พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 169

แดเนียลเดินออกไปข้างนอกก่อนแล้ว

ซาเวียร์เดินออกจากที่นั่งในแถวที่สามไปที่ทางเดิน เขายืนอยู่ตรงจุดที่สามารถมองทุกอย่างในแถวสี่ได้อย่างชัดเจน เขามองไปยังทั้งสองคนอีกครั้ง

ในตอนนั้น ผู้ชมเกือบทั้งหมดออกไปแล้ว

บนเวทีละคร ทีมงานฝ่ายอุปกรณ์กำลังขนย้ายข้าวของไปเก็บที่ด้านหลังเช่นกัน

ในที่นั่งแถวที่สี่ ปรากฏชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างหนักหน่วง มือใหญ่โตของชายหนุ่มสอดเข้าไปในเสื้อของหญิงสาวในที่สาธารณะเช่นนี้ พวกเขาเกิดคำถามว่าทั้งสองคนจะทำอะไรเลยเถิดกันไปขนาดไหนหากอยู่ในที่ลับตาคน

คุณนายแทนเนอร์ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของคนทั้งสอง เธอเดินออกไปเอ่ยปากเรียกลูกชาย “ไปกันเถอะ พ่อของลูกรอเราอยู่ข้างนอกแล้วล่ะ”

ซาเวียร์ขมวดคิ้วและยังคงมองไปที่คู่รักที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่มในที่นั่งแถวที่สี่

แต่เมื่อเขาเห็นว่าทั้งสองคนใส่รองเท้าคู่กันเช่นนั้น เขาก็เลิกขมวดคิ้วและยอมเดินออกไปพร้อมแม่ของตัวเอง

แดเนียลยืนรออยู่ก่อนจะเห็นว่าภรรยาเดินออกมาพร้อมลูกชาย เขาไม่สบอารมณ์นัก “ทำไมคุณชักช้าแบบนี้ล่ะ?”

“ก็มีคู่หนุ่มสาวทำประเจิดประเจ้อโชว์คนอยู่น่ะสิคะ ให้ตายเถอะ ศีลธรรมในโลกนี้มันหายไปหมดแล้ว” คุณนายแทนเนอร์เดินบ่นไปจนถึงลานจอดรถพร้อมสามีและลูกชาย

เมื่อไปถึงลานจอดรถแล้ว คนขับรถที่ซาเวียร์จัดแจงไว้ก็มารออยู่แล้ว

แดเนียลรู้จักคนขับรถคนนี้ดี เด็กหนุ่มคนนี้เคยขับรถพาลูกชายของเขาไปบาร์เมื่อห้าปีก่อน

“นี่มันหมายความว่ายังไง?” แดเนียลเอ่ยถาม

“พ่อกับแม่ควรจะกลับบ้านไปก่อนนะครับ ผมยังมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย ยังไงซะ ผมก็รักษาสัญญาด้วยการมาดูละครเวทีกับพ่อแม่แล้ว ถ้าอยากให้ผมทำอะไรอีกก็เอาไว้บอกผมคืนนี้แล้วกัน ผมจะกลับไปให้ทันมื้อเย็นนะครับ” ซาเวียร์อธิบาย

เมื่อได้ยินลูกชายอธิบาย คุณนายแทนเนอร์ก็จูงมือสามีให้ขึ้นรถไปเพื่อกันไม่ให้พ่อลูกต้องทะเลาะกันมากกว่าเดิม

แดเนียลไม่พูดอะไร เขาทำแค่เพียงขึ้นรถไป

ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปนั้นเอง คุณนายแทนเนอร์หันกลับมาพูดกับลูกชายว่า “ในเมื่อลูกบอกว่าจะกลับมาให้ทันมื้อเย็น งั้นก็ไปเถอะ อย่าทำให้พ่อกับแม่ต้องรอล่ะ เราต้องคุยกันว่าลูกจะเอายังไงต่อเรื่องบี”

ซาเวียร์ให้สัญญา “ไม่ต้องห่วงครับ แม่”

คนขับรถพาผู้สูงวัยทั้งสองคนกลับบ้านไป

ซาเวียร์หันไปปลดล็อกรถ ทันทีที่เสียงปลดล็อกนั้นดังขึ้น เขาก็หันไปเห็นรถเรนจ์โรเวอร์สีดำจอดอยู่ไม่ไกล

เขาชะงักไปทันที

ลุคก็มีรถเรนจ์โรเวอร์สีดำเหมือนกันนี่

แน่ล่ะว่าในเมืองเอนี้ ใคร ๆ ก็ขับรถแบบนี้นับไม่ถ้วน สิ่งเดียวที่จะระบุตัวตนของเจ้าของได้ มีเพียงป้ายทะเบียนเท่านั้น

ซาเวียร์ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้เอะใจกับรถเรนจ์โรเวอร์สีดำคันนี้ เขาจึงเดินเข้าไปดู

เมื่อทะเบียนรถปรากฏขึ้นในสายตา นัยน์ตาของเขาก็หม่นลง

เลขทะเบียนที่ตระการตาบนป้ายนั้นไม่เพียงดึงดูดสายตา แต่มันยังบ่งบอกถึงสถานะทางสังคมของเจ้าของได้อีกด้วย

ริมฝีปากของซาเวียร์แห้งผาก เมื่อเขาหลับตาลง ภาพมากมายฉายซ้ำอยู่ในหัวของเขา

ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วที่เธอไม่รับสาย

เขาโทรหาเธอไม่ติดอยู่ตลอดคืน

จากที่โทรไปไม่รับ ก็กลายเป็น “ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้...”

ตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นรถเรนจ์โรเวอร์สีดำคันนี้ เขาก็มั่นใจได้ว่าเบียงก้าบล็อกเบอร์เขาเข้าแล้ว

ทันตา เขาก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน

เขาแค่ต้องโทรหาเบียงก้าด้วยโทรศัพท์เครื่องอื่นเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ให้แน่ชัดเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้ทำ

เขาได้แต่รออยู่หน้าห้องของพ่อเฒ่าเรย์นอยู่ตลอดคืน

แต่ถึงอย่างนั้น เบียงก้าก็ไม่ได้โผล่มา

กระทั่งรุ่งสาง เขานอนไม่หลับทั้งคืน ทั้งยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวมาก ถึงได้เข้าไปล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อปลุกตัวเองในห้องน้ำ

ซาเวียร์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่

เขาไม่ได้ชอบเบียงก้า

ดูเหมือนความหึงหวงจะทำให้เขาไขว้เขว

ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้กลายเป็นใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก

เมื่อเขาสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปแล้ว เขาถึงตระหนักได้ว่าเขาต้องออกตามหาภรรยาของตัวเอง

เพราะอย่างไรเสีย พวกเขาก็แต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมาย

เขามีกฎหมายคุ้มกะลาหัวอยู่แล้วสำหรับเรื่องนี้

แม้ว่าคนที่อยู่ในทะเบียนสมรสอีกคนจะไม่สนความสัมพันธ์ของเขากับเธอก็ตาม

ก่อนมื้อเที่ยง เขาคิดว่าเบียงก้าจะไปเยี่ยมปู่แน่ เขาถึงได้ไปดักรอ แต่เธอก็ไม่ยักกะโผล่หน้ามา

หลังจากหุนหันพลันแล่นออกมาจากโรงพยาบาล ก็มาถึงจุดที่เขาได้เห็นเข้ากับรถเรนจ์โรเวอร์สีดำที่จอดอยู่เบื้องหน้าเขาในตอนนี้

ซาเวียร์เดินออกจากลานจอดรถแสนว่างเปล่าแล้วเดินกลับเข้าไปในโรงละคร

คู่รักที่จูบกันอย่างดูดดื่มในแถวที่สี่ของโถงวีไอพีนั้นดูคล้ายกับลุคและเบียงก้าตั้งแต่หัวจรดเท้า

เพียงแต่พวกเขาไม่ได้เห็นใบหน้าของคนทั้งคู่ก็เท่านั้น

มันจะบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร? ลุคและเบียงก้าแอบพบกันและบังเอิญมานั่งอยู่หลังเขาและพ่อแม่อย่างนั้นน่ะเหรอ?

ซาเวียร์กลับไปที่โถงวีไอพี แต่บัดนี้มันกลับว่างเปล่าเสียแล้ว

ในตอนที่ซาเวียร์ยืนอยู่ตรงทางเข้าโถงวีไอพีนั้น เขาก็นึกย้อนไปถึงฉากรักที่เพิ่งประจักษ์แก่สายตาเขา เขาก็เกิดรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ราวสิบวินาทีเห็นจะได้

ทำไมลุคกับเบียงก้าจะต้องใส่รองเท้าคู่ด้วยล่ะ?

ว่ากันด้วยเรื่องการแต่งกายของลุค ซาเวียร์ไม่เคยเห็นเขาใส่อะไรแบบนั้นมาก่อนในชีวิต

แต่เบียงก้ายังเป็นวัยรุ่นอยู่ ไม่ว่าเธอจะผ่านชีวิตที่ยากลำบากเพียงใดมาก็ตามแต่ เธอก็อายุแค่ 24 ปีเท่านั้น คนวัยนี้นิยมใส่รองเท้าสีขาวเช่นนี้เหมือนกัน

หลังจากเบียงก้าเดินออกจากโรงละคร เธอก็เดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินเพียงลำพัง

เธอไม่ได้ไปกับลุค

ลุครับปากแล้วว่าจะให้เธอเจอลูกได้บ่อย ๆ และยังรับปากว่าเธอสามารถรับพวกเขามาค้างที่บ้านช่วงสุดสัปดาห์ได้

ดังนั้น เธอไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้เขาเพื่อที่จะใช้เวลากับลูก ๆ ทั้งสองอีก

ก่อนจากกัน ลุคกล่าวด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า “ถ้าคุณไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา คุณก็ควรไปตั้งแต่ตอนนี้ ซาเวียร์เป็นพวกขี้สงสัย ไม่แน่ เขาอาจจะกลับมาตามหาเราทั้งคู่ที่โรงละครอีกรอบก็เป็นได้ ซึ่งมันจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับสามีเอาได้นะ”

‘เกิดอะไรขึ้นกับเขาอีกล่ะเนี่ย?’

‘เขาพูดในสิ่งที่ประหลาดที่สุดออกมา’

ขณะยืนอยู่บนรถไฟใต้ดิน เบียงก้าได้แต่หลับตาลงด้วยความหงุดหงิดใจ

เบียงก้าก็เจอทางออกมาตั้งแต่แรก เธอถึงได้ยอมตกลงจดทะเบียนสมรสกับซาเวียร์

การช่วยชีวิตปู่นั้นกระชั้นมาก แต่เธอก็อาจจะปล่อยให้อีกครึ่งชีวิตของตัวเองจมไปกับการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะที่ควร เธอจะรีบหย่าอย่างไม่รั้งรออะไร ทะเบียนสมรสไม่อาจกักขังคนที่ยังมีชีวิตจากโซ่ตรวนนี้ได้

...

ในตอนที่เบียงก้าอยู่แถวละแวกบ้าน เธอก็ได้รับข้อความจากนีน่า

‘เธอถึงบ้านรึยังน่ะ? ไม่มีใครตอบรับที่หน้าประตูเลย ฉันไม่อยากกลับบ้านไปให้โดนพ่อแม่ว่าเอาหรอกนะ…’ นีน่าส่งข้อความมา

เบียงก้าเดินกลับบ้านและตอบข้อความกลับไป ‘ฉันกำลังขึ้นบันไดไป’

เมื่อถึงบ้านเช่า เบียงก้าก็เห็นว่านีน่ากำลังรอเธออยู่หน้าประตู

เมื่อทั้งสองเข้าไปในบ้านด้วยกัน นีน่าเหลือบมองมาเห็นรองเท้าที่เบียงก้าใส่อย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอกรีดร้องขึ้นมา “แม่เจ้า 6,400…”

เบียงก้าเข้ามาในห้อง เธอวางกระเป๋าลงแล้วเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะสำหรับใส่ในบ้าน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถาม “6,400 อะไรเหรอ?”

นีน่าเดินเข้ามาในบ้านแล้วละสายตาของเธอออกจากรองเท้าที่เบียงก้าใส่ “รองเท้าพวกนี้เคยลงโฆษณาบนนิตยสารเจ้าดังด้วยน่ะสิ ถ้าฉันจำไม่ผิด มันเป็นรองเท้าคู่พ่อแม่ลูก… ในแค็ตตาล็อกครอบครัว ราคาสำหรับรองเท้าของคนเป็นแม่น่าจะราว ๆ 6,400 เหรียญ…”

“6,400 เหรียญเนี่ยนะ?” เบียงก้าขมวดคิ้ว เพราะเธอยากจนถึงได้คิดว่าราคารองเท้าคู่หนึ่งคงไม่แพงเกิน 200 หรือ 300 เหรียญเท่านั้นแหละ

เสียงกริ่งประตูดังขึ้น

“ใครมาน่ะ? โอ้ อาจเป็นเจ้านายเธอรึเปล่า?” นีน่าเอ่ยอย่างขำ ๆ ก่อนจะหันไปเปิดประตู

ก่อนที่เบียงก้าจะเอ่ยห้ามเธอ ประตูก็ถูกเปิดออก

ซาเวียร์ยืนอยู่ด้านนอกนั่น

“คุณ… คุณมาหาใครคะ?” นีน่าเอ่ยถามชายในชุดสูทที่มีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาอย่างนึกสงสัย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก