ฌองรู้ว่าเบียงก้าเองก็รักเขา และยังรู้ว่าเธอไม่ได้รักเขาเท่าที่เขารักเธออีกด้วย
เพื่อให้การขอแต่งงานครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด เมื่อเขาตัดสินใจที่จะขอเธอแต่งงานในตอนเที่ยงนั้น ฌองจึงขอให้พ่อและแม่ของเขาเชิญคนในครอบครัวมาด้วยกัน
สมาชิกในครอบครัวกว่าสิบชีวิตทั้งแก่และเด็กเบียดเสียดรวมกันอยู่ที่นี่
หลังจากที่เบียงก้าเดินตามครอบครัวแลงดอนขึ้นไปที่ชั้นบน เธอยืนนิ่งไปในทันทีที่พวกเขาเปิดประตู...
ในตอนนั้น นีน่าจ้องมองญาติ ๆ ของตัวเองที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ในบ้านราวกับเห็นผี
“มาแล้ว เธอกลับมาแล้ว!” น้าเล็กของฌองตะโกนทันทีที่เห็นเบียงก้ายืนอยู่หน้าประตู เบียงก้าในตอนนี้คือคนเดียวกับหญิงสาวในรูปที่เธอเคยได้เห็น ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าคว้าเอาแขนแม่ของตัวเองไว้แล้วพูด “นั่นแฟนสาวของฌองค่ะ เบียงก้า เรย์น เธอยืนอยู่ตรงประตูนั่นค่ะ! ตายแล้ว ตัวจริงสวยมากเลยนะคะ มาค่ะ ไปดูกันค่ะแม่...”
เบียงก้าถึงกับพูดไม่ออก
“เข้ามาสิ” ฌองมองเบียงก้าด้วยแววตาอ่อนโยน เขาจูงมือเธอ
เบียงก้าต้องฝืนยิ้มให้กับญาติของฌองตามมารยาท คุณย่าของฌองไม่ยอมปล่อยมือจากเบียงก้าด้วยซ้ำ เธอจับมือของเบียงก้าไว้แล้วตบเบา ๆ เวลาที่เธอพูดกับเบียงก้า
เบียงก้ารู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล
เบียงก้าสอดส่ายสายตาเพื่อมองหาฌอง ก่อนจะพบว่าเขากำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ริมระเบียง มือข้างหนึ่งของเขาล้วงไปในกระเป๋า เขาดูเครียดราวกับมีบางสิ่งหนักอึ้งอยู่ภายในใจ
อาหารค่ำคืนนี้ดูหรูหรามาก
“อาหารคืนนี้วิเศษมากจริง ๆ ดีกว่าอาหารช่วงปีใหม่ด้วยซ้ำไป…” นีน่ากล่าว
ปู่ย่าของฌองนั่งร่วมโต๊ะกับพ่อแม่อยู่ที่โต๊ะหลัก
ฌองและเบียงก้าพากันมานั่งตาม
ฝูงชนพากันนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง
ระหว่างรับประทานอาหาร พวกเขาพูดคุยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยกัน
เบียงก้าเกือบจะรับประทานจนอิ่ม เธอทำท่าจะวางช้อนส้อมในมือลง ในตอนนั้นเองที่ฌองมองตาเธอแล้วพูดขึ้น “มากับพี่หน่อยสิ”
ฌองและเบียงก้าเดินเข้าไปในห้องนอนเล็กด้วยกัน
ห้องนอนของฌองนั่นเอง
“มีอะไรคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงอันแสนอ่อนโยนราวกับแสงอันอบอุ่นในยามสาย
สายตาของฌองที่มองไปยังเบียงก้านั้นแน่วแน่ทว่าอ่อนโยน เขาจับมือของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “พี่ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อเช้า เป็นความผิดของพี่เอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้โกรธเรื่องนั้นแล้ว”
นั่นเป็นคำตอบของเบียงก้า
“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่เธอเข้าใจในความกังวลของพี่” ฌองเข้าไปดึงเธอมากอดไว้ เขาหลับตาแล้วพูดเสียงอ่อน “เธอไม่รู้หรอกว่าพี่กลัวที่จะเสียเธอไปมากแค่ไหน”
เบียงก้าได้แต่เงียบ
ฌองยังพูดต่อ “เธอรู้ไหมว่าพี่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น ตกหลุมรักตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของพี่ ตอนนั้นเธอยังเป็นแค่นักเรียนมัธยมอยู่เลยด้วยซ้ำ ความรู้สึกพี่บอกว่ามันบาปที่ไปคิดอะไรกับเด็กนักเรียนอย่างนั้น พี่พยายามที่จะไปรักคนอื่นแล้ว แต่ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบเธอแม้แต่คนเดียว พี่ได้แต่หวังให้เธอเติบโตขึ้นอย่างเงียบ ๆเท่านั้น”
“แล้วในที่สุดเธอก็โตขึ้น แถมเรายังได้ไปเรียนต่างประเทศด้วยกันอีก”
“ตอนที่เธอเข้ามาทำความสะอาดแล้วเล่าแผลใจในอดีตให้พี่ฟัง บอกตามตรงว่าพี่เสียใจกับเรื่องนั้นมาก…”
เมื่อเธอได้ยินที่ฌองพูด ร่างกายของเธอเริ่มสั่นน้อย ๆ
ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้
“ฟังพี่นะ” ฌองสวมกอดเบียงก้าแบบหลวม ๆแล้วพูดต่อ “พี่ไม่ได้รู้สึกแย่เพราะเธอไม่บริสุทธิ์หรอกนะ แต่พี่โกรธตัวเอง พี่โกรธตัวเองที่ไม่ได้ก้าวเข้าไปในชีวิตของเธอตั้งแต่แรก พี่เกลียดที่ดูแลเธอให้ดีเท่าที่ควรไม่ได้ จนปล่อยให้เธอต้องทุกข์ทรมาณแบบนั้น”
“เบียงก้า เธอก็รู้นี่ว่าไม่มีใครที่รักเธอมานานเท่าพี่ ไม่มีใครมั่นคงกับเธอเท่าพี่อีกแล้ว”
เป็นเพราะฌองกลัวจะเสียเบียงก้าไป เสียงสะอื้นของเขาจึงแปรเปลี่ยนเป็นความละล่ำละลักที่จะพูดแทน
เบียงก้ารู้สึกสะท้อนใจ
หัวใจของเธอค่อย ๆ รู้สึกอบอุ่นขึ้น
ในที่สุดคำอธิษฐานของเธอก็เป็นจริง มีคนที่รักเธอจนหมดหัวใจเสียที
เธอพยายามอย่างหนักที่จะลืมเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ชายผู้ร่ำรวยและทรงอำนาจคนนั้นก็คงจะคิดเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก