เบียงก้าบอกทางด้วยความอึดอัดใจ
ไม่ใช่ทุกร้านจะขายเบอร์ริโตอร่อย ๆ เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดพลาด เบียงก้าขอให้ลุคขับรถพาเธอไปแถวบ้านเช่าหลังเก่าของเธอ
หลังกลับมายังประเทศบ้านเกิด เบียงก้าก็อยู่ละแวกนี้มาตลอด เธอจึงคุ้นชินกับร้านค้าแถวนี้ และรู้ว่าร้านไหนที่มีอาหารอร่อย
รถเรนจ์โรเวอร์สีดำที่จอดอยู่ริมถนน นั้นดึงดูดสายตาคนโดยรอบให้หันมองเป็นตาเดียว
พวกเขามองไปที่ผู้เป็นพ่อเจ้าของแผ่นหลังตรง และคู่แฝดเจ้าของผิวขาวนวลแสนน่ารัก
ตอนนี้เป็นช่วงมื้อเที่ยงพอดี ร้านเบอร์ริโต้จึงเต็มไปด้วยลูกค้า
เจ้าของร้านตะโกนขึ้น “เบอร์ริโต้ของหมายเลข 23 เสร็จแล้วนะ!”
นักเรียนมัธยมปลายในชุดนักเรียนเดินมาที่จุดชำระเงิน ยื่นบัตรคิวที่เขียนว่า ‘หมายเลข 23’ ไปให้เจ้าของแล้วรับเอาเบอร์ริโต้ไป
หญิงเจ้าของร้านมองครอบครัวทั้งสี่คนที่เดินเข้ามาด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย
ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอจะได้ลูกค้าเพิ่ม แต่เพราะพวกเขาสี่คนนั้นน่าดึงดูดและดูคล้ายจะมีชื่อเสียง
‘ไม่แน่นะ พวกเขาอาจจะเป็นดาราก็ได้’
“เชิญนั่งลงก่อนนะ ข้างในยังมีที่ว่างจ้า!” หญิงเจ้าของร้านให้การต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น เธอยังขอให้ลูกค้าแบ่งโต๊ะให้พวกเขานั่งด้วยซ้ำไป “โต๊ะหนึ่งโต๊ะสองรวมโต๊ะให้ด้วยนะ ช่วงมื้อเที่ยงแบบนี้เราต้องการที่เพิ่ม!”
นักเรียนมัธยมคนนั้นจึงถือเบอร์ริโต้ไปนั่งรวมกับอีกโต๊ะ เพื่อให้โต๊ะสำหรับสี่คนมีที่ว่าง
เจ้าของร้านเช็ดโต๊ะและเก้าอี้ทั้งสี่ตัวที่เด็กมัธยมคนนั้นเพิ่งย้ายออกไปให้ “อยากสั่งอะไรกันล่ะ?”
เบียงก้าเหลือบมองลุคและจำได้ว่าเขาพิมพ์ตอบมาว่าอย่างไร เธอประหม่าเล็กน้อยแต่ก็ตัดสินใจสั่งออกไป “เบอร์ริโต้สี่ที่ค่ะ รสดั้งเดิมสอง แบบไม่เผ็ดสองค่ะ”
“พวกเรากินเผ็ดได้นะ…” เด็กตัวน้อยทั้งสองพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
เบียงก้าหันไปมองพ่อของเด็กอย่างไม่กล้าจะเชื่อ
ก่อนลุคนั่งลงเขาก็เอ่ยขึ้น “ลานี่น่ะกินเผ็ดได้ แต่กับเรนนี่ไม่ได้ หมอบอกให้ลูกเลี่ยงของเผ็ด ๆ ไปก่อน”
เบียงก้าเปลี่ยนรายการอาหารกับเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านจดรายการอาหารแล้วมอบยื่นไปให้สามีของตน
ขณะวางจานลงบนโต๊ะพวกเขา เจ้าของร้านก็เอ่ยถามกับเบียงก้าอย่างเงียบ ๆ “พวกคุณเป็นดารารึเปล่า?”
“ไม่ใช่ค่ะ” เบียงก้าส่ายศีรษะแล้วอธิบายต่อ “ฉันเคยเช่าบ้านอยู่แถวนี้ แถมยังเคยมากินร้านคุณหลายรอบแล้ว”
เจ้าของร้านเช็ดโต๊ะอีกรอบ เธอยิ้มไปเช็ดไป และเอ่ยปากราวกับไม่ได้ฟังที่เบียงก้าพูด “ฉันคิดว่าพวกคุณเป็นพวกดาราที่อยากจะสัมผัสชีวิตคนธรรมดา รายการนั้นมันชื่ออะไรนะ…เรียล พีเพิลใช่ไหม? ถ้าร้านฉันโชคดีได้ออกทีวีบ้าง ร้านเราคงจะดังไม่หยอกเลยล่ะ!”
เบียงก้ารู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะลุค “พวกเราไม่ใช่ดาราจริง ๆ นะคะ…”
กล่าวตามตรงได้เลยว่าลุคไม่ใช่พวกดาราฮอลลีวูด เขาหาตัวจับยากกว่านั้น
เป็นโชคอันดีที่ผู้คนส่วนใหญ่ในร้านเป็นคนธรรมดา บ้างก็เป็นแรงงานข้ามชาติจากไซต์ก่อสร้างที่อยู่ไม่ไกล พวกเขาเป็นคนมีอายุและน่าจะไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งไม่สนใจข่าวจากแวดวงการเงิน จึงไม่รู้ว่า ลุค ครอว์ฟอร์ดเป็นใคร ลุคและลูก ๆ จึงไม่ถูกใครรบกวนเข้า
“เบอร์ริโต้ได้แล้วจ้า!” เจ้าของร้านนำมันมาให้พวกเขา
ลานี่และเรนนี่หยิบช้อนส้อมออกมารอด้วยความตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาชอบมันมากแค่ไหน
ในตอนนั้นเอง เบียงก้ารู้สึกพอใจและมีความสุขท่วมท้น ดูเหมือนเพราะลูกทั้งสองจะได้รับลักษณะทางพันธุกรรมมาจากเธอใช่รึเปล่าถึงได้ปรับตัวเข้ากับอาหารได้ง่ายเพียงนี้?
...
ตอนบ่ายโมง
ลุคขับรถออกไปตามถนน
โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น
ลุครับสาย “เกิดอะไรขึ้นครับ คุณปู่?”
“ลุค น้องสาวปู่มาพบทีมแพทย์ที่เมืองเอ หลานรู้ไหมว่าสามีเธอป่วยหนักขนาดไหน? เขาแทบจะทนเจ็บไม่ไหวและอาการก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลา น้องสาวปู่คิดว่าคงดีถ้าลานี่กับเรนนี่จะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลบ้าง” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดกล่าว
เนื่องจากลุคเปิดลำโพง เด็กน้อยทั้งสองที่นั่งอยู่เบาะหลังจึงได้ยินทุกอย่าง
เบียงก้าเองก็ได้ยินเช่นกัน
“หมายความว่าพวกเราจะไปดูละครเวทีไม่ได้แล้วเหรอคะ?” เรนนี่อยากไปดูละครเวทีเรื่องนี้กับพ่อและน้าบีมาก
เบียงก้าไม่กล้าที่จะยื่นจมูกเข้าไปยุ่งเรื่องในตระกูลครอว์ฟอร์ด
“ไว้เราไปดูละครเวทีกันวันหลังก็ได้นี่” ลุคตัดสินใจพูด
...
40 นาทีต่อมา เจสันก็มารับลานี่และเรนนี่ไป
“คุณไม่ไปเหรอคะ?” เบียงก้านั่งอยู่ในรถและไม่กล้าจะก้าวลงจากรถไป
พวกเขาอยู่ที่ทางเข้าหลักของบริษัท ถ้าเธอลงจากรถไปตอนนี้ ทุกสายตาจะต้องจับจ้องมาที่เธอเป็นแน่
ลุคสตาร์ทรถ “ผมก็อยากไปนะ แต่ผมกลัวว่าเขาจะจำได้ว่าผมเป็นพ่อของเด็ก ๆ”
ลานี่และเรนนี่จำต้องรับบทหลานของตระกูล ซึ่งก็นับว่าเป็นคำโกหกที่จะส่งผลดีกับชายแก่ที่กำลังจะตาย
“จะว่าอะไรไหมคะ? ถ้าคุณจะกรุณาจอดให้ฉันลงให้จุดที่ห่างจากที่นี่สัก 100 เมตร แล้วเดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเอง” เบียงก้ากล่าว
ลุคไม่ฟังคำขอของเธอ หากแต่ขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงละครแทน “ผมว่าเราต้องคุยกันเรื่องลูกสักหน่อย”
บรรยากาศอันมีชีวิตชีวาของเด็กทั้งสองอันตรธานหายไปหมดแล้ว บรรยากาศบนรถที่เหลือเพียงผู้ใหญ่สองคนนั้นกำลังปะทุขึ้น ทุกลมหายใจมีความหมายซ่อนเร้นอยู่ในนั้น
เบียงก้าจึงเลือกจะไม่โต้แย้งกับเขา เพื่อที่จะได้คุยเรื่องลูก เธอจึงลืมเรื่องที่จะลงจากรถและกลับไปที่บริษัท
เบียงก้าเลือกจะเงียบตลอดทางไปโรงละคร
เธอรอให้เขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังคิดอะไรในใจ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ปริปากอะไรออกมา
เพราะคิดว่าตอนดูละครเวทีไม่เหมาะที่จะคุยกันเท่าไหร่ เบียงก้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเอ่ยถามเขาตั้งแต่ตอนนี้ “ฉันขอเจอลูกบ่อย ๆ ได้ไหม?”
“ได้สิ”
รถเรนจ์โรเวอร์สีดำมุ่งหน้ามาถึงสี่แยก ลุคพยักหน้าและยังจดจ่ออยู่กับถนนเบื้องหน้า มือใหญ่โตของเขาหมุนพวงมาลัยไปครึ่งหนึ่งแล้วก็ขับรถไปบนถนนอีกเส้น
เบียงก้าถอนหายใจอย่างโล่งอก “แล้วถ้าบางครั้ง… ฉันขอพาพวกเขามานอนค้างด้วยสักสองสามวันจะได้ไหมคะ?”
จากมุมของแม่ผู้ให้กำเนิดแล้ว คำขอนี้ไม่ได้มากเกินไปเลยแม้แต่น้อย เธออยากมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับลูก ๆ อีกสักหน่อย
กับคำถามนี้ ลุคใช้เวลาครุ่นคิดอยู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นดีด้วย
เบียงก้าพอใจมาก ทั้งยังเปลี่ยนมุมมองที่เธอมีต่อลุคไปด้วย
ด้านนอกของโรงละคร
ณ ลานจอดรถ สายตาลุ่มลึกของลุคจับจ้องไปยังรถปอร์เช่ คาย์เยนน์ซึ่งจอดห่างจากรถเขาไปสองช่อง
พอเห็นป้ายทะเบียน เขาก็มั่นใจเลยว่ามันเป็นรถของซาเวียร์
‘นี่เขามาดูละครพวกนี้ด้วยเหรอ?’
หากเป็นซาเวียร์ที่ลุครู้จัก เขาไม่มีทางมาที่นี่คนเดียวแน่
เบียงก้าคงไม่อยากดูละครเวทีเรื่องนี้พร้อมกับลุคหรอก เพราะเมื่อไม่มีลานี่กับเรนนี่อยู่ด้วยแล้ว ไม่แคล้วจะดูเหมือนว่าเขาทั้งคู่กำลังออกเดตกัน
แต่ลุคมีเหตุผลมากพอจะโน้มน้าวให้เธอยอมได้ เพราะลานี่และเรนนี่ตั้งตารอละครเรื่องนี้ไม่น้อยแต่ไม่สามารถดูได้ ในฐานะแม่ของเด็ก ๆ เธอควรจะดูเสียหน่อย แล้วเอากลับไปเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง นั่นถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีแสดงความรักของเธอกับลูกไงเล่า
ลุคและเบียงก้าไม่ได้ถือตั๋วของที่นั่งแถวแรก เพราะในตอนที่เจสันเป็นคนจองตั๋ว เขารู้ดีว่าเจ้านายของตัวเองต้องการอะไร ลุคไม่ต้องการเป็นที่จดจำ เพราะมันอาจลงท้ายด้วยการที่เขาต้องใช้เวลาไปกับการเจรจาทางธุรกิจ แทนที่จะได้ใช้เวลากับลูกของตัวเองอย่างอิสระ
หลังจากนั่งลงที่เบาะ เบียงก้ามองไปยังเวทีที่อยู่ตรงกลาง
พวกเขากำลังรอให้ละครเริ่มขึ้น
ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงเย็นยะเยือกที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก