สรุปเนื้อหา บทที่ 17 ราวกับพวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน – พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก โดย พะเนินเทินทึก
บท บทที่ 17 ราวกับพวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ของ พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย พะเนินเทินทึก อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“พวกเรามาที่นี่ เพราะว่า…” ลุคยังพูดไม่ทันจบประโยค เขาก็มองไปเห็นหญิงชราคนหนึ่งเดินมาทางพวกเขา
หรือคุณยายท่านนี้จะเป็นแม่ของคุณบี?
“สวัสดีครับ คุณยาย!” ลานี่ทักทายหญิงชราอย่างสุภาพ
คุณยายอย่างนั้นหรือ...?
เบียงก้ามองตามลานี่ไปยังด้านหลังของเธอ
หญิงชราวัยห้าสิบเศษ สวมชุดวอร์มอะดิดาสสีชมพูขาว เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงพวกเขาสามคน
ลุครู้ดีว่าหญิงชราคนนี้ไม่ใช่แม่ของเบียงก้า เขาจึงไม่ได้พูดอะไร
“คุณน้ามีอะไรรึเปล่าคะ?” เบียงก้ากังวลกับสายตาที่หญิงชรามองมาที่เธอ
หญิงชราขมวดคิ้วก่อนจะเริ่มแนะนำบางอย่างแก่เบียงก้า “เมื่อแต่งงานแล้ว เธอต้องเรียนรู้วิธีดูแลเอาใจใส่คนในครอบครัวของเธอด้วยสิ อย่าทำให้สามีและลูกของเธอโกรธ ที่ฉันจะพูดก็คือ ดูเธอสิ! นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว แต่เธอเพิ่งกลับน่ะรึ?”
คำว่า “สามีของเธอ” คงจะหมายถึงชายหน้าตายที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเป็นแน่
เบียงก้าทั้งอับอายและอึดอัดที่สุด
เบียงก้าพยายามจะอธิบายให้หญิงชราเข้าใจ แต่หญิงชราหันไปมองลุคด้วยสายตาอันไร้ความปราณีเช่นกัน “คุณเองก็ไม่ได้เป็นสามีที่ดีนักหรอกนะ คุณไม่ควรจะโกรธภรรยาของคุณ เพียงเพราะเธอเข้มงวดกับคุณ อย่างนี้แล้วคุณจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกคุณได้ยังไง? ผู้ชายสมัยนี้ก็ควรจะเรียนรู้วิธีทำอาหารเหมือนกัน ไม่ใช่ผลักภาระงานบ้านทุกอย่างให้ภรรยาทำอยู่ฝ่ายเดียว เธอแต่งเข้ามาเป็นภรรยาไม่ใช่คนใช้!”
เบียงก้าคิดไม่ตกว่าหญิงชราคิดไปไกลเช่นนี้ได้อย่างไร
ทำไมเธอถึงเข้าใจอะไรไปในทางนั้นได้
ใคร ๆ ก็น่าจะมองออกว่าระหว่างเขากับเธอนั้นเหมือนมาจากคนละโลกกัน
“คุณน้าคะ คุณกำลังเข้าใจผิด เขาเป็นเจ้านาย ส่วนฉันเป็นลูกน้องของเขาเท่านั้นค่ะ” เบียงก้าอธิบายอย่างรวบรัด
มีวูบหนึ่งที่หญิงชราจะเปิดปากพูดต่อ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอมองเบียงก้า ลุค และเด็กผู้ชายตัวเล็กอย่างชั่งใจ
พวกเขาน่ะหรือจะไม่เกี่ยวข้องกัน คนพวกนี้เห็นว่าเธอโง่รึ?
‘มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเธอน่ะมีอะไรบ่างอย่างกับพ่อรูปหล่อนี่’
‘ให้ตายเถอะ โลกนี้มันเป็นอะไรไปแล้วกันแน่นะ? ฉันไม่ยักรู้ว่าก่อนว่าที่นี่มีพวกผู้หญิงอย่างว่าอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย...’
เบียงก้าถูกเข้าใจผิดอย่างไม่มีเหตุผล เธอได้แต่เม้มปากตอนที่หญิงชราเดินจากไป เธอคงไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรกับพ่อลูกคู่นี้ ถ้าหากเธอหันหลังกลับไป
เพราะว่าเธอไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับเขาสองคนเลยสักนิดเดียว
เบียงก้ารู้ดีว่าสาวโสดเช่นเธอควรหรือไม่ควรทำอะไร มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานต่างเพศ แต่มันคงไม่เหมาะนักที่จะนัดพบกับชายอื่นเป็นการส่วนตัวในเวลากลางค่ำกลางคืนเช่นนี้
ลุคก้มลงมองลูกชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดกับเขา “ลูกมีอะไรจะบอกเธอใช่ไหม? พูดออกไปสิ!”
เบียงก้าหมุนตัวกลับมา
บรานช์ ครอว์ฟอร์ด เหลือบตามองผู้ใหญ่ทั้งสองคน เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรด้วยซ้ำ... แต่พ่อบอกว่าเขามีบางอย่างจะต้องพูด... และดูเหมือนพ่อจะอยากให้เขาพูดเดี๋ยวนี้!
อ๋อ ในที่สุดลานี่ก็จำได้!
เขามาที่นี่ก็เพราะผู้เป็นพ่อต้องการเพื่อนสักคนก็เท่านั้น
เด็กชายตัวเล็กเดินออกไปด้วยขาสั้น ๆ ของตัวเอง แล้วกลับออกมาจากมุมอับแสงพร้อมกับกล่องใหญ่สองกล่องที่อุ้มมาด้วยแขนสั้น ๆ ของเขา
กล่องหนึ่งมีสีฟ้าอ่อน ในขณะที่อีกกล่องมีสีขาว ทั้งสองกล่องประดับด้วยริบบิ้นที่ทำจากผ้าไหมราคาแพง “คุณบีครับ นี่เป็นของขวัญสำหรับคุณนะครับ” ลานี่หันกลับไปมองพ่อของตัวเองหลังจากพูดจบ เพราะกลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดไป
บลองช์เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ เบียงก้าได้ยินในสิ่งที่เขาพูด แต่ไม่ได้เห็นสีหน้าของเขาแต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากได้ของขวัญอะไรจากลุค ครอว์ฟอร์ดอีก แต่เธอก็ตัดสินใจรับมันเพราะเห็นว่าเด็กชายต้องแบกของขวัญหนัก ๆ เอาไว้ ในตอนนั้นเองที่เธอเห็นสีหน้าของเด็กชาย...
เบียงก้าเห็นแววตาของเด็กชายที่มองมาอย่างเธอ ก่อนจะส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้
“ทำไมหนูบลองช์ถึงให้ฉันล่ะ?” เบียงก้าถามเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่เธอกำลังรอให้ผู้เป็นพ่อเป็นคนตอบคำถาม
เธอไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า ชายหนุ่มผู้แสนเย็นชามองเห็นแหวนเพชรที่นิ้วนางของเธอเข้าแล้ว...
แหวนที่หมายความว่าเธอหมั้นกับชายอื่นไปแล้ว
ในสายตาของเขา ลุคและลานี่ไม่เคยทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียวตลอดห้าปีที่ผ่านมา
ลุคคลายเนคไทของเขาก่อนจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์
“ลูกพาลานี่ของแม่ไปเป็นกันชนเรื่องผู้หญิงอีกแล้วเหรอ?” อลิสัน แทนเนอร์เดินมาช่วยถอดเสื้อให้ลูกชาย เธอพยายามคาดเดา
ลุคส่ายหน้า
เพียงเท่านั้น อลิสันถึงกับนิ่งไป แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน?
ตามปกติแล้ว นั่นเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ลานี่เป็นเช่นนี้
ตั้งแต่เล็กจนโต ลานี่และเรนนี่ได้รับการปกป้องดูแลอย่างดี พวกเขาไม่ได้พบเจอใครต่อใครมากนัก พวกเขาไม่รู้จักคำว่าแม่ด้วยซ้ำ
มีเพียงครั้งเดียวที่พวกเขาได้รับรู้ว่าเด็กคนอื่น ๆ มีทั้งพ่อและแม่ของตัวเอง
วันนั้นเอง ลานี่กลับมาที่บ้านแล้วถามขึ้นมา “แม่ของพวกเราอยู่ที่ไหนครับ?”
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดยังคงโกหกเด็กน้อยต่อไป เขาบอกเด็กทั้งสองว่าพวกเขาไม่มีแม่
ลานี่เข้าใจสิ่งอื่นมากกว่าเด็กห้าขวบทั่วไป และครั้งนี้ปู่ก็ไม่สามารถโกหกเขาได้อีก
สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าของลานี่ทำให้ชายชราพ่ายแพ้ เขาถอนหายใจออกมา “แม่ของหลานจากไปในที่ที่ไกลแสนไกล ถ้าหากวันหนึ่งแม่หลานกลับมา ปู่ทวดจะให้พ่อแนะนำหลานให้ผู้หญิงคนนั้นรู้จัก”
ลานี่ที่ได้ฟังดังนั้นจึงจดจำทุกถ้อยคำฝังไว้ในหัวใจ
อลิสันส่งต่อเสื้อของลูกชายให้สาวรับใช้
เธอเดินไปที่หน้าต่าง อลิสันมองลงไปยังข้างล่าง ในฐานะแม่ของลูกและย่าของเด็กทั้งสองคน เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะไม่กังวลเรื่องตัวตนที่แท้จริงของแม่ของหลาน ๆ
และเพราะว่าเวลาได้ล่วงเลยมามากกว่าห้าปีแล้ว มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะออกตามหารายละเอียดของข้อตกลงในอดีต
ในฐานะแม่ของลุค เธอไม่เคยถามเขามาก่อน และเขาเองก็ไม่เคยปริปากพูดอะไรเกี่ยวกับข้อตกลงนั้นแม้แต่คำเดียว
สำหรับเฟย์ โทมัส และชาร์ลส์ ฟินน์ ผู้ที่เคยเป็นดั่งมือขวาและมือซ้ายของลูกชายของเธอ ผู้ซึ่งเกษียณออกไปนานแล้วเนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ บางทีเธออาจจะไปเยี่ยมพวกเขาในสักวันหนึ่ง และถ้าหากเธอได้ไปที่นั่น บางทีพวกเขาอาจจะยอมเปิดปากออกมา...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก