอร์สำลักแล้วตวาดกลับไปว่า "นางเด็กโง่! ลูกกล้าพูดกับแม่อย่างนี้เชียวหรือ? อะไรทำให้ลูกคิดว่าแม่ตายแล้ว?"

“ถ้าแม่ยังไม่ตาย ทำไมแม่ไม่ติดต่อมาหาหนูบ้าง?” มาลีวางกุญแจและกระเป๋าลง เธอถอดรองเท้าแล้วเข้าไปในบ้าน “หนูหิว ทำก๋วยเตี๋ยวให้หนูหน่อย”

เจนนิเฟอร์มองไปที่รองเท้าส้นสูงตรงทางเข้า เธอรู้สึกประหลาดใจ "ทำไมลุกถึงใส่รองเท้าส้นสูงทั้ง ๆ ที่ท้องอยู่แบบ–"

“ลูกไม่อยู่แล้ว หนูแท้งแล้ว และตลอดชีวิตที่นี้หนูท้องไม่ได้อีกแล้ว!” มาลีเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้า และบอกเจนนิเฟอร์อย่างละเอียดว่าเธอแท้งเพราะอะไร

เธอทั้งระบาย ทั้งสาปแช่งขณะที่อธิบายทุกสิ่งออกมา

เจนนิเฟอร์ตกใจมากในตอนแรก แต่แล้วก็เศร้าใจและหดหู่

เจนนิเฟอร์รู้จักลูกสาวดีที่สุด เธอยังคงจำได้ว่า ลูกสาวทำแท้งครั้งแรกด้วยวัยเพียงอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น

“ทำไมลูกถึงไปคบกับคนอื่นตอนที่กำลังท้องลูกของฌองล่ะ? ลูกคิดว่าลูกจะจับเศรษฐีหนุ่มคนนั้นจริง ๆ เหรอ? ลูกมันไร้เดียงสาเกินไป! ตอนนี้ลูกไม่ตั้งท้องได้อีกแล้ว แล้วลูกจะทำยังไงต่อไปในอนาคต?! บอกแม่สิ! แม่ควรจะคอยเลี้ยงดูลูกไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่นี่ใช่รึเปล่า?”

มาลีต้องการถอดชุดชั้นใน แต่ขาทั้งสองเจ็บปวดทุกครั้งที่ขยับ

เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะข่มตาให้หลับและปล่อยให้สติของตนเองเลือนหายไป หลังจากกลับถึงบ้าน เธอแค่อยากจะพักผ่อนให้เต็มที่

แต่ก่อนจะนั่งลง เธอพบว่ามีเลือดบริเวณนั้น

“แม่... หนูเลือดออก...” มาลีพูดด้วยความตกใจ

ดวงตาของเธอแดงก่ำ

"อะไรนะ?" เจนนิเฟอร์อยากจะดุเธอต่อไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว เธอจึงรีบเปิดประตูห้องน้ำและเดินเข้าไป

“ลูกไปทำบ้าอะไรมา?!”

เจนนิเฟอร์กำลังจะบ้า

มาลีเริ่มร้องไห้ด้วยความกลัวและเล่าให้เธอฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตรอกเมื่อครู่นี้

“หนู… หนูคิดว่าเขาจะรับผิดชอบ หนูไม่รู้ว่าเขารุนแรงกับหนูขนาดนี้ เขา... เขารวย และหล่อมาก…”

เจนนิเฟอร์รีบคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วกด 911

"เข้าใจแล้ว รีบมาหน่อยนะ" เจนนิเฟอร์ตัวสั่นขณะพูดกับปลายสาย หลังจากที่วางสาย เธอหันหลังแล้วโยนโทรศัพท์ลงกับพื้นก่อนจะก่นด่ามาลีว่า "ลูกเสียความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะผู้ชายคนเดียวอย่างนั้นเหรอ? ลูกสู้เพื่อตัวเองไม่เป็นรึไง?"

“แม่ต้องการให้หนูทำอะไร? หรือแม่ต้องการให้หนูฆ่าตัวตาย!” มาลีโกรธมากหลังจากถูกดุ เธอตอบอย่างเย้ยหยัน "แม่เองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? แม่เองก็อยู่ไม่ได้ถ้าขาดผู้ชายไปเหมือนกันแหละ! อย่าคิดว่าหนูไม่รู้ว่าแม่เป็นชู้กับสามีชาวบ้าน ตอนที่แม่ยังอยู่ในบ้านหลังเก่าของตระกูลเรย์นแล้วก็โดนทุบตีมาอีกต่างหาก”

เจนนิเฟอร์ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าลูกสาวจะรู้เรื่องนี้

“แม้ว่าหนูจะเป็นลูกสาวของแม่ตลอดมา แต่อย่างน้อยหนูก็ดีกว่าแม่ ผู้ชายที่หนูอยู่ด้วยเขารวยกว่าและหล่อกว่าผู้ชายของแม่เยอะ ไม่เหมือนแม่ แค่คนบ้านนอกก็ทำให้แม่พอใจได้!” มาลีระบายความโกรธอัดอั้นอยู่ภายในใจกับแม่ของเธอ

...

อีกด้านหนึ่งของเมือง

บลองช์มาหาเรนนี่หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาลูบผมที่แห้งแล้วของน้องสาวและพูดว่า "พี่จะไปนอนแล้วนะ น้องพี่"

"ค่ะ" เรนนี่ประพฤติตัวดีมากในวันนี้

บลองช์เงยหน้าขึ้นมองที่หญิงสาวและถามอย่างเขินอาย “น้าบี ตอนที่... ตื่นเช้ามาวันพรุ่งนี้ คุณจะยังไม่แอบหนีไปใช่ไหมครับ?”

เบียงก้ารู้สึกถึงได้ถึงสายตาอันร้อนแรงที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ แม้ว่าจะไม่ต้องหันหลังไปมอง เธอรู้ว่าลุคยืนอยู่ด้านหลัง

เธออยากจะอยู่กับลูก ๆ ให้นานขึ้น

แน่นอนว่าต้องได้รับอนุญาตจากลุคก่อน

ถ้าลุคไม่อนุญาต เธอก็จะสามารถทำได้เพียงแค่มาเยี่ยมเด็ก ๆ อย่างลับ ๆ ได้เท่านั้น เพราะอย่างไรเสีย เด็ก ๆ กำลังจะเข้าโรงเรียนประถมกันแล้ว

"ฉันไม่ไปไหนอยู่แล้วจ้ะ" เบียงก้าลูบหัวของบลองช์ด้วยความเอ็นดู

“ราตรีสวัสดิ์ครับ น้าบี เจอกันครับ!” บลองช์จูบน้าบีก่อนจะวิ่งกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง

เรนนี่เหวี่ยงแขนน้าบีราวกับเด็กทารกและยืนกรานจะนอนเตียงเดียวกับเธอ น้าบีเห็นด้วยโดยไม่คำนึงถึงความยินยอมจากพ่อ

ลุคบอกว่า “เตียงของเรนนี่เล็กเกินไป คืนนี้พวกคุณนอนห้องผมแล้วกัน”

เบียงก้าไม่ได้คัดค้านเพราะเธอเห็นว่าเตียงของเรนนี่นั้นเล็กเกินไปจริง ๆ มันสามารถนอนได้เฉพาะเด็กเท่านั้น ไม่ใช่ผู้ใหญ่

ลุคหาเสื้อและกางเกงให้เธอ "พออาบน้ำเสร็จ คุณก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าพวกนี้นะ"

"ขอบคุณมากค่ะ" เมื่อเบียงก้ารับเอาเสื้อผ้าไป เธอรู้สึกขอบคุณเขาที่ให้ยืมเสื้อผ้ามาใส่ เธอยังรู้สึกขอบคุณมากขึ้นที่เขายอมให้เธอนอนเตียงเดียวกับเรนนี่ และเต็มใจที่จะเสียสละเตียงใหญ่นั้น ให้เขาทั้งสองคน ขณะที่เขาจะเป็นคนไปนอนบนเตียงของลูกสาวเอง

'ลุคสูงและขายาว ถ้าเขานอนบนเตียงของเด็ก มันคงอึดอัดเพราะเขาไม่สามารถเหยียดแขนหรือขาของเขาได้…’ เบียงก้าคิดในใจ

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมเธอแห้งเพียงครึ่งเดียว เบียงก้าเห็นว่าใกล้จะค่ำแล้ว เธอจึงตัดสินใจแยกเสื้อผ้าของเด็กและผู้ใหญ่ออกเป็นตะกร้าคนละใบ เธอซักเสื้อผ้าสีอ่อนก่อน แล้วตามด้วยเสื้อผ้าสีเข้ม

สุดท้าย เธอก็ใส่เสื้อผ้าเหล่านั้นในเครื่องอบผ้าเพื่อทำให้แห้ง

หลังจากที่เธอแขวนเสื้อในห้องนั่งเล่นแล้ว ชายคนนั้นก็ยืนอยู่ข้างหลังเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำเบียงก้ารู้สึกได้ว่ามีสายตาอันร้อนรุ่มกำลังจ้องมองมาจากด้านหลัง และเธอก็ก้มหน้าลงเพื่อจัดการกับเสื้อผ้า เธอพูดว่า "ฉันจะอบเสื้อผ้าของคุณพรุ่งนี้เช้านะคะ"

ลุคพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “ไม่เป็นไร คุณเข้านอนแต่หัวค่ำเถอะ”

เบียงก้าดึงนิ้วเธอออกจากเสื้อแล้วพูดว่า “คุณก็เหมือนกันนะคะ… ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

ลุคมองดูเธอเดินเข้าไปในห้องของเขา

เสื้อและกางเกงของผู้ชายเมื่อสวมเข้ากับร่างกายของเธอ ก็ดูหลวมไปหมด เมื่อเปรียบเทียบกับคอที่เรียวและซีด เธอดูสวยขึ้นเป็นพิเศษ

เบียงก้าเดินเข้าไปในห้องนอนของชายคนนั้นและปิดประตู

เมื่อเธอเข้านอน เธอพบว่าเรนนี่ยังไม่หลับ

เรนนี่พยายามจะฝืนลืมตาตื่นทั้ง ๆ ที่เกือบหลับไปแล้ว เธอแนบทั้งตัวเข้ากับอ้อมแขนเบียงก้าและพูดอย่างน่ารักว่า “น้าบีกลับมาแล้ว”

เบียงก้าอุ้มเรนนี่ และปล่อยให้เด็กซบหน้าอกของเธอเหมือนเด็กทารก

แต่แล้วในขณะนั้น ประตูห้องนอนก็เปิดออก ลุคเดินเข้าไปในชุดนอนสีเข้มและไล่ปิดไฟตามหลัง ร่างกายของเขาดูเย้ายวนและแข็งแกร่ง เขาเดินตรงไปอีกด้านของเตียงขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้หน้าต่าง ยกผ้าห่มขึ้นและนอนลงไป

เบียงก้า "..."

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก