“ตราบเท่าที่เรายังไม่ได้หย่ากัน ผมก็จะถือว่าคุณยังเป็นเมียผมอยู่ แล้วถ้าเกิดคุณไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นขึ้นมาล่ะก็ ผู้ชายคนนั้นคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน และชื่อเสียงที่สั่งสมมาก็จะอันตรธานหายไปหมดแน่”
ซาเวียร์เตือนด้วยเจตนาอันร้ายกาจของตนก่อนจากไป
นีน่าพิงหลังไปกับผนังครัวเย็นเยียบ และเอ่ยถามเบียงก้าซึ่งกำลังสาละวนอยู่กับเคาน์เตอร์ครัว “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย? ผู้ชายคนนั้นบ้าสิ้นดี นอกจากบังคับเธอให้แต่งงานด้วยแล้ว เขาคิดจะทำบ้าอะไรอีก? ฉันรู้แค่ว่าเขาไม่ได้ชอบเธอเลยสักนิด แต่กลับแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอแบบไร้เหุตผลถึงขนาดนี้”
นีน่ารู้ได้โดยไม่ต้องถามด้วยซ้ำว่ารองเท้านี่จะต้องเข้าคู่กันกับรองเท้าของลูกท่านประธานแน่...
แต่เจ้าบ้านี่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
เขาต้องรู้อยู่แล้วแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาเตือนเบียงก้าถึงที่นี่ เขาสั่งให้เบียงก้าปฏิบัติตามคำสอนหญิง แถมยังตามมาเผารองเท้าคู่อีกด้วย
เบียงก้าเผยริมฝีปากเล็กน้อย ขนตาของเธอสั่นระริก “คนที่เคยติดคุกมาก่อนแบบเขาก็คงเจอเรื่องกระทบจิตใจมาก่อนทั้งนั้นแหละ เขาถึงได้ก่อเหตุอาชญากรรมแบบนั้นลงไป ไม่แปลกเลยที่เขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ แต่เธอพูดถูกอยู่อย่างหนึ่งนะว่าเขาไม่ได้สนใจฉันเลยสักนิด ไม่มีคู่ชีวิตคนไหนทำแบบนี้ต่อกันหรอก เพราะงั้นเหตุผลที่เขาบังคับให้ฉันแต่งงานด้วยก็มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ”
“เหตุผลอะไรล่ะ?” นีน่าเอ่ยถาม
เบียงก้าใส่รองเท้าที่ไหม้เกรียมลงในถุง เธอค่อยนำมันไปทิ้งทีหลัง
“เพราะเขาเป็นญาติกับลุคไงล่ะ”
“อะไรนะ? พวกเขาเป็นญาติกัน… แล้วเธอ…” นีน่าคิดว่าเบียงก้าคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ดังนั้น เธอจึงควรเห็นใจที่เพื่อนต้องเจอกับบททดสอบอันน่าสมเพชนี้
แต่ละครเน่าที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอนี้ มันน่าทึ่งจริง ๆ...
“พวกเขาน่าจะมีเรื่องบาดหมางกันอยู่ลึก ๆ นะ ภายนอก พวกเขาอาจจะแสดงออกตามมารยาท แต่ซาเวียร์คงจะแอบแข่งกับลุคอยู่ในใจแน่” หากแต่เบียงก้ายังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมซาเวียร์ถึงอยากแต่งงานกับเธอนัก
เขาโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ไม่ว่าจะเอาแต่ใจหรือมีปัญหาทางจิตเพียงใด เขาก็ไม่น่าจะคิดการใหญ่อย่างไร้เหตุผลขนาดนี้
นีน่ารู้สึกสะพรึงกลัวอย่างหนัก
เรื่องยุ่งเหยิงของลูกหลานในตระกูลเศรษฐีนั้นอยู่เหนือจินตนาการของคนธรรมดาอย่างเธอไปมาก
“สรุปก็คือ ตอนนี้เธอติดอยู่กึ่งกลางระหว่างศึกสายเลือดของผู้ชายทั้งสองคนนี้ ถูกไหม?” นีน่าน่าถอนหายใจ
เบียงก้าพยักหน้ารับ
…
ในเวลาสองทุ่มครึ่งของวันนั้น
นีน่าเริ่มเก็บข้าวของ “ฉันจะกลับแล้วนะ”
“เธอไม่ค้างที่นี่เหรอ?” เบียงก้าคิดว่านีน่าจะอยู่ที่นี่ต่อในคืนนี้เสียอีก
“ไม่ล่ะ” นีน่าตอบขณะทำความสะอาด “ฉันไม่อยากฟังเสียงบ่นของแม่หรอกนะ แต่กลัวว่าโรคหัวใจแม่จะกำเริบขึ้นมา ป่านนี้พ่อแม่คงหลับไปแล้ว ถ้าไปอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ฉันจะอุ่นใจได้มากกว่าน่ะ”
เบียงก้าเข้าใจในความรู้สึกของนีน่า ดังนั้น เธอจึงไม่ยื้อให้นีน่าอยู่ต่อ
“อย่าขับเร็วนักล่ะ มันอันตราย” เบียงก้าไปส่งนีน่าที่ประตู เธอเฝ้ามองนีน่าที่เดินลงไปชั้นล่าง ก่อนที่ร่างของนีน่าจะหายไปกับความมืดยามค่ำคืน
เบียงก้าถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวในห้องอันว่างเปล่านี้
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เบียงก้าก็เตรียมจะเข้านอน
แต่เกิดมีเสียงกริ่งขึ้นที่หน้าประตู
เบียงก้าเปลี่ยนชุดนอนแล้วเดินไปที่ประตูตามสัญชาตญาณ ก่อนจะมองออกไปผ่านตาแมวที่ประตู เธอก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่คุ้นหูขึ้นมา
เป็นเสียงของเรนนี่
เบียงก้าเปิดประตูโดยไม่รั้งรออะไรอีก
ลุคจูงเรนนี่ไว้ ในขณะที่มืออีกข้างก็จูงบลองช์ตัวน้อยที่กำลังโกรธ
“เกิดอะไรขึ้นเนี้ย?” เบียงก้าอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก