พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 160

เรนนี่ผล็อยหลับไปด้วยความเคลิ้มและเกือบจะไม่รู้ตัว

มือเล็ก ๆ ของเธอโอบรอบคอน้าบีอย่างมีความสุข เธอซบตัวเองมากขึ้นในอกของน้าบีโดยไม่รู้ตัว เธอเบ้ปากเล็ก ๆ และพูดว่า “ตัวน้าบีหอมมากเลยค่ะ…”

ลุคที่นอนอยู่อีกด้านของเตียงใหญ่ "..."

ในห้องนอนที่กว้างขวางและถูกตกแต่งอย่างหรูหรา มีโคมไฟติดผนังที่มีแสงสลัวเพียงสองดวงเปิดอยู่เหนือเตียง นั่นคือเหตุผลที่ห้องนอนที่เหลือถูกความมืดปกคลุมไว้หมด ยกเว้นรอบเตียงใหญ่

เบียงก้าค่อย ๆ ลูบไล้ผมเรนนี่เพื่อพยายามทำให้เด็กหลับเร็วขึ้น

พลังอันเหลือล้นของเรนนี่เหนือกว่าจินตนาการของผู้เป็นแม่อย่างเธอ เธอไม่ร้องไห้หรือสร้างปัญหาใด ๆ เลย และผล็อยหลับไปอย่างว่าง่าย

“น้าบีคะ หนูอยากลองจับหน้าอกของคุณจัง”

เรนนี่หลับตาลง และมือเล็ก ๆ ของเธอก็คลำหาบางอย่างที่ต้องการ

เบียงก้ารู้ดีว่านี่ เป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กอายุ 5 ขวบที่จะอยากนอนกอดแม่...

ถึงกระนั้น ยังมีชายคนหนึ่งที่อยู่บนเตียงใหญ่

เธอรู้สึกเขินอายไม่น้อยเลย

หลังจากวุ่นวายใจกับความคิด เบียงก้าก็มองลงมาที่เรนนี่ซึ่งอยู่ในอ้อมแขนและตัดสินใจที่จะไม่ปฏิเสธเด็กคนนั้น

หลังจากพลัดพรากกันมานานกว่าห้าปี ลูกสาวตัวน้อยกำลังร้องขอเรื่องง่าย ๆ กับผู้เป็นแม่ เธอไม่สามารถปฏิเสธคำขอลูกสาวได้

“ก็ได้จ้ะ พอจับเสร็จแล้วต้องนอนได้แล้วนะ ตกลงไหม? แล้วพรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารเช้าแสนอร่อยให้ทานนะ” เบียงก้าคว้ามืออวบอ้วนของเด็กน้อย แล้วแปะมือนั้นไว้ภายใต้เสื้อของตน

หลังจากสัมผัสสิ่งที่เธอต้องการแล้ว เรนนี่ก็เบียดตัวเองไปมาบนแขนของหญิงสาว ราวกับเด็กที่มีความสุขที่ได้นอนอยู่ในอ้อมแขนของแม่ ฉากนั้นดูเหมือนมาจากการ์ตูน และในที่สุด เด็กก็ผล็อยหลับไปอย่างหวานชื่น

ลุคที่นอนอยู่อีกด้านของเตียงใหญ่แต่ยังนอนไม่หลับ "..."

เบียงก้าที่ดูแลลูกสาวเป็นอย่างดี และไม่ได้ขยับตัวไปไหนขณะนอนอยู่บนเตียง เธอนอนในท่าตะแคงและไม่ไหวติงเพราะกลัวว่าจะปลุกลูกสาวที่กำลังหลับอยู่

เมื่อเวลารุ่งสาง เบียงก้าก็ผล็อยหลับไปด้วยความงัวเงีย

แม้ว่าเธอจะหลับ แต่จิตใต้สำนึกของเธอยังคงจำได้ว่าลูกสาวอยู่ในอ้อมแขนของตน

เธอกลัวว่าจะนอนทับเด็กน้อยเข้า

ขณะหลับไป เธอรู้สึกว่ามือเล็ก ๆ ของลูกสาวที่กำลังจับหน้าอกเธออยู่ถูกพรากไป

มีความรู้สึกชื้นตรงจุดที่มือของลูกสาวทาบอยู่ ขณะนอนหลับ เบียงก้าเอื้อมมือไปกอดลูกสาวที่นอนอยู่ข้างกาย

เธอต้องการทำให้ลูกรู้ว่าเธอยังอยู่ที่นั่น

แต่เมื่อเอื้อมมือไป เธอไม่รู้สึกถึงตัวของลูกสาวเลย

หลังจากเอื้อมมือออกไปคลำหาอีกครั้ง ก็ยังว่างเปล่า สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกคือผ้าปูที่นอนผ้าไหมนุ่ม ๆ

เบียงก้าดูเหมือนจะฝันร้ายและตื่นขึ้นทันทีทันใด!

หลังจากลืมตาแล้ว เบียงก้าก็ลุกขึ้นมานั่ง ปากเธอเปิดเล็กน้อย เธอมองไปรอบ ๆ ห้อง และคิ้วขมวดเล็กน้อย

ไม่มีใครอยู่ในห้องนอนใหญ่

โคมไฟติดผนังเปิดอยู่ และมีร่องรอยของเด็กนอนอยู่บนเตียงท่ามกลางแสงสลัว แต่เด็กคนนั้นหายไป

หลังจากตื่นขึ้นประมาณสิบวินาที เบียงก้าก็ลุกออกจากเตียง ใส่รองเท้าแตะ และกำลังจะออกจากห้องนอน

ในขณะนั้น เธอไปถึงประตูและบังเอิญเห็นชายคนหนึ่งเดินออกจากห้องนอนของเด็ก ๆ

ลุคปิดประตูห้องลูกสาวอย่างเบามือและกำลังจะกลับห้อง

ทั้งสองสบตากันและเบียงก้ายืนอยู่ที่นั่นขณะที่เธอถามเขา "ทำไม...? ทำไมคุณถึงพาลูกออกไปคะ?"

หลังจากตื่นนอนแล้ว ผิวของเบียงก้าเป็นเหมือนไข่ลวกที่ปอกเปลือกแล้ว มันมีสีขาวและเรียบเนียนด้วยความแวววาวซึ่งน่าลิ้มลองเป็นพิเศษ กางเกงท่อนล่างและเสื้อผู้ชายท่อนบนที่เธอสวม ล้วนมีรอยย่นเพราะการนอนก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตาม รอยย่นบนเสื้อผ้าดูเหมือนจะแนบเข้ากับร่างกายของเธออย่างสวยงามราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย

“ท่านอนของคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และคุณก็ทับเรนนี่อยู่ด้วย” ลุคละสายตาจากเธอ และเดินผ่านเข้าไปในห้องนอน

'อะไรนะ?'

เบียงก้าขมวดคิ้ว ท่านอนของเธอไม่ดีงั้นเหรอ?

'จริงจังเหรอเนี่ย?!'

เบียงก้าหันกลับมาและตามเขาไป “ท่านอนของฉันปกติดีอยู่เสมอนะคะ ตอนฉันยังเด็ก คุณปู่บอกฉันแบบนี้นะ ตอนฉันโต เพื่อนร่วมชั้นบอกฉันเสมอ ๆ แบบเดียวกัน รวมถึงใครก็ตามที่เคยร่วมห้องกับฉันด้วย อื้ม–”

ในขณะที่ชายคนนั้นยกใบหน้าเธอขึ้น ปากเล็ก ๆ ที่พูดพล่ามของเธอก็ถูกเขาจุมพิตอย่างแรง!

เบียงก้ายืนเขย่งตามสัญชาตญาณเพื่อให้เข้ากับส่วนสูงของเขา

หลังจากรู้ว่าเขากำลังทำอะไร เบียงก้าก็ตื่นเต็มที่และดันหน้าอกอันแข็งแกร่งของเขาออกไป

“อ๊ะ…อุ๊ย…”

ลุคถือโอกาสนี้จับแก้มเธอด้วยมือใหญ่สองข้าง เมื่อเขาเลื่อนมือไปถึงด้านหลังศีรษะ เขาก็ลูบผมที่อ่อนนุ่มและปลิวไสวของเธอ

กลิ่นหอมจากผมของหญิงสาวค่อย ๆ ลอยฟุ้งลอดผ่านเข้าไปในโพรงจมูก จากนั้นหัวใจและปอดของเขา กลิ่นนั้นค่อย ๆ ละลายเข้าสู่กระแสเลือดของชายหนุ่ม

อาการชาอันเจ็บปวดในคืนที่พร่ามัวเช่นนี้ได้ซึมซาบเข้าสู่อณูทุก ๆ นิ้วที่สัมผัสผิวหนังหญิงสาวคนนี้ผ่านปลายนิ้วที่ด้านและหนาของลุค

“ไม่นะ ฉันขอร้อง คุณ… ได้โปรดอย่าเลย…”

ในที่สุด ริมฝีปากชายคนนั้นก็ละออกจากริมฝีปากของเธอไป และยอมปล่อยให้เธอพูดได้

ทว่าในวินาทีต่อมา เธอรู้สึกท่วมท้นด้วยจุมพิตอันรุนแรงของชายผู้นี้

ชายคนนั้นจู่โจมแก้มอันนิ่มนวลของเธอ ขนตาที่เป็นประกาย ริมฝีปาก จมูก และคางเต็มไปด้วยรอยจูบที่เปียกชื้น

"ไม่ อ๊ะ..."

เบียงก้าก้มหน้าด้วยความหวาดเสียว และมองดูเสื้อของตนถูกถอดออก เสื้อเชิ้ตของผู้ชายที่หลวมนี้หลุดออกจากไหล่ของเธอทันทีโดยมือของลุค

ชุดชั้นในของเธอถูกปลดจากด้านหลัง

จากนั้น สายรัดของชุดชั้นในก็ห้อยหลวม ๆ บนแขนสีซีดอันบอบบาง

เสื้อตกลงไปบนพื้นขณะที่ชายคนนั้นเอนกายลงบนตัวเธอ และซบศีรษะของเขาไว้ในที่ที่ลูกสาวเพิ่งนอนจับมาก่อน เขาเปิดปาก...

ร่างกายเบียงก้าก็รู้สึกเกร็งขึ้นมา

นั่นราวกับว่าเธอไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้อีกต่อไป

ลุคอุ้มเธอขึ้นในคราวเดียว แล้ววางเธอลงบนเตียง ขณะที่เขาถอดกางเกงผู้ชายตัวใหญ่ที่เธอสวมอยู่

“ลุคคะ ขืนคุณยังทำแบบนี้ จะทำให้เด็ก ๆ ตื่นเข้าไปนะ”

เบียงก้าขัดขืนและผลักเขาออกไป อีกทั้งยังเตะเขาด้วยซ้ำ

ลุคกดเธอลงบนตัวเธอลง และถอดชุดนอนออกอย่างไม่เขินอาย

“คุณ...” เบียงก้าพูดไม่ออกเมื่อดวงตาเบิกกว้าง 'เขาใส่แค่ชุดนอนเท่านั้น'

ร่างกายของเบียงก้าสั่นจนแทบทนไม่ไหว เมื่อมือใหญ่ของลุคจับเอวเล็ก ๆ นั้น ซึ่งทำให้เตียงส่งเสียดังเอี๊ยด

ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านตามไปด้วย

ประตูห้องนอนเล็กเปิดออก บลองช์ที่ตื่นมาเพื่อปลดทุกข์เกิดได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวมาจากห้องนอนพ่อ เขาจึงเดินไปเคาะประตู และก็เปิดประตูเข้ามา

“พ่อครับ น้าบี สองคนทำอะไรกันอยู่เหรอครับ?”

เด็กน้อยตัวเล็กยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องนอนของผู้ใหญ่ด้วยสายตางัวเงีย เขาจ้องมองพ่อกับน้าบีที่ยังไม่ได้หลับ

เบียงก้าพันผ้าห่มไว้รอบตัวเธอและยังคงนอนหอบอยู่ และเธอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสุดธรรมชาติว่า “ฉัน…คือฉันเห็นหนูตัวใหญ่น่ะจ้ะ”

“หนูตัวใหญ่เหรอครับ?” บลองช์เริ่มตื่นขึ้นด้วยความสงสัย “มีหนูตัวใหญ่อยู่ในห้องของพ่อ!”

ใบหน้าเบียงก้านั้นแดงก่ำเหมือนสีของมะเขือเทศสุก

“หนูตัวโตแค่ไหนครับ? หรือว่ามันเป็นหนูผี?” บลองช์ถามด้วยดวงตาเบิกกว้าง

"..."

เบียงก้าไม่รู้จะพูดอะไร

ลุคยืนอยู่ข้างเตียงและผูกสายของชุดนอน เมื่อเขามองย้อนกลับไปที่ลูกชาย เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “หนูตัวใหญ่หรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของลูก กลับไปนอนได้แล้ว”

“พ่อครับ พ่อไม่ให้ผมเลี้ยงหนูตัวใหญ่ แต่ตอนนี้ดันมีหนูตัวหนึ่งอยู่ในบ้านแล้ว ไหน ๆ มันก็เข้ามาแล้ว ถ้าหาเจอ ผมจะเลี้ยงหนูไว้ได้ไหม? ”

บลองช์ผู้ซึ่งต้องการอยากจะเลี้ยงแฮมสเตอร์มาก่อนพูดอ้อนวอนน้ำเสียงอันแผ่วเบา

“หนูตัวใหญ่อยากเล่นกับน้าบีน่ะ” ลุคพูดอย่างเคร่งขรึม

“หนูตัวใหญ่อาจทำให้น้าบีตกใจกลัวก็–” บลองช์พูดยังไม่ทันจบประโยค ก็ถูกพ่อพากลับเข้าไปในห้อง

บนเตียงในห้องนอน ไออุ่นค่อย ๆ กระจายไปทั่วร่างกายของเบียงก้า แต่เมื่อเธอนึกถึงหนูตัวใหญ่ที่น่าเกรงขามบนร่างของชายคนหนึ่ง เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นสะท้าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก