ซาเวียร์ไม่ได้ปฏิเสธแม่ไป
เขาอยากจะใช้โอกาสนี้คืนดีกับผู้เป็นพ่อเช่นกัน
เมื่อเทียบกับพ่อแล้ว ซาเวียร์อยากจะยิ่งใหญ่ให้ได้มากกว่าเขา ก่อนจะถึงวันที่ต้องลงจากตำแหน่ง
ความจริงก็คือพ่อไม่เคยโกรธลูกนอกสมรสอย่างเขาเลยสักครั้ง หากผู้เป็นพ่อโกรธเขาขึ้นมาจริง ๆ ประเดี๋ยวเดียว พ่อก็จะใจอ่อนลงเอง
ซาเวียร์ได้ให้คำสัญญากับพ่อและแม่ว่าจะพาพวกเขาไปชมภาพยนตร์หรือไม่ก็ละครเวทีไว้เมื่อห้าปีที่แล้ว ในตอนที่เขายังถูกจับกุมตัวอยู่ในเรือนจำนั่น
ในตอนนั้น ยามที่พ่อแม่มาเยี่ยมเขาในเรือนจำ เขาในชุดนักโทษพร้อมกุญแจมือมักจะถูกผู้คุมเป็นคนพาไปพบญาติ
หลังจากนั่งลง ในสายตาของซาเวียร์นั้น พ่อและแม่ดูราวกับเด็กวัยสิบขวบที่อ้าปากทำอ้ำอึ้งแต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา
เขาไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกับพ่อแม่มากนัก
ณ ตอนนั้น เขาได้ยินเสียงแม่คร่ำครวญผ่านกระจกหนานั่นมา “ลูกเอ๋ย อย่าเสียใจไปเลยนะที่ต้องอยู่ในนั้น… อนาคตลูกจะต้องเป็นคนที่ดีกว่านี้ และได้โปรดอย่าทำผิดแบบเดิมซ้ำสองเลยนะ แม่กับพ่อรักลูกมากนะ พอออกจากที่นี่ไปได้แล้ว ทำตามที่เราบอกเสียเถอะ ลูกต้องแต่งงานและมีทายาท ครอบครัวเราจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอย่างมีความสุขอีกครั้ง…”
ในวันนั้น แม่พูดมากเป็นพิเศษ หากแต่คำพูดของผู้เป็นแม่นั้นปะปนไปกับเสียงสะอื้นไห้ เขาจึงฟังเธอได้ไม่ชัดเจนนัก
แต่มีคำพูดหนึ่งของแม่ที่ซาเวียร์จดจำได้อย่างชัดเจน “ถ้าลูกรู้สึกผิดต่อพ่อและแม่จริง ๆ พอออกจากที่นี่ไปได้แล้ว… ลูกก็ชดใช้ความผิดนั้นเสีย พ่อกับแม่ไม่ได้อยากได้อะไรวิเศษวิโสมากมายนักหรอก แค่พาพวกเราไปดูภาพยนตร์หรือละครเวทีบ้าง เราก็พอใจแล้ว…”
เมื่อซาเวียร์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็นิ่งงันไม่ต่างจากร่างไร้วิญญาณ ถึงกระนั้น ซาเวียร์ก็ประหลาดใจกับความคาดหวังที่ต่ำเตี่ยเรี่ยดินที่พ่อแม่มีต่อเขา
ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็แค่พาพวกท่านไปดูภาพยนตร์ไม่ก็ละครเวทีสักเรื่อง หน้าที่ลูกกตัญญูของเขาง่ายดายถึงเพียงนั้น
แม้เป็นเรื่องแสนง่ายดายเช่นนั้น แต่เขากลับไม่เคยทำมันเพื่อพวกท่านเลยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีก่อนที่ตัวเองจะต้องเข้ามาอยู่ในสถานที่เช่นนี้
ตอนนี้ซาเวียร์พ้นโทษออกมาแล้ว และกำลังขับรถโลดแล่นไปบนถนนสายหนึ่ง
เพราะแม่โทรมาบอกเขาเรื่องที่เธอซื้อตั๋วละครเวทีไว้สามใบนั่นแหละ ภาพเก่าเมื่อห้าปีก่อนถึงแล่นกลับเข้ามาในหัว
ความทรงจำเหล่านั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนกับเขาว่าถึงเวลาที่ตัวเองต้องทำตามสัญญาเสียที
...
ตอนที่เบียงก้าไปเยี่ยมคุณปู่ที่โรงพยาบาล เธอไม่ยอมให้ลุคและเด็ก ๆ ย่างกรายเข้าไปในแผนกผู้ป่วย
เธอบอกปู่ไปแล้วว่า เธอกับลุคไม่เหมาะสมกัน ดังนั้น หากพวกเขามาปรากฏตัวพร้อมกันเร็วเช่นนี้ เธอคงไม่มีหน้าจะอธิบายอะไรให้ปู่ฟัง
หลังจากดูแลเรื่องอาหารมื้อเที่ยงให้คุณปู่แล้ว เบียงก้าขอตัวกลับก่อน เพราะเธอยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ
ก่อนเธอจะจากไป เบียงก้าหยิบเอาแล็ปท็อปที่ตัวเองทิ้งไว้เมื่อวานติดตัวไปด้วย
หากมีแล็ปท็อปไว้กับตัวเองมันคงจะสะดวกกว่า เผื่อว่าซูอาจจะสั่งงานอะไรเธอเพิ่ม
หลังรับประทานอาหารกลางวันแล้ว คุณปู่ก็เดินไปทั่ววอร์ด และโบกมือเป็นสัญญาณให้เบียงก้ากลับไปจัดการธุระของเธอ
ในตอนที่เบียงก้าก้าวออกจากโรงพยาบาล เธอก็เห็นว่ารถเรนจ์ โรเวอร์สีดำนั้นถูกขับมาจอดที่ด้านหน้าก่อนแล้ว
เธอเดินไปที่รถ แล้วพบว่าลุคที่เพิ่งไปสูบบุหรี่ที่อื่นเดินมาหาเธอ เขาหยิบเอาแล็ปท็อปไปถือไว้ แล้วเปิดประตูรถให้เธอเข้าไป
“เรากินอะไรกันดีล่ะ?” ก่อนที่เบียงก้าจะได้เอ่ยขอบคุณ ชายหนุ่มก็ถามขึ้นเสียก่อน
เบียงก้ามองกลับไปที่เขา “ให้ลานี่กับเรนนี่เลือกจะดีกว่าค่ะ”
ลุคพยักหน้าอย่างไร้ข้อโต้แย้ง และวุ่นอยู่กับบทบาทสามีในอุดมคติ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คำพูดของลูกทั้งสองและแม่ของพวกเขาถือเป็นอันสิ้นสุด
หลังจากขึ้นรถแล้ว ลุคมีหน้าที่เป็นเพียงพลขับเท่านั้น
เบียงก้าค้นหาร้านอาหารมากมายด้วยโทรศัพท์ของเธอ และส่งมันให้ลานี่และเรนนี่เลือกจากเบาะด้านหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก