ซาเวียร์หันไปพูดกับแม่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง “แม่ครับ ละครกำลังจะเริ่มแล้ว อย่าพูดต่อเลยครับ เสียงแม่จะไปทำลายอรรถรสของคนอื่นเขาเอาได้นะ”
ซาเวียร์มีน้ำเสียงเย็นชาและไม่น่าฟังเอาเสียเลย
ไม่ว่าเขาจะพูดคุยหรือทำอะไรกับใคร น้ำเสียงเย็นชาของเขาก็จำได้ไม่ยากนัก
เหตุผลหลักที่เบียงก้าจำเสียงของซาเวียร์ได้แม่นก็เพราะเขาเป็นคนร้ายกาจที่ชอบเอาเปรียบคนอื่นและทำแต่เรื่องน่ารังเกียจ
เธอถึงจำเสียงของเขาได้เป็นแม่นเลยเชียว
แม้กระทั่งคำข่มขู่ที่ซาเวียร์เคยใช้กับเธอ เบียงก้าก็จำได้ไม่ลืม
ความรื่นรมย์ของเบียงก้านั้นเปลี่ยนไปในทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาในโรงละคร ไหนจะใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์นั่นอีก
“มันเพิ่งจะเริ่มไม่ใช่รึไง? แม่จะไปกวนใครเขาล่ะ?” น้ำเสียงของคุณนายแทนเนอร์นั้นเบาลง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมลูกชาย “อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าลูกส่งคนให้ส่งพ่อแม่กลับโดยที่เราจะไม่มีโอกาสได้คุยกัน”
ซาเวียร์ได้ฟังคำพูดของแม่ แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
มีเพียงความเงียบแทนคำตอบว่ามันเป็นเรื่องจริง
คุณนายแทนเนอร์รีบคว้าโอกาสนี้ทันที “พ่อกับแม่น่ะดีใจมากนะที่ลูกเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที แต่พอแต่งได้ไม่กี่วัน ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดก็แจ้นมาเคาะประตูบ้านแล้วบอกว่าลูกไปขโมยหลานสะใภ้เขามา ถ้าข่าวลือแพร่ออกไปแบบนั้น แม่ว่ามันคงไม่ดีกับเรานัก ซาเวียร์ เชื่อแม่เถอะนะ หย่ากับเธอไปเถอะ”
ซาเวียร์ยังคงไม่พูดอะไร เขายังคงมองตรงไปยังเวทีที่บัดนี้สว่างไสว
แดเนียลเอ่ยเสริม “ถึงพ่อกับแม่จะเร่งเร้าเรื่องการแต่งงานและการมีลูกของแก แต่เราก็ไม่ได้คาดหวังให้มันออกมาแบบนี้ ดูสิ่งที่แกทำสิ เรื่องนี้มันกระทบกับความสัมพันธ์ของเรากับญาตินะ”
“ลูกน่ะจะแต่งงานกับใครหน้าไหนก็ได้ทั้งนั้น แล้วทำไมต้องสร้างปัญหาให้น้าอลิสันของลูกด้วยล่ะ อีกอย่าง ยายบีนั่นมีอะไรดีกัน? เธอไม่ได้มีครอบครัวหรือแม้กระทั่งการศึกษาที่ดีพอด้วยซ้ำ” คุณนายแทนเนอร์ไม่อาจทนได้อีก จึงเอ่ยขัดสามีขึ้นกลางลำ
ลึกลงไปแล้ว แม้แต่จะดูถูกอลิสันซึ่งเป็นน้องสามีไว้มาก แต่ในตอนนี้ เธอจำเป็นต้องใช้อลิสันเป็นไพ่ตาย
ไม่อย่างนั้น เธอเกรงว่าลูกชายหัวดื้อของเธอจะยังถือตัวไม่ฟังความ
ซาเวียร์ยังคงปิดปากเงียบอยู่เช่นเดิม
เมื่อแสงของโรงละครนั้นสลัวลง นั่นหมายความว่าละครกำลังจะเริ่ม คุณนายแทนเนอร์เหลือบมองไปยังเวทีขณะที่พิธีกรกำลังขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง คุณนายแทนเนอร์ก็รีบพูดกับลูกชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะลูก ยายเด็กบีคนนี้ก็คงกลายเป็นลูกสะใภ้ของน้าลูกไปแล้วล่ะ ซาเวียร์ ลูกรู้ไหมว่าน้าของลูกน่ะมาหาพ่อกับแม่ตั้งหลายรอบ”
ในที่สุด ซาเวียร์ก็ตอบรับด้วยการถามกลับอย่างเย็นชา “น้าอลิสันว่ายังไงบ้างล่ะครับ?”
“จะว่ายังไงได้ล่ะ?” เสียงของคุณนายแทนเนอร์ยังไม่เบาลง แถมเสียงของเธอยังซ้อนทับกับเสียงของพิธีกรบนเวทีอีกต่างหาก “น้าของลูกเอาแต่พูดว่า เธอคิดว่าบีเป็นลูกสะใภ้ของตัวเองมาตลอด เธอก็เลยสับสนที่จู่ ๆ บีก็กลายมาเป็นหลานสะใภ้ไปเสียได้ แต่ลูกก็เพิ่งแต่งงานกับเธอได้ไม่นาน ยังไม่ได้หลับนอนด้วยกันด้วยซ้ำ ทำไมลูกไม่หย่ากับเธอไปซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ?”
น้าสาวของซาเวียร์คงหนีไม่พ้นอลิสัน
เบียงก้านั่งอยู่ที่ที่นั่งแถวหลังของพวกเขา และไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว พอแสงในโรงละครสลัวลง เธอถึงได้รู้สึกค่อยยังชั่ว
หลังจากได้ยินลุงกับป้าของลุคเกลี้ยกล่อมให้ลูกชายหย่าขาดกับเธอ ในฐานะภรรยาป้ายแดงของซาเวียร์แล้ว เบียงก้าต้องยอมรับว่าเธอเองก็หวังว่าพ่อแม่ของเขาจะเกลี้ยกล่อมเขาได้สำเร็จเช่นกัน
แต่ทุกคำที่เกี่ยวข้องกับอลิสัน เบียงก้าเชื่องไม่ลงสักคำ
แม้จะดูเหมือนว่าอลิสันหวังจะให้ซาเวียร์หย่ากับเธอก็ตาม นั่นอาจจะเพราะว่าอลิสันมีแผนการอื่นไว้ในใจมากกว่า
เบียงก้าไม่รู้เลยว่าหลังจากหย่ากับซาเวียร์แล้วจะมีอะไรรออยู่
บางทีเธอควรจะเริ่มหาคำตอบเรื่องนี้ได้แล้ว
ในโถงวีไอพีของโรงละคร มีเพียงเวทีเท่านั้นที่สว่างไสว และผู้คนส่วนใหญ่ก็จดจ่ออยู่กับการแสดงเบื้องหน้า
เบียงก้าไม่มีอารมณ์จะดูละครนี้แล้ว
ซาเวียร์ที่นั่งอยู่ที่นั่งแถวหน้ากำลังรับชมอย่างตั้งใจ
พ่อแม่ของซาเวียร์เหลือบมองเวทีครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมายังลูกชายแสนเงียบขรึมและเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก