พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก นิยาย บท 171

“ตราบเท่าที่เรายังไม่ได้หย่ากัน ผมก็จะถือว่าคุณยังเป็นเมียผมอยู่ แล้วถ้าเกิดคุณไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นขึ้นมาล่ะก็ ผู้ชายคนนั้นคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน และชื่อเสียงที่สั่งสมมาก็จะอันตรธานหายไปหมดแน่”

ซาเวียร์เตือนด้วยเจตนาอันร้ายกาจของตนก่อนจากไป

นีน่าพิงหลังไปกับผนังครัวเย็นเยียบ และเอ่ยถามเบียงก้าซึ่งกำลังสาละวนอยู่กับเคาน์เตอร์ครัว “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย? ผู้ชายคนนั้นบ้าสิ้นดี นอกจากบังคับเธอให้แต่งงานด้วยแล้ว เขาคิดจะทำบ้าอะไรอีก? ฉันรู้แค่ว่าเขาไม่ได้ชอบเธอเลยสักนิด แต่กลับแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอแบบไร้เหุตผลถึงขนาดนี้”

นีน่ารู้ได้โดยไม่ต้องถามด้วยซ้ำว่ารองเท้านี่จะต้องเข้าคู่กันกับรองเท้าของลูกท่านประธานแน่...

แต่เจ้าบ้านี่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

เขาต้องรู้อยู่แล้วแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาเตือนเบียงก้าถึงที่นี่ เขาสั่งให้เบียงก้าปฏิบัติตามคำสอนหญิง แถมยังตามมาเผารองเท้าคู่อีกด้วย

เบียงก้าเผยริมฝีปากเล็กน้อย ขนตาของเธอสั่นระริก “คนที่เคยติดคุกมาก่อนแบบเขาก็คงเจอเรื่องกระทบจิตใจมาก่อนทั้งนั้นแหละ เขาถึงได้ก่อเหตุอาชญากรรมแบบนั้นลงไป ไม่แปลกเลยที่เขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ แต่เธอพูดถูกอยู่อย่างหนึ่งนะว่าเขาไม่ได้สนใจฉันเลยสักนิด ไม่มีคู่ชีวิตคนไหนทำแบบนี้ต่อกันหรอก เพราะงั้นเหตุผลที่เขาบังคับให้ฉันแต่งงานด้วยก็มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ”

“เหตุผลอะไรล่ะ?” นีน่าเอ่ยถาม

เบียงก้าใส่รองเท้าที่ไหม้เกรียมลงในถุง เธอค่อยนำมันไปทิ้งทีหลัง

“เพราะเขาเป็นญาติกับลุคไงล่ะ”

“อะไรนะ? พวกเขาเป็นญาติกัน… แล้วเธอ…” นีน่าคิดว่าเบียงก้าคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ดังนั้น เธอจึงควรเห็นใจที่เพื่อนต้องเจอกับบททดสอบอันน่าสมเพชนี้

แต่ละครเน่าที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอนี้ มันน่าทึ่งจริง ๆ...

“พวกเขาน่าจะมีเรื่องบาดหมางกันอยู่ลึก ๆ นะ ภายนอก พวกเขาอาจจะแสดงออกตามมารยาท แต่ซาเวียร์คงจะแอบแข่งกับลุคอยู่ในใจแน่” หากแต่เบียงก้ายังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมซาเวียร์ถึงอยากแต่งงานกับเธอนัก

เขาโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ไม่ว่าจะเอาแต่ใจหรือมีปัญหาทางจิตเพียงใด เขาก็ไม่น่าจะคิดการใหญ่อย่างไร้เหตุผลขนาดนี้

นีน่ารู้สึกสะพรึงกลัวอย่างหนัก

เรื่องยุ่งเหยิงของลูกหลานในตระกูลเศรษฐีนั้นอยู่เหนือจินตนาการของคนธรรมดาอย่างเธอไปมาก

“สรุปก็คือ ตอนนี้เธอติดอยู่กึ่งกลางระหว่างศึกสายเลือดของผู้ชายทั้งสองคนนี้ ถูกไหม?” นีน่าน่าถอนหายใจ

เบียงก้าพยักหน้ารับ

ในเวลาสองทุ่มครึ่งของวันนั้น

นีน่าเริ่มเก็บข้าวของ “ฉันจะกลับแล้วนะ”

“เธอไม่ค้างที่นี่เหรอ?” เบียงก้าคิดว่านีน่าจะอยู่ที่นี่ต่อในคืนนี้เสียอีก

“ไม่ล่ะ” นีน่าตอบขณะทำความสะอาด “ฉันไม่อยากฟังเสียงบ่นของแม่หรอกนะ แต่กลัวว่าโรคหัวใจแม่จะกำเริบขึ้นมา ป่านนี้พ่อแม่คงหลับไปแล้ว ถ้าไปอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ฉันจะอุ่นใจได้มากกว่าน่ะ”

เบียงก้าเข้าใจในความรู้สึกของนีน่า ดังนั้น เธอจึงไม่ยื้อให้นีน่าอยู่ต่อ

“อย่าขับเร็วนักล่ะ มันอันตราย” เบียงก้าไปส่งนีน่าที่ประตู เธอเฝ้ามองนีน่าที่เดินลงไปชั้นล่าง ก่อนที่ร่างของนีน่าจะหายไปกับความมืดยามค่ำคืน

เบียงก้าถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวในห้องอันว่างเปล่านี้

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เบียงก้าก็เตรียมจะเข้านอน

แต่เกิดมีเสียงกริ่งขึ้นที่หน้าประตู

เบียงก้าเปลี่ยนชุดนอนแล้วเดินไปที่ประตูตามสัญชาตญาณ ก่อนจะมองออกไปผ่านตาแมวที่ประตู เธอก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่คุ้นหูขึ้นมา

เป็นเสียงของเรนนี่

เบียงก้าเปิดประตูโดยไม่รั้งรออะไรอีก

ลุคจูงเรนนี่ไว้ ในขณะที่มืออีกข้างก็จูงบลองช์ตัวน้อยที่กำลังโกรธ

“เกิดอะไรขึ้นเนี้ย?” เบียงก้าอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขน

ในขณะที่ผู้เป็นพ่อพาบลองช์เข้ามาในบ้าน

“น้าบีใจร้าย ฮือ…” เรนนี่โผเข้ากอดเบียงก้าซึ่งร่างกายอบอวลไปด้วยกลิ่นครีมอาบน้ำ ก่อนจะร้องไห้อย่างเจ็บปวด

“อย่าร้องเลยนะเรนนี่ ไม่งั้นจะยิ่งเจ็บตาเอาได้นะจ๊ะ”

เบียงก้ามองไปที่พ่อของลูกเธอด้วยสีหน้างงงวย เธอได้แต่ปลอบใจลูกสาวด้วยความทุกข์ราวกับตัวเองเป็นคุณแม่มือใหม่

“ลานี่ทำรองเท้าคู่ใหม่ของเรนนี่เปื้อนน่ะสิ” ลุคเอ่ยก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ

เบียงก้าไม่ได้บอกอะไรกับลุคอีก เพราะดูเหมือนเขาจะคุ้นกับบ้านเธอเป็นอย่างดี

บลองช์ไม่เข้าใจว่าตนเองทำอะไรผิด แต่เขาก็พูดอย่างรู้สึกผิดออกมาว่า “แต่มันเลอะแค่นิดเดียวเองนี่นา คือผม ผมเช็ดให้น้องก็ได้นี่…”

“พี่ชายใจร้าย พี่ชายเป็นคนไม่ดี ฮึก…”

เรนนี่ยังคงร้องไห้ต่อไป

ไม่นานนัก เสียงกดชักโครกก็ดังขึ้น และลุคก็เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากนั้นทันที

เบียงก้าจำต้องกล่อมให้เรนนี่หยุดร้องไห้อยู่พักหนึ่งกว่าเด็กน้อยจะยอมสงบลง เธอถอดผ้าก๊อซที่ปิดตาเรนนี่ออกแล้วตรวจดูสภาพของดวงตาลูกสาวตามที่แพทย์แนะนำ เบียงก้าจำเป็นต้องเช็ดคราบน้ำตาและฆ่าเชื้อบริเวณรอบ ๆ อีกหน ก่อนจะใช้ผ้าก๊อซผืนใหม่ปิดตาไว้อย่างเดิม

“น้าบีครับ ผมขอดื่มน้ำหน่อย…” บลองช์รู้สึกกระหายหลังจากขอโทษน้องสาวไปหลายต่อหลายรอบ

“ได้สิจ๊ะ เดี๋ยวฉันไปรินน้ำมาให้นะ” หลังจากจัดการเรื่องของเรนนี่เรียบร้อยแล้ว เบียงก้าก็มุ่งหน้าไปยังห้องครัว

น้ำที่เธอต้มไว้ก่อนหน้านี้ยังไม่เย็นลง มันกำลังอุ่นได้ที่ เบียงก้าจึงเทน้ำลงในแก้วสองใบ

เรนนี่ลงจากโซฟาแล้วเดินไปรอบห้อง

เบียงก้ายื่นแก้วน้ำไปให้ลานี่ เขาก้มหน้าลงจิบน้ำในแก้วเล็กน้อย ในขณะที่เบียงก้านำน้ำอีกแก้วที่เหลือไปให้ลุค ที่นั่งอยู่บนโซฟา

“หนูอยากนอนกับน้าบีอีกค่ะ” จู่ ๆ เรนนี่ก็กอดเข้าที่ด้านหลังต้นขาของเบียงก้า

เบียงก้าไม่ได้ตั้งตัว เธอไม่ได้ถือแก้วน้ำในมือไว้แน่นพอด้วยซ้ำ และก่อนที่ลุคจะคว้าแก้วนั้นไว้ได้ เธอก็เผลอราดมันลงบนตัวของลุค ในส่วนที่น่าอึดอัดใจที่สุดของเขาเสียด้วย

“ฉันขอโทษ ฉัน…” เบียงก้ารีบไปหยิบกล่องกระดาษชำระมาในทันที

ลุคก้มลงมองคราบน้ำที่หกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมใบหน้าที่อ่านไม่ได้ แล้วจึงตรงไปยังห้องน้ำหลังจากนั้น

เบียงก้าคลายความอับอายที่เธอก่อขึ้นในใจ ทั้งยังต้องพยายามคลายความตึงเครียดระหว่างเรนนี่กับลานี่อีกด้วย ลานี่เริ่มทำตัวแก่แดดอย่างเคยอีกครั้ง เขาวางมาดเป็นพี่ชายที่ชอบดูแลน้องสาวของตัวเอง

เด็กหญิงตัวน้อยไม่เคืองที่พี่ชายไม่ได้ตั้งใจทำรองเท้าของเธอเปื้อนอีกต่อไปแล้ว

เมื่อเห็นว่าประตูห้องน้ำยังปิดอยู่ เบียงก้าจึงเดินไปเคาะประตู

ครู่ต่อมา ประตูห้องน้ำก็เปิดออก

ชายร่างสูงยืนอยู่ใต้แสดงสลัวของไฟในห้องน้ำ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะกำลังเช็ดเป้ากางเกงที่ชุ่มไปด้วยน้ำอย่างอดทน

“ผมรับมือกับลูกพร้อมกันไม่ได้ ผมไม่มีแรงเหลือพอจะพาพวกเขาไปนู่นนี่อีกแล้วด้วย ผมก็เลยพาลูก ๆ มาหาคุณนี่แหละ” ขณะที่ลุคอธิบายเหตุผลที่ทำให้เขาต้องมาเคาะประตูบ้านเธอยามดึกเช่นนี้ เขาก็ยังเช็ดคราบน้ำที่ชุ่มกางเกงของตัวเองด้วยผ้าขนหนูสีขาวในมือ

“ขอบคุณนะคะที่พาพวกเขามาหาฉัน” เบียงก้าตอบกลับด้วยความดีใจ การดูแลลูก ๆ ในแต่ละวันนั้นล้วนเป็นความรับผิดชอบของคนเป็นพ่อเป็นแม่ สิ่งเหล่านั้นทำให้เธอทั้งมีความสุขและอบอุ่นหัวใจ

ลุคไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขามองดูตัวเองในกระจก

เบียงก้ายังกล่าวต่อ “เราจะทำยังไงกับกางเกงคุณดีคะ? คุณจะโทรให้คุณเจสันเอากางเกงมาเปลี่ยนให้ไหมคะ? ไม่งั้น คุณคงกลับไม่ได้…”

ลุคได้กลิ่นสาปสาวแสนหอมหวาน เขากล่าวอย่างใจเย็น “เจสันไม่ใช่ทุกอย่างเสียหน่อย เขาก็มีชีวิตของเขานะ และบางทีเขาอาจจะกำลังอยู่ระหว่างนัดบอดก็ได้”

ณ ตอนนั้น เบียงก้าก็ตระหนักได้ว่า การรบกวนคนอื่นขณะที่เขากำลังนัดบอดนั้นเสียมารยาทมาก

“ข้างนอกไม่สว่างเท่าไหร่ ถึงคุณจะกลับไปแบบนี้ก็ไม่มีใครเห็นหรอกค่ะ” เบียงก้าเสนอความคิดให้ชายหนุ่ม

เธออาจจะเผลอกระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้ว ลุคถึงได้โยนผ้าขนหนูในมือลงอ่างล้างไปอย่างนั้น

ใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูราวกับรูปสลักแสนประณีตจ้องมองเธอด้วยความหงุดหงิด เขามองพวงแก้มของเธอขณะเดินเข้ามาใกล้ สุ้มเสียงของเขาก็ไม่ต่างจากเดิม มันทั้งมั่นคงและฟังดูนิ่งสงบ “ถ้าเกิดพวกนักข่าวถ่ายติดผมละแวกนี้ล่ะ คุณคิดว่าพาดหัวข่าววันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง? พวกเขาอาจจะเขียนว่าผมออกมากลางดึกพร้อมกับเป้าที่ทั้งตุงและเปียกชุ่มรึเปล่า? หรืออาจจะเขียนว่าผมมาเคาะประตูเพราะถวิลหาความสุขสม แต่ต้องกลับไปพร้อมกับความชอกช้ำรึยังไง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พราวกลิ่นบุปผาตัณหารัก