“รองเท้าคู่พ่อแม่ลูกคืออะไรเหรอคะ?” เรนนี่เอ่ยถามพนักงานเสียงหวาน
“รอเดี๋ยวนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจะไปหยิบมาให้หนูน้อยน่ารักดูนะ”
พนักงานขายสาวสวยหายตัวไปหลังจากนั้น ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับกล่องรองเท้าสี่กล่องในมือ
พนักงานขายต้องพยายามนำเสนอการขายอย่างดีที่สุด เพื่อเพิ่มยอดขายให้ได้มากที่สุด
มันเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาวที่เหมือนกันสี่คู่ รูปลักษณ์ของมันนั้นเรียบง่าย สะอาด โปร่งสบาย และมีชื่อยี่ห้อสีแดงแปะอยู่ด้านหลัง
พนักงานสาววางรองเท้าเหล่านั้นลงบนพื้นให้พวกเขาดู “คู่นี้สำหรับคุณพ่อ นี่สำหรับคุณแม่ แล้วนี่ก็ของหนูกับของพี่ชายนะจ๊ะ ทั้งครอบครัวจะได้ใส่รองเท้าที่เข้าคู่กันแบบนี้เลย ดูสิ สวยมากเลยนะจ๊ะ”
เรนนี่เข้าใจในสิ่งที่พนักงานอธิบายแล้วในตอนนี้ เธอหันมามองน้าบีและพี่ชายก่อนจะพึมพำเบา ๆ “มีรองเท้าของพ่อ ของหนู ของน้าบี แล้วก็ของพี่ลานี่ด้วย”
“ถ้าเราใส่รองเท้าพวกนี้เดินไปตามถนน คนอื่นจะเข้าใจว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันใช่ไหมครับ?” บลองช์เอ่ยถามเพราะความไม่เข้าใจ ขณะมองดูป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บนผนังที่อยู่ไกลออกไป
เบียงก้าก้มหน้าลง ทั้งยังเอามือกุมขมับในตอนที่เธอเห็นโฆษณาบนผนังของร้าน
รองเท้าพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นสินค้าหลักของแบรนด์นี้ พวกเขาถึงได้โฆษณารองเท้าเซตนี้ไปทั่ว
บนผนังร้าน มีป้ายโฆษณาของครอบครัวคนดังแปะอยู่ ในโฆษณานั้น ทั้งครอบครัวกำลังปีนเขาและทุกคนก็สวมรองเท้า เสื้อผ้า และหมวกเบสบอลแบบเดียวกันอีกด้วย
ประการแรก รองเท้ายี่ห้อนี้ราคาหลายพันเหรียญ ซึ่งฟุ่มเฟือยเกินไปสำหรับเธอ
ประการที่สอง เธอไม่ใช่แม่ตามกฎหมายของเด็ก ๆ แม้ว่าเธอจะต้องการสวมรองเท้าคู่พ่อแม่ลูกกับพวกเขา ก็ยังไม่ถึงเวลาให้ทำเช่นนั้นอยู่ดี
พนักงานขายยังคงพยายามจะขายสินค้าพวกนั้นให้ได้ เห็นได้ชัดเลยว่าพ่อของเด็ก ๆ เป็นเศรษฐีที่สามารถซื้อข้าวของได้จากความต้องการ ส่วนเรื่องราคานั้นเป็นเรื่องไม่สำคัญใด ๆ
การยุเด็ก ๆ ให้อยากได้นั้นก็ไม่ต่างจากการได้ล้วงกระเป๋าเงินของพ่อเด็กแล้ว
ใช่ นั่นถูกต้องทีเดียว ลุคแค่นั่งอยู่ข้าง ๆ และไม่สนด้วยซ้ำว่าลูกทั้งสองคนจะเลือกรองเท้าคู่ไหน เขาทำตัวเป็นคนหน้านิ่งแถมยังดูเย็นชา และมีหน้าที่เพียงแค่จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตเพียงเท่านั้น
ทุกสายงานไม่มีอะไรง่าย เบียงก้ารู้ดีว่าทำไมพนักงานขายคนนี้ถึงพยายามมากนัก
แต่ตอนที่เบียงก้าพยายามจะบอกกับพนักงานขายว่าเธอไม่ใช่แม่ของเด็กทั้งสองคน เธอก็เกิดพูดไม่ออกขึ้นมา
นั่นเพราะเธอไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่าลานี่และเรนนี่คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอกับลุคได้…
…
เรนนี่ตกหลุมรักรองเท้าคู่พ่อแม่ลูกเข้าเสียแล้ว เธอมองพี่ชายด้วยดวงตาที่เหลืออยู่หนึ่งข้าง
บลองช์เดินเข้าไปหาและกระซิบแก่น้องสาว “ไปบอกคุณพ่อ เพราะเธอบาดเจ็บอยู่ พ่อต้องฟังเธอแน่”
“ได้เลย พี่ลานี่”
เรนนี่วิ่งไปยังโซฟาด้วยความกังวล
ลุคนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาของร้าน โดยมีแก้วน้ำที่พนักงานขายรินมาเสิร์ฟไว้ให้อยู่บนโต๊ะข้างตัว
“พ่อคะ…” เรนนี่วิ่งทั้งที่ตาข้างหนึ่งปิดอยู่ เธอจ้องมองผู้เป็นพ่อ มือเล็กสองข้างดึงนิตยสารการเงินออกจากมือของลุค
ลุคไม่ได้ให้ความสนใจกับข้าวของและเด็ก ๆ เลยตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาในร้าน แต่หลังจากลูกสาวมาหา เขาจึงลุกขึ้นแล้วอุ้มเธอเอาไว้ก่อนเอ่ยถาม “ลูกเลือกได้รึยัง? พ่อจะได้ไปจ่ายเงิน”
ทั้งผู้ใหญ่และเด็กน้อยเดินตรงไปยังตู้โชว์
มันเป็นเพียงช่วงเวลาเล็กน้อยเท่านั้นที่พนักงานขายได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจน
รังสีรอบกายชายหนุ่มนั้นดูเป็นผู้ใหญ่และมั่งคั่งเหลือเกิน เขามีใบหน้าแสนดุดัน หากแต่วิธีที่เขาอุ้มลูกสาวไว้ในมือนั้นดูอบอวลไปด้วยรัก
พนักงานขายอดไม่ได้ที่จะมองเขาต่ออีกสองสามนาที ไม่รู้ทำไมชายคนนี้ถึง… ดูเหมือนกับคนที่เพิ่งขึ้นปกนิตยสารการเงินเล่มล่าสุดอย่างไรอย่างนั้น...
“พ่อคะ พวกเราใส่รองเท้าคู่พ่อแม่ลูกได้ไหมคะ?”
หลังจากเรนนี่พูดจบ เธอกลัวเหลือเกินว่าพ่อจะปฏิเสธคำขอนี้ จึงได้แต่ซบหน้าลงกับหัวไหล่ของผู้เป็นพ่อ เธอเตรียมจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก