พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 170

เบียงก้าเห็นแล้วว่าชายที่ยืนอยู่หน้าประตูคือ ซาเวียร์ แทนเนอร์

นี่เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าซาเวียร์คงเดินตามหาเธอจนทั่วโรงละครทั้งยังกลับไปที่ห้องโถงวีไอพีเพื่อตามหาเธออีกรอบ แต่ก็หาไม่เจอ

การที่เขามาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเช่นนี้ ก็เพราะความโกรธนั่นเอง

เขาได้แต่มองดูภรรยาตามกฎหมายของตัวเองระเริงรักอยู่กับชายอื่นอยู่ตำตา แต่กลับพลาดโอกาสทองที่จะจับพวกเขาได้คาหนังคาเขา

แม้ว่าการแต่งงานของพวกเขาจะไม่ได้เกิดจากความรักเลยแม้แต่น้อย แต่ในฐานะสามีแล้วล่ะก็ ความเจ็บปวดนี้ไม่อาจบรรยายได้เลย

ในความเป็นจริงแล้ว เบียงก้าไม่คิดว่าการไปเยี่ยมพ่อของลูกจะถือเป็นการนอกใจอะไร แต่ในมุมมองของซาเวียร์แล้วล่ะก็ การได้เห็นลุคจูบเธอเท่ากับการนอกใจ

“บี เขาเป็นเพื่อนเธอรึเปล่า?” นีน่ายืนอยู่ที่ประตูด้วยความอึดอัดใจ จากสายตาที่ซาเวียร์มองเบียงก้า นีน่าเดาได้ว่าเบียงก้าน่าจะรู้จักชายคนนี้ไม่มากก็น้อย

เบียงก้าปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ

นีน่าอดคิดไม่ได้ว่าเธอน่าจะได้รู้จักเพื่อนคนอื่น ๆ ของเบียงก้าที่นี่ด้วย เพราะในฐานะของเพื่อนร่วมงานใหม่ที่เบียงก้าได้ทำความรู้จักที่บริษัท นีน่ามั่นใจว่าเธอรู้จักคนพวกนั้นดีกว่าเบียงก้าแน่

นอกจากคนพวกนั้นแล้ว คนข้างนอกก็ดูแทบจะไม่เคยได้สุงสิงกับเบียงก้าเลย

ขอสรุปเดียวที่พอจะเป็นไปได้ก็คือ ชายคนนี้อาจจะเป็นคนรู้จักของเบียงก้ามาตั้งแต่สมัยที่เธอเรียนอยู่ต่างประเทศ ตอนนี้คนทั้งคู่กลับมาที่บ้านเกิดแล้วก็กลับมาติดต่อกันอีกครั้ง...

แต่จากสีหน้าของชายคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านี้ นีน่ารู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเบียงก้ากับเขานั้นซับซ้อนเกินกว่าจะเป็นแค่เพื่อนธรรมดาทั่วไป

“คุณ… คุณอยากเข้ามานั่งด้านในก่อนไหมคะ?” นีน่าเอ่ยถาม

ซาเวียร์ไม่ได้สนใจนีน่าเลยแม้แต่น้อย ดวงตาที่ลุกโชนเพราะไฟโทสะมองไปยังรองเท้าผู้หญิงสีขาวคู่เล็กที่ชั้นวางข้างประตู

ฉากเร่าร้อนที่ประจักษ์แก่สาตาของเขาที่ห้องโถงนั่นแล่นกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง

“เข้ามาสิคะ บังเอิญฉันมีอะไรจะพูดกับคุณด้วย” เบียงก้าเอ่ยอย่างเย็นชา หลังจากนั้นเธอก็หันกลับเข้าครัวไปเพื่อรินน้ำใส่แก้วสองใบ

หลังออกจากห้องครัว เบียงก้าวางแก้วน้ำทั้งสองใบลงบนโต๊ะรับแขก

นีน่าเดินออกมาจากหน้าประตู ตั้งแต่ที่ชายผู้มาเยือนเดินผ่านประตูบ้านเข้ามา ชายคนนั้นมีเรียวขายาว และรูปร่างที่ค่อนข้างดี

แต่เมื่อเทียบกับท่านประธานแล้ว ชายผู้นี้ขาดเล่ห์เหลี่ยมของนักธุรกิจ แต่กลับมีมาดของความโหดเหี้ยมเข้ามาแทนที่

สูทที่เขาสวมใส่นั้นให้ความรู้สึกราวกับหนังแกะที่พรางร่างที่แท้จริงของหมาป่าผู้ซึ่งไร้ความปรานีเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น

“นี่รองเท้าแตะค่ะ” นีน่าช่วยหยิบรองเท้าแตะออกจากชั้นวางให้

เมื่อซาเวียร์ก้มศีรษะลงเพื่อเปลี่ยนไปใส่รองเท้าแตะ เขาก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจที่ดูเหมือนว่าขนาดของรองเท้าที่ดูเหมือนเป็นของผู้ชายเสียมากกว่า

นีน่าที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของซาเวียร์ก็อธิบายอย่างใจดีว่า “รองเท้าแตะคู่นี้เป็นของคุณปู่ของบีน่ะค่ะ คุณใส่มันได้เลย”

หลังจากได้ยินว่ารองเท้าแตะคู่นี้เป็นของปู่เบียงก้า ซาเวียร์ก็สวมมันโดยไม่ต้องคิดอีก

คนทั้งสามยืนอยู่ร่วมห้องนั่งเล่นด้วยความอึดอัด

นีน่ารู้สึกได้ว่าบรรยากาศระหว่างซาเวียร์และเบียงก้านั้นไม่ชอบมาพากล เธอสังหรณ์ใจว่าพวกเขาน่าจะมีเรื่องส่วนตัวต้องคุยกัน เธอจึงพูดกับเบียงก้าอย่างสงบใจ “ฉันจะไปเล่นอินเทอร์เน็ตในห้องตัวเองนะ ถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็เรียกแล้วกัน”

เบียงก้าพยักหน้า

เพราะมีนีน่าอยู่ด้วย เบียงก้าจึงกล้าพอจะยอมให้ซาเวียร์ย่างกรายเข้ามาในบ้าน เพราะอันที่จริงแล้ว เธอไม่มีวันที่จะยอมเผชิญหน้ากับคนที่ชอบถือกฎหมายมาข่มเธออย่างเขาแน่

เบียงก้าได้แต่คิดว่าถ้าหากนีน่าส่องตาแมวแล้วเห็นเขาที่หน้าประตู เธอคงจะไม่ยอมให้นีน่าเปิดประตูให้เขาเข้ามาเช่นนี้แน่

ต่อให้ซาเวียร์จะกดกริ่งไปทั้งคืน เธอก็จะไม่เปิดประตูให้

ในเมื่อเหลือเพียงพวกเขาสองคนในห้องนั่งเล่น ซาเวียร์ก็ไม่ได้นั่งลง เขาเดินตรงไปที่ชั้นวางรองเท้า แล้วหยิบเอารองเท้าผ้าใบสีขาวออกมา

เขามองมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวทั้งที่มีรองเท้าอยู่ในมือซ้ายเช่นนั้น

“คุณจะทำอะไรกับรองเท้าของฉัน? วางลงเดี๋ยวนี้นะ” เบียงก้าเดินตามเขาเข้าไปในครัว และไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร

ซาเวียร์เปิดเตาแก๊ส เขาจ้องมองไปที่เปลวไฟที่แดงโร่ขึ้นมาครู่หนึ่ง ก่อนจะทำเพียงแค่โยนรองเท้าคู่นั้นลงไปบนเตาไฟที่กำลังลุกไหม้

เบียงก้าอยากจะหยิบรองเท้าออกจากไฟนั้น หากแต่เมื่อเทียบกับความกำยำของซาเวียร์แล้ว ต่อให้ใช้แรงทั้งหมดที่เธอมีก็ไม่อาจแย่งมันมาจากเขาได้

เมื่อกระดุมเสื้อของซาเวียร์ถูกฉีกทึ้ง รองเท้าก็ไหม้เกรียมไปเสียแล้ว

“ถ้าคุณป่วยทางจิตก็ไปรับยาที่โรงพยาบาลนู่น…” เบียงก้าเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ที่บอกว่าจะไปเล่นอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น นีน่าเอาหูแนบประตูอย่างหน่ายใจ ชายคนนั้นดูน่ากลัวจะตาย จะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าหากว่าเขาคิดมิดีมิร้ายกับเบียงก้าขึ้นมา?

ในฐานะเพื่อนแสนดีของเบียงก้าแล้วล่ะก็ เธอจำเป็นต้องตื่นตัวเข้าไว้!

ในตอนที่เธอได้ยินเสียงโกรธขึ้งของเบียงก้า นีน่าก็รีบวิ่งออกมาจากห้องนอนของตนทันที เมื่อไม่เห็นใครที่ห้องนั่งเล่น เธอก็รีบแจ้นไปที่ห้องครัว

หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในครัวแล้ว นีน่ารีบปิดแก๊สและมองดูรองเท้าที่ถูกเผาไหม้จนไม่เหลือเค้าเดิม เธอไม่มีความคิดที่ดีไปกว่าการหาน้ำมาดับไฟอีกแล้ว

ไฟถึงดับลงอย่างสมบูรณ์

แต่กระนั้น ห้องครัวก็อบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นไหม้ประหลาด

หลังจากเปิดหน้าต่างเพื่อไล่กลิ่นเหม็นแล้ว นีน่าหันไปมองซาเวียร์ด้วยแววตาหวาดกลัว บ้าอะไรกันเนี่ย? ผู้ชายคนนี้ป่วยทางจิตรึอย่างไร?!

“ดูเหมือนฉันจะประเมินคุณต่ำไป ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้คิดว่าเราจะยังพอคุยกับได้” เบียงก้าโกรธมากจนนึกอยากจะฟาดหน้าตัวเองสักหน

ซาเวียร์เดินเข้าหาเบียงก้าด้วยสีหน้ามืดมนน่าสยดสยอง

นีน่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ก้าวเข้าไปยืนกันท่าให้เบียงก้า เธอเงยหน้ามองซาเวียร์แล้วพูด “หยุดทำตัวโง่ ๆ สักทีเถอะ บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะ มีปัญหาอะไรก็ว่ามาสิ ไม่ใช่ว่าจะมาเผารองเท้าคู่ละหกพันเหรียญแบบนี้ นายเป็นบ้าอะไรห๊ะ? ไม่ใช่แค่ต้องขอโทษบีนะ แต่นายต้องชดใช้ค่าเสียหายให้เธอด้วย!”

ซาเวียร์ไม่ได้ฟังสิ่งที่นีน่าพูดแม้แต่คำเดียว

เขามองเบียงก้าที่ยืนอยู่ด้านหลังนีน่าด้วยสายตาสีอำพันที่แสนเย็นชา “คุณควรจะทำหน้าที่ภรรยาของตัวเองให้ดีกว่านี้นะ ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าผมไม่เตือนแล้วกัน!”

“ทำได้แค่นี้เหรอ? ลักพาตัวปู่ฉันไปแล้วก็จะขู่ฉันอีกงั้นเหรอ? ครั้งแรกที่คุณทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้ฉันแต่งงานด้วย แล้วครั้งนี้จะเอาอะไรล่ะ? อยากให้ฉันนอนกับคุณ แล้วก็คลอดลูกให้ด้วยไหม?” เบียงก้ารู้ว่าเธอเองก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งเช่นเดียวกับคนอื่น ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เธอไม่ควรต้องอยู่ใต้การควบคุมของใครเช่นนี้

แต่ซาเวียร์เป็นคนมีประวัติอาชญากรรม แถมยังเคยติดคุกมาก่อนด้วย เขาเป็นประเภทที่ทำได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ ไม่มีใครกล้าลองดีกับคนแบบเขา เว้นแต่ว่าคนพวกนั้นจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

เบียงก้าก็อยากใช้ลูกบ้าแบบนั้นเพราะอยากให้ใครต่อใครกลัวเธอเช่นนั้นเหมือนกัน แทนที่เธอจะกลายเป็นฝ่ายกลัวหัวหดเสียเอง

เธอเคยต้องกังวลแค่เรื่องของพ่อกับปู่ แต่ตอนนี้เธอมีลานี่กับเรนนี่ให้กังวลเพิ่มขึ้นอีก

เมื่อไหร่เธอจะหลุดออกจากบ่วงนี้เสียที?

นีน่ารู้สึกสับสนกับเรื่องระหว่างทั้งสองคนเล็กน้อย...

เธอนึกย้อนไปถึงตอนที่พวกเขาดื่มด้วยกัน แล้วซูก็บอกว่าเบียงก้าแต่งงานแล้ว นีน่าก็ถึงบางอ้อในทันทีว่าผู้ชายคนนี้นี่เองที่เป็นคนลักพาตัวปู่ของเบียงก้าไป แล้วยังข่มขู่เธอด้วยอย่างนั้นเหรอ?

“นี่นายคือคนที่ทำร้ายคุณปู่ของบีงั้นเหรอ? สารเลวเอ๊ย นี่นายยังมีความเป็นคนอยู่รึเปล่า? คุณปู่น่ะอายุเยอะขนาดไหนแล้ว? นายไม่มีพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่เลยรึไง?” นีน่าไม่รู้เลยว่าเบียงก้ากำลังเผชิญหน้ากับคนบ้าประเภทไหนอยู่

ซาเวียร์เป็นคนมีเหตุผลมากพอ แทนที่เขาจะเปิดโอกาสให้ใครเล่นงานเขา หรือบันทึกเสียงเขาไป เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแล้วกดบันทึก “พูดเหมือนเดิมอีกสิ”

“ฉันไม่กลัวนายหรอก! ฉันจะพูดทุกอย่างที่อยากพูดนั่นแหละ!” นีน่าทวนคำพูดของตัวเองซ้ำอีกหน

ซาเวียร์บันทึกคำพูดของนีน่าแล้วยัดโทรศัพท์กลับเข้าที่เดิม

“เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเรา คุณไม่ควรดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยว ฉันจะจ้างทนายมือดีมาจัดการเรื่องหย่าของเราแน่” เบียงก้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

เธอไม่แน่ใจในบุคลิกที่ซาเวียร์แสดงออกมา แม้รู้ดีว่าเขามันหน้าหนาไร้ยางอาย แต่เธอก็รู้เพียงด้านนั้นด้านเดียว และบอกไม่ได้ว่าเขาหน้าหนาได้ขนาดไหน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก